ตอนที่ 17 เอาก็เอาแล้ว
“งื้อ...อย่ากวนสิเป้ย...พี่จะนอน”
นิษฐ์รัณดา พยายามกลั้นเสียงสะอื้น ทว่า ยิ่งห้ามตนเอง ความเสียใจที่กักเก็บมาก่อนหน้านี้มันก็ล้นทะลัก ปล่อยเสียงสะอื้นดัง จนทำให้คนที่กำลังนอนหลับฝัน เริ่มรู้สึกตัวตื่น ปรือตาขึ้นมองเจ้าของเสียงนั่น ก่อนจะหรี่ตา เพ่งมองใบหน้าจิ้มลิ้มแสนคุ้นเคย นานหลายวินาที ก่อนที่เขาจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่ออนุสติอันพร่าเลือนกลับคืนมา
“ณิดา! นี่เธอ...” ผรุสวาทเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างลืมตัว ก่อนระลึกขึ้นได้ว่า... บัดนี้เขาและเธอได้กลายมาเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หาใช่หญิงสาวที่เขานั้นกำลังฝันถึง
อธิษฐ์พ่นลมหายใจออกมาเสียงดัง ด้วยความหงุดหงิด คล้ายรำคาญใจ ก่อนจะสลัดผ้าห่มพ้นตัวแล้วลุกเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ทิ้งให้เธอนั่งมองอยู่ตรงนั้นก่อนจะปาดเช็ดน้ำตาที่กำลังไหลริน แล้วลุกลงจากเตียง เดินไปหาชายหนุ่มหมายจะไปช่วยดูว่าเขายังต้องการอะไรอีกหรือไม่
ทว่าเสียงโทรศัพท์กลับแผดร้องดังขึ้น สองขาหยุดชะงักเล็กน้อยขณะหันไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันกาย
ระหว่างคิ้วสวยขมวดหากันเล็กน้อย ในยามวิกาลดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้ ใครกันที่โทรเข้ามาหาสามีของเธอ
สองเท้าขยับเข้าหา หมายจะไปรับโทรศัพท์เครื่องนั้นของอธิษฐ์ สามีป้ายแดงที่เพิ่งผ่านพิธีมงคลสมรสไปเมื่อช่วงค่ำ ชุดเจ้าสาวที่เพิ่งถูกเขาถอดด้วยแรงอารมณ์ปรารถนา ยังคงวางพาดกองไว้อยู่ที่เก้าอี้ยาวปลายเตียง เสื้อผ้าอีกหลายชิ้นยังคงเกลื่อนกลาด
แต่เพียงเธอก้าว และคว้ามือเอื้อมไปจะสัมผัส
“นั่นเธอจะทำอะไรน่ะณิดา”
“โทรศัพท์พี่กลางค่ะ....นิดเลยจะหยิบไปให้พี่กลาง”
“ที่หลังอย่ามายุ่งวุ่นวายข้าวของ ของฉันอีก ถ้าฉันไม่ได้สั่ง!” อธิษฐ์เอ่ยด้วยเสียงที่ค่อนข้างดังกว่าปกติ ขณะกระชากโทรศัพท์ที่กำลังแผดร้องดังลั่น ขึ้นมากดรับสายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“อืมว่าไง...ห๊ะว่าไงนะ!” พูดคุยได้ไม่กี่คำ สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนไป กลายเป็นความตกใจสุดขีด นัยน์ตาคมเบิกกว้างขึ้นก่อนจะร้อนรนกระวนกระวาย เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ พร้อมกับเสียงปิดประตูดังปังใหญ่ จนหล่อนถึงกับสะดุ้งเบา ๆ ด้วยความตกใจ
ก่อนที่อีกหลายนาทีต่อมา เขาจะเดินหุนหันกลับเข้ามาในห้องด้วยท่าทีรีบร้อน จนเธอถึงกับนิ่วหน้าด้วยความแปลกใจ
“พี่กลางจะออกไปไหนคะ” เอ่ยถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังสวมเสื้อผ้าในชุดไปรเวทแบบลวก ๆ อย่างรีบร้อน
“พี่มีธุระ” ตอบกลับเพียงสั้น ๆ ขณะที่เธอมองเขาด้วยความแปลกใจ ระคนไม่พอใจในเวลาเดียวกัน นัยน์ตายามที่มองเขามีแต่ความเคลือบแคลงสงสัย พร้อมกับข้อความของใครบางคนที่ส่งมาหาเธอวันนี้แวบเข้ามาในสมอง
“ธุระอะไรป่านนี้คะพี่กลาง...แล้วพี่จะออกไปตอนนี้ ทั้ง ๆ ที่เรา...” เธอหยุดคำนั้นเอาไว้ ...ทั้งที่เธอนั้นอยากจะย้ำเตือน ว่าเขาและเธอเพิ่งผ่านช่วงเวลาแสนเร้าร้อนชวนฝันมาด้วยกัน
ขณะที่เขานั้น กลับไม่ได้รู้สึกถึงความรู้สึกนั้นเลยสักนิด หันมาเรียกชื่อเธอด้วยเสียงที่ค่อนข้างดังกว่าปกติเล็กน้อย
“ณิดา!! อย่าเพิ่งถามเซ้าซี้งี่เง่าแบบนี้ได้ไหม” สุ้มเสียงรำคาญเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ร้อนใจเอ่ยตัดบท ขณะที่เธอมองหน้าเขาน้ำตาเอ่อคลอ พลันคิดได้ว่า ผู้หญิงคนนั้นเหมือนจะทำสำเร็จ เขาจะไม่ให้เจ้าบ่าวอยู่ในคืนเข้าหอกับเธอ
หล่อนพยายามเหนี่ยวรั้ง ย้อนถามด้วยเสียงสั่นเครือ
“แล้วพี่จะออกไปไหนคะ...นี่มันคืนเข้าหอของเรานะคะพี่กลาง” หล่อนถามด้วยเสียงสั่นเครือ แววตาเว้าวอนอีกฝ่าย ขณะที่เขาดันตอบกลับเธอด้วยเสียงดุดัน จนอีกฝ่ายถึงกับผงะไปเล็กน้อย
“พี่มีธุระ!”
“ธุระตอนจะตีสามเนี่ยนะคะ!!” อธิษฐ์หายใจแรง ก่อนจะยืนเท้าเอวมองหน้าหญิงสาวที่ยังคงยืนกรานหนักแน่น พร้อมกับส่ายหน้าทั้งน้ำตา
“ณิดาไม่ให้พี่ไปไหนทั้งนั้น...คืนนี้เป็นคืนเข้าหอของเรานะคะพี่กลาง” หล่อนยังคงยืนกรานหนักแน่น
“เธอมีสิทธิ์อะไรมาห้าม!” เค้นถามเสียงเข้ม
“สิทธิ์ที่ณิดาเป็นเมียพี่ไงคะ”
อธิษฐ์จ้องมองหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาที่ถูกตามกฎหมายเขาด้วยความเข่นเขี้ยว หายใจแรง
หมุนตัวจะเดินออกไป แต่หญิงสาวกลับเหนี่ยวรั้ง กระชากแขนเขาไว้ จนทำให้โทรศัพท์ในมือที่ถืออยู่ถึงกับกระเด็นร่วงหล่นจากมือไปไกล
“พี่กลาง! ณิไม่ให้พี่ไป!” หล่อนห้ามด้วยเสียงที่สั่งเต็มไปด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด น้ำตาร่วงพรูอาบแก้ม
นัยน์ตาคมปราดมองเธอนิ่งนานหลายวินาที ก่อนจะเค้นเสียงพูดด้วยประโยคบางอย่าง
“เธอนี่เห็นแก่ตัวมากเกินไปแล้วนะ นอนฉันก็นอนด้วยแล้ว เอาก็เอาแล้ว แล้วเธอจะเอายังไงอีก!!” สิ้นคำผรุสวาทที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด
หญิงสาวถึงกับตกตะลึงพรึงเพริด นัยน์ตาคู่สวยเบิกกว้าง คาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำนั้นออกจากปากของเขา
“พี่กลาง!!!!” อุทานเรียกชื่อสามีด้วยเสียงสั่นเครือ หล่อนคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินถ้อยคำเช่นนี้ออกจากปากของเขา
อธิษฐ์มองเห็นแววตาคู่สวยเอ่อคลอด้วยความหยาดน้ำใส ถึงกับชะงัก นิ่งงันไปชั่วขณะ นัยน์ตาคมเข้มภายใต้แว่นเลนส์หนาเต็มไปด้วยความสับสน ฉุกคิดได้ว่าเพราะความตกใจกับเรื่องราวได้ที่ยินเมื่อครู่ พลอยทำให้เขาขาดสติจนใช้อารมณ์กับหญิงสาวตรงหน้ามากเกินไป
ร่างสูงพรูลมหายใจออกมาระบายความเคร่งเครียด ในใจนั้นรู้สึกผิด และเป็นกังวลอยู่ไม่น้อยที่เขาเผลอแสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดกับเธอไป
ร่างสูง หลุบตาต่ำ ครุ่นคิดลังเลและเต็มไปด้วยความสับสน ก่อนจะถอนใจดัง เอ่ยด้วยเสียงอ่อนลง
“เดี๋ยวพี่มา” กล่าวจบเขาก็เดินไปหยุดยืนอยู่ใกล้ประตู มือหนากำลังจะเอื้อมจับไปที่ลูกบิด สีหน้าของเขาเคร่งเครียด ดวงตาวูบไหวด้วยความลังเลและความว้าวุ่น ราวกับต่อสู้อยู่ในใจ
เสียงโทรศัพท์ที่เขาเพิ่งวางจาก...ยังดังก้องในหัว บอกกับตัวเองว่าต้องไป เพราะเขาไม่อาจจะดำที่จะไม่สนใจใครอีกคนที่กำลังอ่อนไหวหนัก จนขั้นถึงชีวิตนั่นได้แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาออกไป เสียงของเธอก็ดังขึ้น
“ถ้าพี่ออกไป งั้นเราก็หย่ากัน” คล้ายคำประกาศิตของหล่อน แม้สุ้มเสียงจะ แผ่วเบา ไม่มีความแข็งกร้าว แต่กลับมั่นคงอย่างน่าประหลาด คล้ายคำพูดสุดท้ายจากหัวใจเธอ เหนื่อยล้าจนไม่เหลืออะไรจะยึดเหนี่ยวอีกต่อไปแล้ว
หยดน้ำตาไหลรินอาบแก้ม มองดูชายที่เธอรักผ่านม่านน้ำตาด้วยความเจ็บปวด เนื้อตัวหล่อนสั่นเทาด้วยแรงสะอื้น ก่อนที่หล่อนจะปาดเช็ดมันทิ้ง
ขณะที่เขานั้นนิ่งชะงัก หันมามองเธอด้วยสายตาตื่นตะลึง เห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาคู่นั้นไม่ได้แดงช้ำ มีเพียงคราบน้ำตาที่เปรอะเปื้อน แต่ความเจ็บปวดมันล้นอยู่เต็มดวงหน้า และเขาเห็นมันชัดกว่าครั้งไหน ๆ
“คุณไม่ต้องเลือกหรอกค่ะ ณิเลือกให้แล้ว” เธอยิ้มน้อย ๆ ให้เขา ราวกับจะบอกว่าเธอไม่เกลียดเขา
แต่เธอ...จะไม่ยอมอยู่ในที่ที่ไม่มีใครเลือกเธออีกต่อไป
เขายืนนิ่งมอง กับความรู้ราวกับถูกตบหน้าด้วยความจริง
หัวใจถูกบีบรัดแน่น ไม่ใช่เพราะเธอขู่ว่าจะหย่า แต่เพราะเขาไม่เคยคาดคิด ว่าเธอจะกล้าพูดคำนั้นออกมา
ทว่าในวินาทีนั้น เขากลับตัดสินใจได้ว่าเรื่องที่เขาได้รับรู้มานั้นเร่งด่วนกว่าหญิงสาวตรงหน้ามากขนาดไหน ตัดใจเดินหุนหันออกจากห้องไปทันที เพราะคิดว่าผู้หญิงอย่างนิษฐ์รัณดาคงไม่มีวันที่จะตัดใจจากเขาได้อย่างที่พูดแน่นอน
มันก็คงเป็นเพียงคำขู่ของหญิงสาวที่เพียงอยากเอาชนะเขาเท่านั้น!
ท่ามกลางเสียงสายฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างหนักตั้งแต่กลางดึกของเมื่อคืน ร่างผอมบางนั่งคุดคู้อยู่บนโซฟาหลังใหญ่ โดยไม่คิดขยับตัวไปไหน ใต้ตาดำหมองคล้ำ ฝ่ามือเรียวลูบหน้าท้องตนเองแผ่วเบา สายตาทอดมองไปยังหน้าต่างบานใหญ่เบือนหน้าแลเห็นท้องฟ้ากำลังจะแปรเปลี่ยนสี พร้อมกับความสว่างค่อย ๆ คืบคลาน ลอดผ่านเข้ามาภายในตัวห้องของโรงแรมหรูที่ใช้เป็นเรือนหอที่ไร้เงาของเจ้าบ่าว
ตลอดทั้งคืน กระทั่งเช้าหญิงสาวที่เอาแต่นั่งร้องไห้ เสียใจ เจ็บปวด หล่อนรู้ดีแล้วว่า หล่อนแพ้ผู้หญิงคนนั้นทุกทาง แพ้มาตั้งแต่ต้น
เขาเลือกทิ้งเธอ ที่กำลังตั้งท้องลูกของเขา
ไปหาใครอีกคน ...ที่เคยอยู่ในหัวใจเขามาตลอด
หล่อนพยายามตั้งสติ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อยู่หลายครั้ง ก่อนจะปล่อยเสียงสะอื้นดัง ร่ำไห้เปี่ยมจะขาดใจ เมื่อคิดว่าจากนี้เธอจะต้องอยู่ให้ได้... ในเมื่อเธอไม่ได้หัวใจของเขา แต่เธอยังมีหัวใจอีกดวงของใครอีกคน...แม้ในวันที่ไม่มีเขา
พลันเสียงเพลงดังแว่วมา เป็นเสียงจากโทรศัพท์มือถือของเขา พร้อมแสงสว่างวาบให้เห็นอยู่ไม่ไกล หล่อนลังเลครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนตัดสินใจลุกเดินไปหยิบมันขึ้นมา ก่อนจะต้องแปลกใจอีกครั้งเมื่อพบว่าเขานั้นไม่ได้ตั้งรหัสผ่านใด ๆ เหมือนเขาไม่กลัวความลับจะถูกเปิด
หล่อนมองดูข้อความพร้อมรูปถ่ายที่ใครคนนั้น พยายามส่งมา เพื่อเรียกร้องให้เขา ทิ้งเธอไป
นิษฐ์รัณดามองแล้วถึงกับอึ้งไปนาน พูดอะไรไม่ออก ก่อนจะหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา
หมดแรงที่จะยื้อเขาไว้อีกแล้ว คิดถึงตรงนี้หล่อนถึงกับพรูลมหายใจ ระบายความอัดอั้นในใจ พร้อมปาดเช็ดน้ำตาเปรอะเปื้อน
ลุกจากเก้าอี้ตรงนั้น ตั้งใจจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อเตรียมตัวที่จะออกไปจากที่นี่
หล่อนไม่อยากทำตัวน่าสมเพช ให้ใครต้องมาหัวเราะเยาะได้อีก ในเมื่ออยากได้ผู้ชายคนนั้นมาก หล่อนก็จะยกให้
ทว่าเสี้ยววินาทีนั้น ที่มีใครบางคนส่งข้อความเข้ามาในโทรศัพท์ของเธอเอง หล่อนมองข้อความแล้วนิ่งไปเล็กน้อย
‘ขอบคุณที่คืนพ่อของลูกพี่...ให้พี่นะคะ’
มือบางกดอ่านแล้วตัดสินใจวางคว่ำลงไปทันที ก่อนจะตัดสินใจ กดบล็อกข้อความของใครคนนั้นทันที
ในเมื่อเขาเลือกผู้หญิงคนนั้นไปแล้ว จะมีเหตุผลอะไรให้เธอต้องรับรู้ให้เจ็บปวดอีก
“ถ้าเขาจะอยู่เพื่อใครอีกคน...ณิก็จะอยู่เพื่อลูก”