ตอนที่ 9 ฟ้องชู้พี่
“ณิหย่าให้พี่ไม่ได้หรอกค่ะ” หล่อนกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น หัวใจหล่อนเจ็บจนถึงที่สุดแล้ว พลางมองหน้าสบตาผู้ชายที่เธอรักมาตลอดหลายปีด้วยความเจ็บปวด
สิ้นคำนั้น นัยน์ตาคมถึงกับเบิกกว้าง คิ้วหนาขมวดมุ่น กรามขบแน่นด้วยความโกรธจัด
“ณิดา!!” เค้นเสียงหนักเรียกชื่อหญิงสาว
“พี่ไม่นึกว่าเธอจะเป็นคนเข้าใจอะไรยากแบบนี้นะ!”
“ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ณิคงไม่หน้าด้านเหนี่ยวรั้งพี่ไว้หรอกค่ะ คนที่ไม่รัก ยังไงก็ไม่มีวันที่จะฝืนมารักณิได้ใช่ไหมละคะ”
“ใช่! รู้อย่างนี้แล้วจะฝืนทำไมอีก” ย้อนถามเสียงดัง
ก่อนจะผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หันหลังให้หญิงสาวที่ในเวลานี้ช่างดื้อด้าน และน่าชังเหลือทน พร้อมกับแหงนหน้าขึ้นพยายามสงบสติอารมณ์ตนเอง
ในขณะที่นิษฐ์รัณดาจ้องมองเขาด้วยความเจ็บปวด รวดร้าว หล่อนเองก็รู้สึกย้ำแย่ ด้อยค่าตัวเองจนถึงที่สุดแล้ว หากเธอไม่ท้อง ก็คงจะไม่เหนี่ยวรั้งเขาไว้เป็นอันขาด
หล่อนพยายามกลืนก้อนแข็ง ๆ ที่รี่ขึ้นมาจนจุกแน่น แทบหายใจไม่ออก เอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือสะอื้นไห้ เบา ๆ
“ณิไม่ต้องการให้ลูกณิขาดพ่อ”
“หมายความว่ายังไงนะ ณิดา!”
“ณิไม่ยอมให้ลูกณิขาดพ่อ” หล่อนกล่าวซ้ำ ด้วยเสียงที่ดังฟังชัด
“ณิท้อง! ได้ยินไหมคะพี่กลาง ณิท้องได้สองเดือนแล้ว ณิหย่าให้พี่ไม่ได้!!”
“นี่เธอ! ท้องงั้นเหรอ!” ย้อนถามเสียงดังด้วยความตกใจ คาดไม่ถึง ขณะที่เธอเองกลับแค่นหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา ตลกร้ายที่สุดในชีวิต
“ค่ะ ณิรู้ว่าท้อง...ในวันที่รู้ว่าสามีตนเองรักคนอื่น” หล่อนตอบรับเขาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะสูดลมหายใจเข้า กล่าวด้วยเสียงหนักแน่น เด็ดเดี่ยว
“ยังไงณิก็ไม่หย่า ถ้าไม่อย่างนั้นพี่คงต้องฟ้องหย่าณิแล้วล่ะค่ะ”
“ณิดา! นี่เธอ”
“ณิไม่ยอมเสียพี่ไปให้ใครทั้งนั้น ถ้าผู้หญิงคนนั้นอยากได้พี่กลับไป ก็มาฟ้องหย่าณิได้เลย แต่ถ้าพี่ทำอะไรลับหลังณิ อย่าลืมนะคะ ณิจะฟ้องชู้พี่!”
“ณิดา! พี่ไม่เคยทำเรื่องน่าเกลียดแบบนั้นนะ!”
“ที่ผ่านมา พี่คงคิดว่าณิโง่มาตลอด ณิจะบอกให้พี่รู้ไว้เลยนะคะ ว่าณิจะไม่ยอมให้พี่ได้มีความสุขกับผู้หญิงคนนั้น”
“ณิดา พ่อแม่ที่ไม่รักกัน เธอคิดว่าลูกจะมีความสุขงั้นเหรอ”
“แล้วพี่จะปล่อยให้ณิ ท้องไม่มีพ่อ เพียงเพราะพี่จะหย่าณิ เพื่อกลับไปหาคนรักเก่า พี่ยังมีความเป็นคนอยู่ไหมคะ คุณหมออธิษฐ์!”
“ณิดา!!!!”
ค่ำคืนนั้นหญิงสาวข่มตาตัวเองนอนแทบไม่หลับ หล่อนกระสับกระส่ายพลิกตัวไปมาบนเตียงกว้างขนาดใหญ่ที่มีเพียงเธอคนเดียวนอนอยู่ลำพัง ด้วยใจที่แตกร้าว พร้อมกับคำถามที่ตีวนอยู่ในความคิดเธอตลอดเวลา
ในขณะที่เขานั้นเลือกจะย้ายตัวเองกลับไปนอนห้องทำงาน ที่เขาใช้นอนมาตลอดหลายคืนที่ผ่านมานี้
ลูกจ๋า...ถ้าแม่ฝืนจนทนไม่ไหว...ลูกคงเข้าใจ ไม่โกรธแม่ใช่ไหม มือบางวางบนหน้าท้องน้ำตาไหลพรูอาบสองแก้ม
หรือว่าเธอควรยอมแพ้ ปล่อยมือคนที่เขาย้ำมาตลอดว่าไม่มีวันรัก ให้ไปอยู่กับหญิงคนนั้นอย่างที่ใจเขาปรารถนา
หล่อนเฝ้าคิดทบทวนกับตัวเองอยู่แบบนั้น พลางคิดในใจว่า...หล่อนจะลองสู้กับตัวเองดูสักครั้ง หากฝืนไม่ไหวจริง ๆ เธอคงต้องยอมปล่อยเชือกที่เธอเป็นคนรั้งไว้กับมืออย่างแน่นอน
ความฝันที่คิดว่าจะได้เห็นสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มของเขา ยามเมื่อได้รับข่าวดี ว่าเธอกำลังจะมีลูกน้อย กลับกลายเป็นฝันสลาย
นอกจากเขาจะไม่ไยดีกับเธอแล้ว เขายังไม่คิดสนใจเลยด้วยซ้ำ!
กระทั่งเช้า นิษฐ์รัณดาลุกจากที่นอนขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวด้วยสภาพอิดโรย อ่อนเพลีย จากการร้องไห้อดนอนมาตลอดทั้งคืน แต่หล่อนก็ยังฝืนตัวเองที่ลุกไปทำงาน เพราะไม่อยากจะใช้วันลาเพิ่ม ยิ่งใกล้ถึงงานแต่งงาน ที่เธอก็ไม่มั่นใจว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ยังคงมีอยู่อีกหรือไม่
หญิงสาวเดินลงบันไดมา ตั้งใจจะออกไปหาโจ๊กทานแบบง่าย ๆ ใกล้ที่ทำงาน และไม่คิดว่าจะเจอเขา ยังอยู่ในไม่บ้าน วุ่นวายทำอะไรบางอย่างอยู่ในครัว หล่อนมุ่นคิ้วด้วยความแปลกใจเล็กน้อย ปกติแล้วนั้นเขามักจะออกจากบ้านเร็วกว่าเธอเสมอ แม้ว่าสถานที่ทำงานของเขาจะต้องผ่านเส้นทางของเธอ แต่ระยะหลังมานี้เขามักมีข้ออ้าง ที่จะไม่ไปส่งเธอไปทำงาน
ทว่าวันนี้นั้น...
“จะออกไปทำงานแล้วเหรอ ทานข้าวเช้าก่อนไหม” เสียงทุ้มเข้มเอ่ยถาม สร้างความแปลกใจให้กับเธออยู่ไม่น้อย ขณะที่เขาเบี่ยงเท้าเดินมาหาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เป็นปกตินิสัย ทว่าท่าทีและน้ำเสียงของเขานั้นกลับดูผิดแปลกไปจนเธอมองด้วยความฉงน เต็มไปด้วยความสงสัย
กอปรกับคำพูดต่อมาของเขา ยิ่งสร้างความแปลกประหลาดใจให้กับเธอมากยิ่งขึ้น มองเขาด้วยความเคลือบแคลงสงสัย
“เมื่อวาน พี่ขอโทษนะ” ตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำขอโทษออกมาจากปากของเขา หล่อนชำเลืองสายตามองขณะที่เขาตรงเข้ามาช่วยประคองพาเดินมานั่งยังเก้าอี้ในห้องอาหาร ซึ่งมีโจ๊กหมูสับร้อน ๆ วางรออยู่บนโต๊ะก่อนแล้ว
“เช้านี้มีอาการแพ้ไหม”
“มีนิดหน่อยค่ะ” หล่อนตอบด้วยเสียงราบเรียบ ผิดปกติวิสัยจนเขาถึงกับมุ่นคิ้วหากันเล็กน้อย ไม่คุ้นกับน้ำเสียงและท่าทีคล้ายเย็นชาของเธอ
“ทำไมไม่ลางาน หรือจะให้พี่ลาให้ดีไหม แล้วกลับขึ้นไปนอนพัก”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ลาเถอะ เดี๋ยววันนี้พี่จะอยู่ด้วยทั้งวัน เธอจะได้พักผ่อน” แม้จะสงสัย แปลกใจและไม่คุ้นชินกับความเอาใจใส่ของเขาที่มีให้เธอในเช้านี้ แต่เธอก็ไม่คิดที่จะปฏิเสธน้ำใจเหล่านั้นยอมทานโจ๊กหมูใส่ขิงที่เธอไม่ค่อยชอบ แต่พอเขาบอกว่าเพื่อลูกในท้อง เธอก็ยอมกลั้นใจทานไปกว่าครึ่งชาม
“ทานเสร็จแล้วขึ้นไปนอนพักก่อนแล้วกัน ช่วงบ่ายถ้าไม่มีอะไร จะพาไปเดินเล่นซื้อของดีไหม”ถามด้วยเสียงอ่อนโยน น่าฟัง จนหล่อนเองอดจะมองเขาด้วยความฉงนสงสัย
ขณะที่เขาเองนั้นหลังจากได้คิดทบทวนในเรื่องทั้งหมดแล้ว เริ่มรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย กับการตัดสินใจแบบคนเห็นแก่ตัว อย่างเช่นเมื่อวาน เพียงคิดแค่ว่าอยากจะกลับไปหาคนรักเก่า เพราะยังรักปรีติกาอยู่เต็มหัวใจ
แต่ในเมื่อเขารู้แล้วว่า ภรรยาที่เขานั้นคิดมาตลอดว่าไม่เคยรักกำลังตั้งครรภ์ จะให้เขาทิ้งเธอ ทิ้งลูก และทิ้งความรับผิดชอบทั้งหมด ก็คงเป็นไอ้คนสารเลว ที่เขาเองก็รับตัวเองไม่ได้เช่นกัน
เมื่อคิดได้เช่นนี้ จึงอยากเอาใจ และไถ่โทษที่ทำให้หญิงสาวรู้สึก ผิดหวังเสียใจอย่างรุนแรงจากเขาเมื่อคืน เช้านี้เขาจึงตัดสินใจลุกขึ้นมาทำทุกอย่างเพื่อหวังให้เธอผ่อนคลาย หายจากความเจ็บปวด
เสียงโทรศัพท์แผดร้องดังจนปลุกประสาทของคนที่กำลังหลับใหลให้รู้สึกตัวตื่นขึ้น แต่ก็ยังไม่คิดลืมตาเพราะยังอยากนอนพักอีกสักหน่อย
ทว่าบทสนทนาที่แว่วมาให้ได้ยิน กลับเรียกความสนใจให้เธอนั้น นิ่งฟัง หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ
“อืม...พี่ไม่สะดวก คงไปไม่ได้หรอกเป้ย...อืม...พี่ขอโทษนะ” มือบางกำแน่น พร้อมกับน้ำตาไหลรินอาบแก้มก่อนจะปาดเช็ดทิ้ง รอจนทุกอย่างรอบตัวเงียบเสียงไปได้พักใหญ่ หล่อนจึงลุกจากโซฟายาวที่ใช้นอนพักตั้งแต่ช่วงสาย ตั้งใจจะไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น แต่กลับเห็นเขากำลังนั่งมองโทรศัพท์ พลางถอนหายใจดัง
“ตื่นแล้วเหรอ” หญิงสาวไม่ตอบเพียงแต่มองหน้าเขาเท่านั้น
“เดี๋ยวเราออกไปหาอะไรทานมื้อเย็นข้างนอกกันนะ” ร่างสูงขยับเดินมานั่งที่โซฟาตัวอีกตัว นิษฐ์รัณดามองหน้าเขานิ่งนาน
“ค่ะ” ก่อนจะยกยิ้มอ่อน ตอบรับเพียงสั้น ๆ เบี่ยงเท้าเดินไปจัดการตนเองทันที