ตอนที่ 20 เลิกกันเถอะ

1863 Words
ตอนที่ 20 เลิกกันเถอะ หญิงสาวมองชายตรงหน้าด้วยแววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ถ้อยคำเหล่านั้นยังชัดเจนอยู่ในความรู้สึกของเธอ ผ่านมานั้น ทั้งเธอและลูก ก็ไม่เคยเป็นที่ต้องการของเขาอยู่แล้ว หล่อนสะอื้นในอก ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วตอบกลับเขาด้วยน้ำเสียงและแววตาเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว “เราเลิกกันเถอะค่ะ เลิกกันในวันนี้ที่เรายังไม่เกลียดกัน” “เธอเลิกงี่เง่าได้แล้วนะณิดา!” เขาปฏิเสธเสียงดังลั่น ด้วยความโกรธจัด เข้าใจว่าเธอนั้นกำลังใช้อารมณ์โดยไร้เหตุผล ไม่คิดฟังคำเขาเลยสักนิด นิษฐ์รัณดามองหน้าชายที่เธอรักนิ่งไปนาน จนถึงวินาทีนี้ หล่อนก็ยังคงเป็นคนงี่เง่าที่สุดในสายตาของเขา ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก รังแต่จะยืดเยื้อให้ยิ่งเจ็บปวด ไม่จำเป็นต้องตอบกลับอะไรเขาอีก ที่ผ่านมาทุกอย่างมันย้ำชัดให้เธอรู้แน่ชัดแล้วว่า เธอไม่เคยมีความสำคัญในชีวิตของเขาเลยแม้แต่น้อย แม้กระทั่งค่ำคืนที่เธอคิดว่าจะได้อยู่ในอ้อมกอดแสนอบอุ่นจากชายที่เธอรัก แต่เขากลับทอดทิ้งให้เธอต้องโดดเดี่ยว เจ็บช้ำ เพียงเพราะออกไปหาผู้หญิงคนนั้น คนรักเก่าที่เขาไม่เคยลืม นิษฐ์รัณดามองชายตรงด้วยสายตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวที่พยายามเก็บซ่อนไว้ ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย กล่าวด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว “ให้ทนายคุยแทนแล้วกันค่ะ” สิ้นคำนั้น นายแพทย์หนุ่มถึงกับผงะ นิ่งงันไปหลายนาที หัวใจ ปวดหนึบ หนักอึ้ง จนแทบหายใจไม่ออก อย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน ก่อนที่แววตาจะแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวด้วยความโกรธจัด ยิ่งมองว่าหญิงสาวนั้นใช้อารมณ์ เอาแต่ใจในการตัดสินปัญหา ประชดประชันตอบกลับภรรยาสาวของเขา เค้นเสียงดังแทบจะกลายเป็นคำราม “ได้!เธอจะเอาแบบนี้ก็ได้ณิดา ชอบใช่ไหม ใช้อารมณ์แบบนี้ แล้วคิดว่าฉันจะง้อ ในเมื่อเธอเลือกที่จะทำแบบนี้ งั้นก็เลิก! แล้วอย่ามาเสียใจที่หลังนะณิดา” หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น ออกจากปากของชายที่เธอรักน้ำตาเอ่อคลอ ท้ายที่สุดเขาก็ยังใจร้ายกับเธออยู่ดี… “ค่ะ ณิจะไม่มีวันเสียใจทีหลังแน่” อธิษฐ์ถอนหายใจแรง มองคนเป็นภรรยาด้วยความฉุนเฉียว ก่อนจะหมุนตัวเดินข้ามรั้วกลับออกไปทันที โดยมีสายตาของหญิงสาวมองตามแผ่นหลังของเขาที่ห่างออกไปไกลสายตาของเธอเรื่อย ๆ จบสิ้นสักที จากนี้....ขอให้เราจบกันแต่เพียงเท่านี้นะคะพี่กลาง หล่อนหมดแรงที่จะยื้อเขาต่อไปอีกแล้ว ยื้อคนที่เขาไม่รัก มันเจ็บปวดเช่นนี้นี่เอง เสียงล้อรถเบียดกับพื้นถนนดังลั่น เสียดแทงความรู้สึกของหญิงสาวที่กำลังยืนมองเขาจากในระยะไกล พร้อมกับเสียงเร่งเครื่องยนต์ก่อนที่รถคันจะถูกเขาเหยียบขับออกไปด้วยความเร็วสูง บนถนนเส้นทางเดิมที่การจราจรค่อนข้างหนาแน่น ด้วยความรู้สึกวูบโหวงในใจตนเองอย่างบอกไม่ถูก แต่เพราะความเชื่อมั่นในใจที่มีอยู่เป็นทุน ว่าเธอนั้นอย่างไรก็คงจะไม่มีวันเลิกกับเขา ที่สำคัญ ตัวเขาเองก็มั่นใจมาตลอด ว่าไม่เคยมีความรู้สึกรัก หรือใยดีกับเธอเลยสักนิด ความรู้สึกที่มีในตอนนี้ ก็แค่โกรธ ที่เธอนั้น งี่เง่าไม่มีเหตุผล ก็เท่านั้นเอง! ดึกคืนนั้นหลังจากที่เขาแวะไปดื่มกินที่ร้านของรชตะ จนเมามายกลับเข้ามาในเวลาใกล้รุ่งสาง ร่างสูงเดินกลับเข้ามาในบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ของเขาที่ใช้เป็นเรือนหอหลังแต่งงาน ท่ามกลางความเงียบสงัดในยามค่ำคืน สายตาคมกวาดมองทุกอย่างในบ้านที่ยังคงเดิม แต่ความรู้สึกแปลกใหม่ที่แล่นเข้ามาแทนที่ ในวันที่ไม่มีใครอีกคนในบ้าน เป็นความเงียบที่ไม่ใช่เพียงแค่ไม่มีเสียง แต่เป็นความเงียบที่แผ่ซ่านเข้าไปถึงข้างใน ราวกับบางส่วนของหัวใจ...ขาดหายไป นายแพทย์หนุ่มพยายามสลัดความคิด และความรู้สึกนั้นที่กำลังก่อกวนหัวใจให้รู้สึกเสียดแน่น เดินตรงเข้าไปในครัว เพื่อเปิดตู้เย็น แต่กลับต้องชะงักกับกล่องอาหารที่เธอเตรียม และเหยือกน้ำฝรั่งคั้นสดแช่เย็น ที่ทำไว้ ให้เขาโดยเฉพาะ หล่อนเป็นอย่างนี้เสมอ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ดูแลเขาไม่เคยขาดตกบกพร่อง ตื่นเช้ามาเตรียมอาหารสุขภาพให้เขาได้ทาน เตรียมของว่างที่เขาชอบ กับน้ำผลไม้สุขภาพที่มักคั้นสดแบบวันต่อวัน แต่อาจจะเป็นเพราะหลายวัน ที่เขาวิ่งวุ่น เพื่อช่วยใครอีกคนแก้ปัญหา จนลืมใส่ใจที่จะทาน ชายหนุ่มถอนหายใจยาว ก่อนจะหยิบกล่องนั้นขึ้นมาเปิดดู เป็นเมนูอกไก่ม้วนสอดไส้ผักรวมมิตร ถูกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำวางเรียงในกล่องไว้อย่างน่าทาน มีน้ำจิ้มแจ่วใส่ถ้วยเล็กๆ ไว้เผื่อแก้เลี่ยน ชายหนุ่มถึงกับหัวเราะขัน กับชีวิตตนเอง เพราะที่ผ่านมานั้นเขามักบ่นเสมอ ว่าเบื่อรสชาติจำเจ เธอเลยพยายามสรรหาเมนูแปลกใหม่มาทำให้เขาทาน แต่เพราะเขาเองนั่นล่ะที่ไม่เคยใส่ใจที่จะเปิดดูมัน และมักยกให้กับคนรอบข้างทานอยู่เสมอ ทว่า วันนี้เขากลับรู้สึกบางอย่าง ความวูบโหวง หวาดหวั่น ที่จะสูญเสียอะไรบางอย่างนั้น กลับทำให้เขารู้สึกว่ากล่องอาหารตรงหน้ากลับมีค่าขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยรู้สึก ชายหนุ่มตัดสินใจนำกล่องนั้นไปอุ่นทาน พร้อมกับรินน้ำฝรั่งคั้น ใส่แก้ว ใช้เวลาไม่ถึง สิบนาที อาหารทุกอย่างตรงหน้าก็อันตรธานหายไปไม่เหลือแม้แต่เศษซากก่อนจะลุกไปเก็บล้าง ทำความสะอาดทุกอย่างให้เรียบร้อย เวลาผ่านไปสามวัน ช่างเป็นช่วงเวลาแสนยาวนาน สำหรับคนที่ได้แต่นอนอยู่ในห้องที่ปิดไฟมืดสนิท ท่ามกลางขวดเหล้าวางเกลื่อนกลาดมากมาย อธิษฐ์ลืมตาขึ้นมองเพดานนิ่งนาน ก่อนจะถอนหายใจยาว พยายามยันตัวลุกขึ้นไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ ทำตัวให้สดชื่น ทว่า “พี่กลางคะ...ทาครีมก่อนสิคะ ผิวจะได้นุ่มชุ่มชื่น” เสียงหวานหู พร้อมกับรอยยิ้มหวานของนิษฐ์รัณดา หล่อนสวมใส่ชุดคลุมผ้าซาตินแนบเนื้อสีชมพูอ่อนเดินตรงเข้ามาหาขณะที่เขากำลังยืนเช็ดผมอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ หัวใจของเขากระตุกวูบลง ก่อนจะเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ เพราะไม่คิดว่าจะเห็นเธอยืนอยู่ตรงหน้าเขาเวลานี้ ริมฝีปากหนายกยิ้ม ด้วยความดีใจ หมายใจจะคว้าตัวเธอเข้ามากอดไว้แนบอก ทว่าเสี้ยววินาทีนั้นที่เขารับรู้ได้ถึงความว่างเปล่า ไม่มีใครตรงหน้าให้เขาได้ดึงมากอด...อย่างที่เห็น ทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น หัวใจของเขากระตุกวูบลง พร้อมกับความจริงบางอย่างที่เขานั้นจะต้องเผชิญ และรับรู้ว่า แม้ทุกอย่างรอบตัวดำเนินต่อไป แต่เขารู้สึกเหมือนกับว่า อะไรบางอย่างกำลังขาดหาย ความคุ้นชินที่เคยมีเธออยู่ เสียงที่ได้ยินอยู่ทุกวัน รอยยิ้มหวาน กับการเอาใจใส่เหล่านั้น กลับทำให้เขารู้โดดเดี่ยวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นายแพทย์หนุ่มสะบัดหัวแรง ๆ พยายามตั้งสติ ก่อนจะถอนหายใจออกมา หวังระบายความหงุดหงิดฟุ้งซ่าน จนก่อให้เกิดภาพหลอนอย่างเช่นเมื่อครู่ พลันเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น หัวใจเขากระตุบวาบเพราะคิดถึงใครบางคน ว่าอาจจะเป็นเธอที่โทรมาเพื่อง้องอนเขา คิดถึงตรงนี้ก็ยิ่งรู้สึกลิงโลด สองขารีบก้าวยาว ๆ แทบจะกลายเป็นวิ่ง หยิบโทรศัพท์นั้นด้วยความดีใจ พลันรอยยิ้มที่มีกลับ ค่อย ๆ จางหายไปจากใบหน้า ระหว่างมุ่นหากันทันที เมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ของเขา ‘เป้ย’ ร่างสูงถอนหายใจเฮือกใหญ่ นิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนตัดสินใจกดรับสายในท้ายที่สุด “อืม ว่าไง” ‘พี่อธิษฐ์...หายไปไหนคะ ทำไมไม่มาหาเป้ยเลย’ ปลายเสียงสั่นเครือ เอ่ยถามเขาอย่างเว้าวอน ทว่า กลับทำให้เขายิ่งรู้สึกอึดอัด อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน คิ้วหนาขมวดมุ่นหากันแทบจะปม ขณะที่เขาถอยหลังตัวเอง ทรุดตัวลงนั่งบนเตียงขนาด คิงไซน์ พลางถอดถอนหายใจ เอ่ยตอบกลับเธอไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แฝงไว้ด้วยความเย็นชา “พี่ไม่ค่อยว่างน่ะ” ‘ทำไมคะ หรือว่าภรรยาพี่เขาไม่ยอมให้พี่ออกมาเยี่ยมเป้ย ตอนนี้เป้ยไม่สบายอยู่นะคะ เจ็บแผลมากด้วย’ “ไม่สบาย งั้นเธอก็นอนพักสิ พี่ไปก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก พี่ไม่ใช่หมอประจำตัวเธอ คงช่วยตรวจอะไรเธอไม่ได้” สุ้มเสียงเย็น ชาคล้ายหงุดหงิด กอปรกับท่าทีห่างเหินที่ตอบกลับเธอมานั้น ทำให้ปรีติกาถึงกับผงะ แปลกประหลาดใจต่อท่าทีของเขา ‘เบ๊บ...’ “เป้ย...อย่าเรียกพี่แบบนี้อีกนะ พี่แต่งงานแล้ว” ‘ทำไมคะ หรือว่าเมียพี่ไม่เข้าใจ ว่าเราสองคนตอนนี้เป็นพี่น้องกันแล้ว ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้’ ความเงียบที่ตอบกลับเธอมานั้นทำให้หญิงสาวร้อนรน รีบขยายความต่อทันที ‘หรือให้เป้ยไปอธิบายให้เขาฟังไหมคะ เขาจะได้เข้าใจ แล้วยอมให้พี่มาหาเป้ย’ “ไม่ต้อง ยังไงช่วงนี้พี่ก็ไม่สะดวกไปหา ไว้พี่ทำธุระเสร็จแล้วพี่ถึงจะไปเยี่ยม เท่านี้ก่อนแล้วกัน” นายแพทย์หนุ่มเอ่ยตัดบท พร้อมกดวางสายไปทันที ไม่รอให้อีกฝ่ายได้ทันตั้งตัวหรือตอบกลับอะไร อธิษฐ์ถอนหายใจยาว นอนยืดเหยียดขาแล้วหลับตาแน่น ข่มอารมณ์บางอย่างในใจที่กำลังพลุพล่าน ขณะเดียวกัน ภายในห้องพักผู้ป่วยของโรงพยาบาล หลังจากที่วางสายจากอดีตคนรักเธอไปแล้วนั้น หล่อนแทบกรีดร้องออกมาเสียงดังด้วยความเจ็บใจ จนทัศมาเพื่อนสนิทของเธอที่นั่งอยู่ข้างเตียงถึงกับสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ “เป็นอะไรเป้ย!” “พี่อธิษฐ์เขาเปลี่ยนไป เขาไม่มา...เพราะนังนั่นแน่ ๆ” “เฮ้อ...ก็เขาแต่งงานกันแล้ว พี่อธิษฐ์เขาก็คงเกรงใจเมียเขานั่นล่ะ” หล่อนพยายามปลอบ ในขณะที่อีกฝ่ายนั้นกลับส่ายหน้าปฏิเสธความคิดเหล่านั้นทันที “ฉันไม่ยอมหรอก ยังไงฉันก็ไม่ยอม!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD