ตอนที่ 30 พ่อเลี้ยง

1324 Words
ตอนที่ 30 พ่อเลี้ยง “ป้อขา...ป้อขา ป้อเมฆขา” เสียงเล็กร้องเรียกชายหนุ่มที่กำลังเดินผ่าน ขณะเด็กน้อยกำลังวิ่งเล่นไปมาอยู่กับแม่บ้าน ที่เขาสั่งให้คอยดูแล เป็นพิเศษ ให้คอยเป็นพี่เลี้ยงเด็กเฉพาะของหนูเอญารินทร์เท่านั้น “ว่าไงครับ สาวน้อยของพ่อ” ร่างสูงย่อตัวลงนั่งคุกเข่าให้อยู่ในระดับเดียวกัน เพื่อพูดคุยได้สะดวก ขณะที่หนูน้อยกลับโผเข้ากอดคอเขาไว้แน่น “อุ้ม ๆ ไปบิน” เพราะคิดว่าการได้นั่งบนหลังม้า และให้เขาพาขี่ควบเร็ว ๆ จะเหมือนที่เขาเคยอุ้มแล้วหมุนไปมาเหมือนเครื่องบิน จึงเข้าใจว่าเรียกแบบนั้น “ฮึฮึ จะไปขี่ม้าอีกงั้นเหรอ ติดใจแล้วสินะ” “ไป ฮี่ ๆ กั้บ ๆ” ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว “ฮึ ๆ แต่วันนี้พ่อได้ยินว่า คุณอา คุณปู่คุณย่าจะมาหาไม่ใช่เหรอ ไม่อยากเจอเขาหรือไง” “ขี่บินค่า ญ่าอยากไป” “ไว้รอช่วงเย็น ๆ กว่านี้หน่อยดีไหม ให้แดดร่มกว่านี้สักหน่อย” เขาขอต่อรองขณะที่สาวน้อยทำหน้าครุ่นคิด ขบกัดริมฝีปากบางเล็กนั่น ยกนิ้วขึ้นปรายคาง พลางเหล่สายตามองข้างหนึ่งอย่างครุ่นคิดหนัก เป็นท่าทางที่ทำให้เขาอดขำขันด้วยความเอ็นดูไม่ได้ “ได้ค่า” หนูน้อยตอบรับเสียงใสหลังจากครุ่นคิดอยู่นาน “ฮึฮึ ทำไมหื้อ...จะไปกับพ่องั้นเหรอ” เพราะสาวน้อยไม่ยอมปล่อยแขนที่โอบรอบคอ มิหนำซ้ำยังเกาะไว้อย่างเหนียวแน่น “แล้วไม่ไปหาย่าเอื้อยเหรอ เดี๋ยวย่าเอื้อยคิดถึงน่า” เขาพยายามล่อหลอก เพราะรู้ว่าลูกสาวทูนหัวของเขานั้น มักตัวติดแจกับแม่ของเขา ไม่ห่าง “เดี๋ยวไปค่า จาไปหาแม่ณิ” “ฮึ ๆ งั้นก็ตกลง เดี๋ยวพ่อพาไปหาแม่ณินะ” “ค่า” หนูน้อยหัวเราะคิกคัก ชอบใจใหญ่เมื่อถูกพ่อเลี้ยงเมฆินทร์ อุ้มพาเดินเลี้ยวออกจากตรงนั้น ขึ้นนั่งรถกอล์ฟพาไปยังตัวรีสอร์ท ซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่ง เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ อธิษฐ์เดินทางมาถึงสนามบินเชียงใหม่ในเวลาบ่ายโมง ชายหนุ่มกวาดตามองหารถตู้ของรีสอร์ท ชื่อดัง ที่เขาจับจองใช้เป็นที่พักสำหรับการมาที่นี่ ซึ่งไม่รู้ว่าต้องการกินระยะเวลายาวนานเท่าไหร่ ถึงอย่างนั้นเขาก็ได้วางแผนเรื่องงานไว้เบื้องต้นก่อนแล้วว่าอาจจะต้องทำผ่านออนไลน์ และหากมีประชุม หรือนัดสำคัญก็คงต้องให้รวิชญ์ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนใหญ่คนสำคัญ ช่วยดูแล หรือบริหารให้เขาไปก่อนในเวลานี้ “ทำอะไรอยู่คะคนเก่ง” เสียงแหบพร่าตามวัยของย่าเอื้อย เอ่ยถามขึ้น ขณะที่สาวน้อยกำลังนั่งก้มโค้ง ขีดเขียนอะไรบางอย่างด้วยสีหน้ามุ่งมั่นตั้งใจจนอดชื่นชมเอ็นดูไม่ได้ ภายในห้องทำงานของลูกชายคนเดียว ที่เวลานี้คงจะเดินไปสำรวจความเรียบร้อยต่าง ๆ ภายในรีสอร์ท มีเพียงเด็กหญิงตัวน้อย กับพี่แก้มพี่เลี้ยงเด็กคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง “วาดอยู่ค่า” “วาดอะไรคะ” “วาดทะเย มีปาด้วยค่า” ตอบรับเสียงดังสดใส ก่อนจะพลิกตัวนั่งลงขัดสมาธิ หยิบกระดาษแผ่นนั้นที่มีลายเส้นยุ่งเหยิง ไม่เป็นรูปเป็นร่าง แต่เด็กน้อยกลับมองด้วยความชื่นชม ภาคภูมิใจ “ฮึฮึ ไหนคะ ขอย่าเอื้อยดูผลงานหน่อยได้ไหม” หนูน้อยได้ยินคำนั้น รีบลุกเดินพร้อมกับหยิบยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้กับย่าเอื้อย ที่กำลังทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาบุหนังอย่างดีทันที “ฮึฮึ สวยจังเลย ทำไมหนูวาดเก่งแบบนี้ ว่าแต่อันนี้อะไรคะบอกย่าหน่อยได้ไหม” “ปานีโม่ตัวหญ่ายมว๊าก” (ปลานีโม่ตัวใหญ่มาก) “ใหญ่มากเลยงั้นเหรอ” ย่าเอื้อยแสร้งถามอย่างเอ็นดู “ช่ายค่า ตัวหญ่ายมว๊าก” ทำท่าประกอบด้วยการยกแขนทั้งสองข้างขึ้นกางออกจนสุดแขน “ฮึฮึ ปลาตัวใหญ่มากเลยนะ แล้วนี่อะไรคะ วาดอะไร” “เยือใบค่า เอญ่าจะไปยั่งเยือใบ ย่าเอื้อยไปไหมคะ” “ไปค่ะ เอญ่าจะเป็นคนพาย่าไปใช่ไหม” “ไปค่า ให้พ่อเมฆขี่ม้าพาไป บรื้นเยย” บอกอย่างน่าเอ็นดู ก่อนที่ย่าเอื้อยจะสังเกตเห็นท่าทางยุกยิก เกาตามเนื้อตามตัว จนออกปากถามไม่ได้ “แล้วนี่เป็นไรคะ เกายุกยิก ๆ คันเหรอลูก” “ช่ายค่า คันกงนี้ ๆ” “ย่าเกาให้ไหมคะ” “เกาค่า” สาวน้อยรีบหันหลังให้กับหญิงสูงวัยทันที ก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะคิกคัก ยกมือขึ้นปิดปาก “เป็นอะไรคะเอญ่า หัวเราะอะไร” “คิกคิก ขำค่า มันจักจี้” “ตรงไหนคะ จักจี้ตรงไหน ไหนบอกย่าสิ” ย่าเอื้อยแกล้งถาม ทั้งที่มือก็คอยจิ้มตามเอวของเด็กน้อย ถึงกับหัวเราะร่วน น้ำหูน้ำตาไหล เสียงดังออกไปจนพ่อเลี้ยงหนุ่มที่กำลังเดินตีคู่มากับผู้ช่วยผู้จัดการสาว ถึงกับเลิกคิ้ว ยกยิ้มด้วยความเอ็นดู “ไม่รู้ว่ายัยหนูหัวเราะอะไร” “คงเล่นสนุกอะไรมั่งคะ” นิษฐ์รัณดาตอบด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ขณะเดินมาตามเส้นทาง ไปยังห้องทำงานของชายหนุ่มที่พยายามลดฝีเท้าให้ได้เดินเคียงข้างเธอ “แม่ณิมาแย้ว” เสียงตะโกนดังลั่น ด้วยความดีใจเมื่อหนูน้อยหันมาเห็น คนเป็นแม่ ผละตัวออกจากย่าเอื้อยวิ่งมาหาทันที “เล่นอะไรอยู่คะ หัวเราะกันเสียงดังเชียว” “หัวเราะเสียงดังเยย” เอญารินทร์พูดตามคนเป็นแม่ ด้วยรอยยิ้มสดใส ก่อนจะหันมาอ้อนชายหนุ่มที่ทรุดตัวลงนั่งยอง ๆ “ป้อเมฆไปกิงหนมไหม” “ฮึฮึ อยากชวนพ่อให้พาไปกินหนมล่ะสิ” ชายหนุ่มว่าอย่างรู้ทัน “ป้อเมฆ กิงไหม?” “ฮึฮึ ทานครับ เอญ่าอยากทานอะไร” “กิงไอติม แย้วก้อไปเซเว่นค่า” “เซเว่นอีกแล้วเหรอ” “ไม่ต้องหรอกค่ะพ่อเลี้ยง อย่าตามใจแกนักเลย แค่นี้ก็เสียคนจะแย่แล้ว” “ฮึฮึ ลูกคนเดียวยังไงผมก็ให้ได้ทั้งหมดนั่นแหละ” “พ่อเลี้ยงคะ!!” ผู้ช่วยสาวได้ยินประโยคนั้น หล่อนถึงกับปรามเขาเสียงดัง จนพ่อเลี้ยงหนุ่มถึงกับหัวเราะลั่นด้วยความชอบใจที่ได้แกล้งแหย่ แกล้งเย้า ถือคติหยอดวันละนิด น้ำหยดลงหินทุกวันหินก็ต้องกร่อน “พูดแบบนี้เดี๋ยวเอญ่าจะยิ่งเข้าใจผิด พ่อเลี้ยงจะขายไม่ออกกันจริง ๆ นะคะ” หล่อนต่อว่าเขาด้วยความเป็นห่วงเพราะกลัวว่าชายหนุ่มที่ยังเป็นหนุ่มโสดทั้งแท่ง จะต้องมาเสียชื่อเพราะแม่หม้ายลูกติดเช่นเธอ “ฮึฮึ ช่างปะไรล่ะ ผมก็ไม่ได้คิดมีใครอยู่แล้ว” พ่อเลี้ยงหนุ่มตอบรับอย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะหันไปชักชวนหนูน้อยออกไปหาขนมทานอย่างที่ต้องการ โดยไม่ลืมหันมาชวนหญิงชราที่นั่งอมยิ้มฟังบทสนทนาทั้งหมดเงียบ ๆ แต่แรก “ย่าเอื้อยไปไหมคะ” สาวน้อยถามเสียงใส “ไปกันเถอะลูก ย่าว่าจะกลับไปนอนพัก เอนหลังสักหน่อย ว่าแต่ช่วงบ่ายพวกคุณย่าของยัยหนูเขาจะมาถึงกันแล้วใช่ไหม” “ใช่ค่ะ เห็นว่าจะแวะไหว้พระวัดพระสิงห์ก่อน แล้วคงหาอะไรทานแล้วค่อยเดินทางมากันน่ะค่ะ” “อืมดี ๆ งั้นแม่ขอตัวไปนอนพักสักหน่อยละกัน” ย่าเอื้อยบอกด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนจะให้ป้าปิ่นช่วยพาประคองเดินนำ ออกไป โดยมีทั้งสามเดินตามรั้งท้าย โดยหญิงสาวแยกตัวกลับไปทำงาน ส่วนพ่อเลี้ยงนั้นเลือกพาหนูน้อยขี้อ้อนไปหาขนมทานอย่างที่ต้องการ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD