ตอนที่ 30 พ่อเลี้ยง
“ป้อขา...ป้อขา ป้อเมฆขา” เสียงเล็กร้องเรียกชายหนุ่มที่กำลังเดินผ่าน ขณะเด็กน้อยกำลังวิ่งเล่นไปมาอยู่กับแม่บ้าน ที่เขาสั่งให้คอยดูแล เป็นพิเศษ ให้คอยเป็นพี่เลี้ยงเด็กเฉพาะของหนูเอญารินทร์เท่านั้น
“ว่าไงครับ สาวน้อยของพ่อ” ร่างสูงย่อตัวลงนั่งคุกเข่าให้อยู่ในระดับเดียวกัน เพื่อพูดคุยได้สะดวก ขณะที่หนูน้อยกลับโผเข้ากอดคอเขาไว้แน่น
“อุ้ม ๆ ไปบิน” เพราะคิดว่าการได้นั่งบนหลังม้า และให้เขาพาขี่ควบเร็ว ๆ จะเหมือนที่เขาเคยอุ้มแล้วหมุนไปมาเหมือนเครื่องบิน จึงเข้าใจว่าเรียกแบบนั้น
“ฮึฮึ จะไปขี่ม้าอีกงั้นเหรอ ติดใจแล้วสินะ”
“ไป ฮี่ ๆ กั้บ ๆ” ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว
“ฮึ ๆ แต่วันนี้พ่อได้ยินว่า คุณอา คุณปู่คุณย่าจะมาหาไม่ใช่เหรอ ไม่อยากเจอเขาหรือไง”
“ขี่บินค่า ญ่าอยากไป”
“ไว้รอช่วงเย็น ๆ กว่านี้หน่อยดีไหม ให้แดดร่มกว่านี้สักหน่อย” เขาขอต่อรองขณะที่สาวน้อยทำหน้าครุ่นคิด ขบกัดริมฝีปากบางเล็กนั่น ยกนิ้วขึ้นปรายคาง พลางเหล่สายตามองข้างหนึ่งอย่างครุ่นคิดหนัก เป็นท่าทางที่ทำให้เขาอดขำขันด้วยความเอ็นดูไม่ได้
“ได้ค่า” หนูน้อยตอบรับเสียงใสหลังจากครุ่นคิดอยู่นาน
“ฮึฮึ ทำไมหื้อ...จะไปกับพ่องั้นเหรอ” เพราะสาวน้อยไม่ยอมปล่อยแขนที่โอบรอบคอ มิหนำซ้ำยังเกาะไว้อย่างเหนียวแน่น
“แล้วไม่ไปหาย่าเอื้อยเหรอ เดี๋ยวย่าเอื้อยคิดถึงน่า” เขาพยายามล่อหลอก เพราะรู้ว่าลูกสาวทูนหัวของเขานั้น มักตัวติดแจกับแม่ของเขา ไม่ห่าง
“เดี๋ยวไปค่า จาไปหาแม่ณิ”
“ฮึ ๆ งั้นก็ตกลง เดี๋ยวพ่อพาไปหาแม่ณินะ”
“ค่า” หนูน้อยหัวเราะคิกคัก ชอบใจใหญ่เมื่อถูกพ่อเลี้ยงเมฆินทร์ อุ้มพาเดินเลี้ยวออกจากตรงนั้น ขึ้นนั่งรถกอล์ฟพาไปยังตัวรีสอร์ท ซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่ง
เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ อธิษฐ์เดินทางมาถึงสนามบินเชียงใหม่ในเวลาบ่ายโมง
ชายหนุ่มกวาดตามองหารถตู้ของรีสอร์ท ชื่อดัง ที่เขาจับจองใช้เป็นที่พักสำหรับการมาที่นี่ ซึ่งไม่รู้ว่าต้องการกินระยะเวลายาวนานเท่าไหร่
ถึงอย่างนั้นเขาก็ได้วางแผนเรื่องงานไว้เบื้องต้นก่อนแล้วว่าอาจจะต้องทำผ่านออนไลน์ และหากมีประชุม หรือนัดสำคัญก็คงต้องให้รวิชญ์ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนใหญ่คนสำคัญ ช่วยดูแล หรือบริหารให้เขาไปก่อนในเวลานี้
“ทำอะไรอยู่คะคนเก่ง” เสียงแหบพร่าตามวัยของย่าเอื้อย เอ่ยถามขึ้น ขณะที่สาวน้อยกำลังนั่งก้มโค้ง ขีดเขียนอะไรบางอย่างด้วยสีหน้ามุ่งมั่นตั้งใจจนอดชื่นชมเอ็นดูไม่ได้ ภายในห้องทำงานของลูกชายคนเดียว ที่เวลานี้คงจะเดินไปสำรวจความเรียบร้อยต่าง ๆ ภายในรีสอร์ท มีเพียงเด็กหญิงตัวน้อย กับพี่แก้มพี่เลี้ยงเด็กคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง
“วาดอยู่ค่า”
“วาดอะไรคะ”
“วาดทะเย มีปาด้วยค่า” ตอบรับเสียงดังสดใส ก่อนจะพลิกตัวนั่งลงขัดสมาธิ หยิบกระดาษแผ่นนั้นที่มีลายเส้นยุ่งเหยิง ไม่เป็นรูปเป็นร่าง แต่เด็กน้อยกลับมองด้วยความชื่นชม ภาคภูมิใจ
“ฮึฮึ ไหนคะ ขอย่าเอื้อยดูผลงานหน่อยได้ไหม” หนูน้อยได้ยินคำนั้น รีบลุกเดินพร้อมกับหยิบยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้กับย่าเอื้อย ที่กำลังทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาบุหนังอย่างดีทันที
“ฮึฮึ สวยจังเลย ทำไมหนูวาดเก่งแบบนี้ ว่าแต่อันนี้อะไรคะบอกย่าหน่อยได้ไหม”
“ปานีโม่ตัวหญ่ายมว๊าก” (ปลานีโม่ตัวใหญ่มาก)
“ใหญ่มากเลยงั้นเหรอ” ย่าเอื้อยแสร้งถามอย่างเอ็นดู
“ช่ายค่า ตัวหญ่ายมว๊าก” ทำท่าประกอบด้วยการยกแขนทั้งสองข้างขึ้นกางออกจนสุดแขน
“ฮึฮึ ปลาตัวใหญ่มากเลยนะ แล้วนี่อะไรคะ วาดอะไร”
“เยือใบค่า เอญ่าจะไปยั่งเยือใบ ย่าเอื้อยไปไหมคะ”
“ไปค่ะ เอญ่าจะเป็นคนพาย่าไปใช่ไหม”
“ไปค่า ให้พ่อเมฆขี่ม้าพาไป บรื้นเยย” บอกอย่างน่าเอ็นดู ก่อนที่ย่าเอื้อยจะสังเกตเห็นท่าทางยุกยิก เกาตามเนื้อตามตัว จนออกปากถามไม่ได้
“แล้วนี่เป็นไรคะ เกายุกยิก ๆ คันเหรอลูก”
“ช่ายค่า คันกงนี้ ๆ”
“ย่าเกาให้ไหมคะ”
“เกาค่า” สาวน้อยรีบหันหลังให้กับหญิงสูงวัยทันที ก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะคิกคัก ยกมือขึ้นปิดปาก
“เป็นอะไรคะเอญ่า หัวเราะอะไร”
“คิกคิก ขำค่า มันจักจี้”
“ตรงไหนคะ จักจี้ตรงไหน ไหนบอกย่าสิ” ย่าเอื้อยแกล้งถาม ทั้งที่มือก็คอยจิ้มตามเอวของเด็กน้อย ถึงกับหัวเราะร่วน น้ำหูน้ำตาไหล เสียงดังออกไปจนพ่อเลี้ยงหนุ่มที่กำลังเดินตีคู่มากับผู้ช่วยผู้จัดการสาว ถึงกับเลิกคิ้ว ยกยิ้มด้วยความเอ็นดู
“ไม่รู้ว่ายัยหนูหัวเราะอะไร”
“คงเล่นสนุกอะไรมั่งคะ” นิษฐ์รัณดาตอบด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ขณะเดินมาตามเส้นทาง ไปยังห้องทำงานของชายหนุ่มที่พยายามลดฝีเท้าให้ได้เดินเคียงข้างเธอ
“แม่ณิมาแย้ว” เสียงตะโกนดังลั่น ด้วยความดีใจเมื่อหนูน้อยหันมาเห็น คนเป็นแม่ ผละตัวออกจากย่าเอื้อยวิ่งมาหาทันที
“เล่นอะไรอยู่คะ หัวเราะกันเสียงดังเชียว”
“หัวเราะเสียงดังเยย” เอญารินทร์พูดตามคนเป็นแม่ ด้วยรอยยิ้มสดใส ก่อนจะหันมาอ้อนชายหนุ่มที่ทรุดตัวลงนั่งยอง ๆ
“ป้อเมฆไปกิงหนมไหม”
“ฮึฮึ อยากชวนพ่อให้พาไปกินหนมล่ะสิ” ชายหนุ่มว่าอย่างรู้ทัน
“ป้อเมฆ กิงไหม?”
“ฮึฮึ ทานครับ เอญ่าอยากทานอะไร”
“กิงไอติม แย้วก้อไปเซเว่นค่า”
“เซเว่นอีกแล้วเหรอ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะพ่อเลี้ยง อย่าตามใจแกนักเลย แค่นี้ก็เสียคนจะแย่แล้ว”
“ฮึฮึ ลูกคนเดียวยังไงผมก็ให้ได้ทั้งหมดนั่นแหละ”
“พ่อเลี้ยงคะ!!” ผู้ช่วยสาวได้ยินประโยคนั้น หล่อนถึงกับปรามเขาเสียงดัง จนพ่อเลี้ยงหนุ่มถึงกับหัวเราะลั่นด้วยความชอบใจที่ได้แกล้งแหย่ แกล้งเย้า ถือคติหยอดวันละนิด น้ำหยดลงหินทุกวันหินก็ต้องกร่อน
“พูดแบบนี้เดี๋ยวเอญ่าจะยิ่งเข้าใจผิด พ่อเลี้ยงจะขายไม่ออกกันจริง ๆ นะคะ” หล่อนต่อว่าเขาด้วยความเป็นห่วงเพราะกลัวว่าชายหนุ่มที่ยังเป็นหนุ่มโสดทั้งแท่ง จะต้องมาเสียชื่อเพราะแม่หม้ายลูกติดเช่นเธอ
“ฮึฮึ ช่างปะไรล่ะ ผมก็ไม่ได้คิดมีใครอยู่แล้ว” พ่อเลี้ยงหนุ่มตอบรับอย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะหันไปชักชวนหนูน้อยออกไปหาขนมทานอย่างที่ต้องการ โดยไม่ลืมหันมาชวนหญิงชราที่นั่งอมยิ้มฟังบทสนทนาทั้งหมดเงียบ ๆ แต่แรก
“ย่าเอื้อยไปไหมคะ” สาวน้อยถามเสียงใส
“ไปกันเถอะลูก ย่าว่าจะกลับไปนอนพัก เอนหลังสักหน่อย ว่าแต่ช่วงบ่ายพวกคุณย่าของยัยหนูเขาจะมาถึงกันแล้วใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ เห็นว่าจะแวะไหว้พระวัดพระสิงห์ก่อน แล้วคงหาอะไรทานแล้วค่อยเดินทางมากันน่ะค่ะ”
“อืมดี ๆ งั้นแม่ขอตัวไปนอนพักสักหน่อยละกัน” ย่าเอื้อยบอกด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนจะให้ป้าปิ่นช่วยพาประคองเดินนำ ออกไป โดยมีทั้งสามเดินตามรั้งท้าย โดยหญิงสาวแยกตัวกลับไปทำงาน ส่วนพ่อเลี้ยงนั้นเลือกพาหนูน้อยขี้อ้อนไปหาขนมทานอย่างที่ต้องการ