ตอนที่ 16 ละเมอหา

1660 Words
ตอนที่ 16 ละเมอหา บรรยากาศงานแต่งงานในช่วงเช้า ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น แม้จะขรุขระไปบ้าง แต่ก็ผ่านไปพ้นได้อย่างดี ด้วยความชื่นมื่น ท่ามกลางเสียงยินดีของแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน ล้วนแล้วแต่เป็นเครือญาติและเพื่อนสนิท มิตรสหายไม่กี่สิบคนเท่านั้น พิธีการที่เป็นไปอย่างเรียบง่ายกันเอง แต่ครบถ้วนทุกอย่าง เว้นเสียก็แต่ใบหน้าของบ่าวสาว ที่ดูเงียบขรึมปราศจากรอยยิ้ม ความสุขอย่างที่ควรจะเป็น “แกดูหน้าณิดาสิ เหมือนจะร้องไห้ตลอดเลยน่ะ สงสารมันอะ” เมษ์ลาลิน อดจะกระซิบบอกเพื่อนสนิทอีกคนที่ถึงกับถอนหายใจดังออกมา “เห้อ...รอดไปได้หวุดหวิดจริง ๆ นั่นล่ะ ฉันนึกว่าพี่กลางจะเทงานแต่งซะแล้ว ดีนะที่พ่อกับแม่ไม่รู้ ไม่งั้นเรื่องใหญ่แน่” อรรณ์ญาริญบ่นอุบ ขณะเหลือบสายตามองไปยังใครอีกคนที่ยืนอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย ชั่วจังหวะนั้นที่สายตาสบประสานกัน หญิงสาวถึงกับเหลือบสายตามองบน ขบเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะสะบัดหน้าพรืดหันไปอีกทางทันทีราวกับขุ่นเคืองกันมานาน จนเมษ์ลาลินที่หันมาเห็นท่าทีดังกล่าว อดจะขมวดคิ้ว เอ่ยปากถามด้วยความข้องใจไม่ได้ “แกเป็นอะไร เห็นหน้าพี่คณินทร์แล้วปวดท้องหรือไง สะบัดจนคอเคล็ดแบบนั้น” “หมั่นไส้คนน่ะสิ ช่างเถอะอย่าไปสนใจเขาเลย” “ว่าแต่ไม่เจอพี่คณินทร์นานมาก กลับมารอบนี้หล่อขึ้นเยอะเลยนะว่าไหม” “ชิ ไม่รู้จะกลับมาทำไม” ริมฝีปากบางบิดเบ้ พร้อมกับกรอกตามองบนใส่คนที่กำลังพูดถึง ก่อนที่สายตาจะมองสบกันด้วยความบังเอิญ ทว่าเพียงครู่เดียวเท่านั้นเขาก็เมินสายตามองไปทางอื่น หมุนตัวเดินเลี้ยวหายไปจากสายตาทันที “อ้าว งานแต่งน้องสาวทั้งที เขาไม่กลับมาสิแปลก” เมษ์ลาลินได้ยินแล้วอดออกรับแทนไม่ได้พลางหรี่สายตามองเพื่อนสนิทอย่างจับสังเกต รู้สึกผิดแปลกจากเดิมไปเล็กน้อย เพราะปกติแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างอรรณ์ญาริญกับคณินทร์ธาร พี่ชายแท้ ๆ ของนิษฐ์รัณดานั้น ก็เป็นมาด้วยดีไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน แต่เหตุใดทำไมสิ่งที่เห็นอยู่ในตอนนี้ถึงได้ตรงกันข้ามกับที่เคยรู้มาโดยสิ้นเชิง เมื่อเสร็จสิ้นพิธีรดน้ำสังข์ บรรดาญาติ และเพื่อนสนิท ต่างมาห้อมล้อมบ่าวสาวเพื่อเก็บภาพเป็นที่ระลึกก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน เตรียมตัวสำหรับงานแต่งในช่วงเย็น นิษฐ์รัณดาเจ้าสาวของงานเดินออกจากห้องอาบน้ำด้วยชุดเสื้อคลุม ใบหน้าขาวปราศจากเครื่องสำอางขณะเดินเข้ามานั่งบริเวณโถงกลาง ภายในห้องชุดสุดหรูที่มีห้องแยกกันเป็นสัดส่วนชัดเจน ระหว่างห้องนั่งเล่น ห้องนอนและห้องครัวสำหรับใช้รับประทานอาหาร หญิงสาวมองโทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมืออันสั่นเทา กับข้อความที่ปรากฏอยู่ในนั้น ‘ยินดีด้วยนะคะน้องณิดา ขอให้งานแต่งวันนี้มีความสุขมาก ๆ เจ้าบ่าวอยู่ในคืนวันส่งตัวเข้าหอด้วยนะคะ’ กอปรกับรูปภาพที่เห็นเพียงแผ่นหลังของเจ้าบ่าวเธอกำลังเดินออกจากห้อง ห้องหนึ่ง หล่อนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หยดน้ำร่วงเผาะต้องหลังมือจนต้องรีบปาดป้ายทิ้ง พยายามตั้งสติ ปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ ไม่ให้ใครได้สังเกตเห็น และเธอเองก็ไม่อยากรู้สึกคล้อยตามใครคนนั้นที่พยายามปั่นป่วนส่งข้อความเข้ามาให้เธอไม่มีความสุข หล่อนรู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการให้เธอนั้น เจ็บจนทนไม่ไหว หล่อนแค่นหัวเราะด้วยความเจ็บปวดเมื่อคิดถึงผู้หญิงคนนั้น หล่อนคงอยากได้สามีของเธอมาก มากจนทำทุกอย่างได้ขนาดนี้ เจ้าบ่าวเธอเองก็เหมือนพร้อมที่จะบินไปหาหญิงคนนั้น คิดถึงตรงนี้หล่อนก็ยิ่งรู้สึกเสียดแน่น เจ็บแปลบที่หัวใจ นึกสมเพชตนเองที่ดันไปเหนี่ยวรั้งคนที่เขาไม่รักเธอ...เอาไว้ข้างตัวเช่นนี้ น่าขันสิ้นดี นิษฐ์รัณดา! งานฉลองสมรสในช่วงเย็นจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ภายในห้องจัดเลี้ยงขนาดเล็ก บรรจุแขกได้ไม่ถึงหนึ่งร้อยคน ถึงอย่างนั้นก็มีพื้นที่กว้างขวาง เพราะแขกในงานที่นายแพทย์หนุ่มเชิญมาร่วมมีไม่ถึงสิบคน พอ ๆ กับแขกของเธอมีเพียงพี่ชาย และเพื่อนสนิทสองคนเท่านั้น นอกนั้นเป็นแขกเหรื่อของคุณวรินทร์ และคุณอธิป พ่อแม่สามีเธอที่มาร่วมความยินดี ให้นับรวมกันยังไงก็ยังไม่ถึงครึ่งร้อย ร่างผอมบางในชุดเจ้าสาวสีขาว สวยตระหง่านท่ามกลางผู้คนที่เข้ามารายล้อมเพื่อบันทึกภาพถ่ายเป็นที่ระลึก ใบหน้าหล่อนงดงามยามเมื่อโดนแสงไฟสาดส่อง หล่อนกลับยิ่งดูผุดผาดน่ามอง ทว่าใบหน้าของเจ้าสาวนั้นกลับไร้ความสดใส นัยน์หล่อนกลับหม่นแสง มีรอยยิ้มไว้เพียงประดับบนใบหน้าเท่านั้น ในขณะที่เจ้าบ่าวของงานก็มีสีหน้าและท่าทางไม่ต่างกัน “เมื่อคืนมึงหายไปไหนมาทั้งคืนวะ คนตามหาให้วุ่น” รชตะหันมากระซิบถามขณะยืนขนาบข้างเพื่อถ่ายรูป “กูมีเรื่องด่วนนิดหน่อย” “เรื่องด่วนอะไรของมึง มึงอย่าบอกกูนะว่าเป็นเรื่องเป้ย” ความเงียบจากเพื่อน พลอยทำให้อาจารย์หนุ่มนึกรู้ได้ทันทีโดยที่อีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องอธิบายเพิ่ม “ไอ้เหี้ย ทำไมมึงทำแบบนี้วะ” “กูไม่ได้ทำอะไร เป้ยเขาแค่อยู่คนเดียวไม่ได้ กูเลยต้องอยู่เป็นเพื่อน” “แล้วมึงทิ้งเมียที่จะแต่งงานกันอยู่แล้ว ไปอยู่เฝ้าแฟนเก่ามึงเนี่ยนะ สมองมึงกลับไปแล้วใช่ไหมเนี่ย ไอ้กลาง!” “มึงหุบปากก่อนได้ไหมวะ” อธิษฐ์ปรามเสียงเข้ม นัยน์ตาขุ่นเคือง ขณะที่อีกฝ่ายได้แต่มองด้วยสายตาคาดไม่ถึงแล้วเต็มไปด้วยความผิดหวัง ก่อนจะทิ้งท้ายในคำที่ทำให้อีกฝ่ายอึ้งไปนาน “เดี๋ยวมึงจะเสียใจ กูจะคอยดู” จนกระทั่งเสร็จสิ้นพิธีฉลองมงคลสมรส ก็ถึงเวลาส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหอ บรรยากาศภายในห้องเวลานี้จึงคึกครื้นไปด้วยเพื่อนพี่น้องที่สนิทกันจริง ๆ ไม่ถึงห้าคน รวมไปถึงผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายที่ถูกเชิญมาให้ศีลให้พร เป็นสิริมงคลแก่บ่าวสาวในการเริ่มต้นชีวิตคู่ ก่อนจะพากันแยกย้ายออกจากห้องนอนทิ้งให้บ่าวสาวได้ นั่งอยู่ด้วยกันลำพังภายในห้องหอ “พี่กลางจะอาบน้ำเลยไหมคะ” “อืม อาบเลย เธอล่ะเหนื่อยมาทั้งวันเดี๋ยวพี่ช่วยถอดชุดให้” เขาบอกด้วยสีหน้าราบเรียบ ไม่มีร่องรอยของการกะลิ้มกะเหลี่ย อยากจะแทะโรมเจ้าสาวของเขาเลยสักนิด ขณะที่นิษฐ์รัณดาเองก็ไม่แสดงท่าทางขวยเขินออกมาเลยแม้น้อย ยอมหันหลังให้เขาช่วยปลดเปลื้องพันธนาการบนร่างกาย ของคนทั้งคู่ ร่างสูงตระกองกอดภรรยาไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะโน้มใบหน้าลงเข้าหา กดจูบบนริมฝีปากเธออย่างแผ่วเบาก่อนจะไล่เลื่อยลงต่ำลงมา กระทั่งอุ้มช้อนตัวภรรยาสาวหายเข้าไปในห้องนอนขนาดใหญ่ นานนับชั่วโมงกว่าที่ทั้งสองจะกลับมาสานบรรเลงบทรักต่อบนเตียงหลังใหญ่ กระทั่งเวลาผ่านไปเกือบครึ่งค่อนคืน ร่างบอบบางเนื้อตัวเปลือยเปล่า จ้องมองเสี้ยวหน้าของชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธออย่างถูกต้องตามกฎหมาย หล่อนนอนตะแคงมองชายหนุ่มที่ตนเฝ้าแอบรักมาตลอดหลายปีด้วยความหลงใหล ทว่าเจือไว้ด้วยความหมองเศร้า หล่อนทั้งรักทั้งชังเขาเหลือเกินเวลานี้ รัก ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเขาอาจจะไม่รัก ไม่ปรารถนาจะมีเธอ แต่เธอก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนลึกของหัวใจ หล่อนยังต้องการมีเขาอยู่ในชีวิต ขณะที่เธอจ้องมองเขาที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างตัวด้วยหัวใจเต้นแรง ทุกอย่างนั้นราวกับความฝัน เพราะไม่คิดว่าเธอจะได้มีโอกาสมองเขาในยามหลับชิดใกล้ เคียงหมอนเช่นนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าเวลาในการครองชีวิตคู่ของเธอจะไม่ยืนยาว ภายใต้กำหนดการหย่าสองปี แต่ส่วนลึกแล้วเธอก็ยังมีความสุขที่ในคืนนี้เธอยังได้นอนกอดเขา ได้แนบชิดเช่นนี้ หล่อนกะพริบตาถี่ขณะจ้องมองเจ้าของใบหน้าคมคาย ปลายจมูกโด่งเป็นสันรับกับรูปหน้า ขนตาเรียงยาวเป็นแพราวกับดวงตาหญิงสาว ริมฝีปากหนานุ่มนั่นที่ทำให้เธอใจสั่น มวนท้องขึ้นมา กับภาพยามเมื่อเขาใช้ริมฝีปากนั่นกดจูบ ตะโบมไล่เลียทั่วเรือนร่างของเธออย่างเร่าร้อน พาลให้หล่อนยิ่งรู้สึกวูบวาบ เสียวทั่วท้องน้อย หล่อนอยากหยุดเวลาทุกอย่างไว้เพียงเท่านี้... ขณะใช้สายตาทอดมองชายตรงหน้าอย่างหลงใหลแฝงไว้ด้วยความหม่นเศร้า ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะลงบนสันจมูกเขาอย่างแผ่วเบา ไล้เรื่อยบนกรอบหน้าหล่อเหลาที่ตนเฝ้ารักมานานหลายปี ทว่า ... “งื้อ...อย่ากวนสิเป้ย...พี่จะนอน” ปลายนิ้วเรียว ถึงกับชะงัก ผงะอึ้งไปทันทีเมื่อได้ยินเขาเรียกขานใครอีกคน...ที่ไม่ใช่เธอ ดวงตากลมโตพร่าเลือนด้วยม่านน้ำตา ขณะมองใบหน้าของชายที่ตนรักมาตลอดหลายปีนี้ ทั้งที่เราเพิ่งผ่านช่วงเวลาแสนเร้าร้อนนั้นด้วยกัน แต่ทำไมจิตใต้สำนึกเขานั้น ยังเป็นใครอีกคน...ที่เลิกรากันไปนาน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD