สองแสบ
เชียงใหม่
บ้านธีธารา
20.00 น.
หลังจากที่ลูกแฝดทั้งสองวัยสองขวบนอนหลับแล้วณัฐนิชาก็ต้องแบกร่างของเธอมาทำงานต่อให้เสร็จเพราะเธอรับงานออกแบบภายในของบ้านให้กับเพื่อนสาวของเธอหลังจากที่หญิงสาวตั้งท้องได้เจ็ดเดือนเธอก็ต้องออกจากงานประจำมาเพื่อดูแลตัวเองและรับงานออกแบบฟรีแลนซ์อยู่กับบ้านแล้วส่งต่องานให้กับเพื่อนของเธอไปเสนอกับลูกค้าอีกทีหญิงสาวทำแบบนี้มาจนลูกทั้งสองของเธอโตจนสองขวบแล้ว
หญิงสาวตัวเล็กผอมแห้งดวงตากลมโตใบหน้าจิ้มลิ้มผิวขาวเนียนนั่งอยู่หน้าจอคอมอย่างใจจดใจจ่อเพราะอยากให้งานชิ้นนี้เสร็จโดยเร็วเพราะเธอจะได้พาลูกๆของเธอไปเที่ยวทะเลตามที่อยากจะพาลูกแฝดของเธอไป
“เด็กๆหลับแล้วหรอคะพี่นิชา”
รินทร์ธาราพึ่งเลิกงานกลับมาบ้านเธอก็ถามหาเจ้าสองแสบหลานของเธอทันทีพร้อมสอดส่องสายตามองลอดเข้าไปในห้องนอนของพี่สาวเธอที่เปิดอยู่
“หลับไปเมื่อกี้นี้เอง...ดีแล้วพี่จะได้ทำงานให้เสร็จเร็วๆ..วันนี้ทำไมกลับช้าล่ะ”
ณัฐนิชาละมือจากการทำงานพร้อมหันเก้าอี้มาหาน้องสาวของเธอพลางสงสัยเรื่องเวลาเลิกงานของน้องสาวเธอวันนี้เพราะปกติแล้วรินทร์ธารานั้นจะกลับมาทันเล่นกับใยไหมกับใบหม่อนก่อนนอนทุกครั้งแต่วันนี้เจ้าสองแสบหลับไปแล้วน้องสาวเธอพึ่งจะกลับมา
“ก็เจ้าลัคกี้น่ะสิมันงอแงอีกแล้ว”
รินทร์ธาราพูดถึงรถเก๋งคันเก่าที่เป็นมรดกตกทอดจากรุ่งพ่อแม่เธอที่ช่วงนี้มันช่างมีปัญหาบ่อยด้วยใบหน้าที่แอบเซ็งเล็กน้อย
“อืม...มันก็เก่ามากแล้วก็คงตามสภาพ...”
ณัฐนิชาเองก็นึกถึงสภาพรถของที่บ้านเธอใช้อยู่คันเดียวทุกวันนี้มันก็เก่ามากจริงๆเธอเองตอนนี้ก็ยังไม่กล้าที่จะหาคันใหม่มาเป็นภาระเพราะงานฟรีแลนซ์ของเธอมันก็ได้รายได้ที่ไม่แน่นอนเธอต้องสำรองเอาไว้ให้ลูกของเธออีกน้องสาวของเธอถึงจะทำงานเป็นเภสัชแต่เงินที่เป็นลูกจ้างตามร้านยามันก็ไม่ได้รายได้สูงอะไรมากมายนักแค่พอใช้ไปเดือนๆมีเก็บบ้างแค่นั้นเองยิ่งคิดเธอก็ยิ่งเครียด
“เฮ้อ!!!...เมื่อยจัง”
ณัฐนิชาบิดขี้เกียจและถอนหายใจเบาๆพร้อมทิ้งตัวลงนอนบนฟูกผืนหนากว้างข้างๆลูกแฝดของเธอทั้งสองที่กำลังนอนหลับปุ๋ยขาก่ายเกยทับกันอยู่
กว่าเธอจะรีบปั่นงานให้เสร็จก็เป็นเวลาเกือบจะตีหนึ่งหญิงสาวนอนหันหน้ามาทางลูกทั้งสองของเธอพร้อมอมยิ้มเบาๆและลงยื่นหน้าไปหอมแก้มเจ้าแฝดชายหญิงตัวกลมทั้งสองคนละทีแบบเบาๆและหลับตาลงอย่างสบายใจเธอนอนดึกตื่นเช้าแทบจะทุกครั้งที่ได้รับงานมาแต่ถึงเธอจะเหนื่อยแต่พอได้รู้ว่าทำเพื่อใครเธอก็ไม่เคยคิดจะปริปากบ่นเลยสักนิด
เช้าวันต่อมา
“คุณแม่ขา..”
หนูน้อยใยไหมตื่นขึ้นมาก็รีบลุกขึ้นนั่งพร้อมก้มกระซิบที่ข้างๆหูคนเป็นแม่เพื่อปลุกให้ตื่นอย่างอารมณ์ดี
“อืมม...ตื่นเช้าจังเลยล่ะคะ”
ณัฐนิชารู้สึกตัวตื่นเพราะได้ยินเสียงแหลมๆข้างๆหูหญิงสาวลืมตาตื่นผงกหัวขึ้นมาพร้อมรวบตัวลูกสาวตัวกลมของเธอไปกอดเล่นพลางมองไปที่ใบหม่อนลูกชายแฝดน้องที่นอนแผ่หลาเต็มที่นอนยังไม่ยอมตื่นง่ายๆคนเป็นแม่ฉีกยิ้มออกมาหน้าระรื่น สองพี่น้องถึงจะเป็นแฝดกันแต่นิสัยไม่ค่อยจะเหมือนกันเลยสักนิดดูจากการตื่นนอนก็ไม่เหมือนกันอย่างหนึ่งแล้ว
หลังจากที่ณัฐนิชาให้ลูกๆของเธอทานอาหารเช้ากันเรียบร้อยแล้วก็ปล่อยให้เด็กๆเล่นกันอยู่ครู่หนึ่ง ส่วนเธอก็มาเตรียมน้ำอาบให้กับลูกๆกะละมังอาบน้ำสีชมพูกับสีฟ้าวางตรงหน้าของหญิงสาวได้ถูกใส่น้ำไว้ประมาณครึ่งกะละมัง
“มาอาบน้ำกันก่อนเร็วค่ะเด็กๆ”
ณัฐนิชาใช้มือวางลงไปที่น้ำตรวจดูว่าได้อุณภูมิที่เหมาะสมแล้วจึงเรียกเจ้าสองแสบที่เล่นกันอยู่ในห้องนั่งเล่นมาที่ห้องน้ำเพื่ออาบน้ำในตอนเช้า
“เย่!!../เล่นน้ำ”
เจ้าก้อนกลมทั้งสองที่ได้ยินเสียงคนเป็นแม่เรียกให้มาอาบน้ำก็แข่งกันวิ่งตัวป้อมมาหาคนเป็นแม่เพราะชอบการเล่นน้ำเป็นชีวิตจิตใจพูดได้ว่าให้อยู่กับน้ำทั้งวันยังได้
“ยกแขนขึ้นค่ะ”
คนเป็นแม่ถอดเสื้อผ้าให้ลูกทั้งสองของเธออย่างรวดเร็วเพราะเจ้าสองแสบมายืนเรียงคิวให้ถอดเสื้อผ้าอย่างรู้งานเมื่อคนเป็นพี่สาวอย่างใยไหมถอดเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ลงไปนั่งในกะละมังใหญ่สีชมพูของตัวเองทันทีเด็กหญิงนั่งแล้วขยับไม่ได้มากนักเพราะตัวของเธอแทบจะเต็มกะละมังแต่ก็ยังชอบที่จะนั่งในนี้อยู่เพราะเล่นน้ำได้สะดวก
ใบหม่อนคนเป็นน้องชายก็เช่นกันเมื่อถอดเสื้อผ้าเสร็จก็กระโดดลงกะละมังจนน้ำกระจายเต็มพื้นห้องน้ำไปหมดรวมถึงกระเด็นมาเปียกคนเป็นแม่ด้วยเป็นแบบนี้ปกติเป็นประจำทุกวัน
“อ๊ายย..คิๆๆ”
ใยไหมผู้เป็นพี่พอเห็นน้องชายลงกะละมังเล่นน้ำก็ใช้มือตวัดน้ำใส่เจ้าตัวกลมข้างๆหน้าระรื่นแสดงถึงความอารมณ์ดี
“...คุณแม่คร้าบบ...”
ใบหม่อนน้องชายที่ดูจะเรียบร้อยกว่าพี่สาวนิดหน่อยเมื่อโดนแกล้งก็จะไม่โต้ตอบแต่หันหน้ามาทำตาละห้อยฟ้องคนเป็นแม่แทน
“ไม่แกล้งกันนะคะ”
ณัฐนิชาอดอมยิ้มในความน่ารักของลูกเธอทั้งสองๆไม่ได้แต่ก็ต้องกลั้นยิ้มไว้ทำเสียงแข็งพร้อมหันไปทางใยไหมลูกสาวจอมแก่นของเธอว่าห้ามแกล้งกัน
เมื่อคนเป็นแม่สั่งห้ามแกล้งเด็กหญิงก็พักมือลงแต่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยังคงมีอยู่บนใบหน้าเธอเชื่อฟังคนเป็นแม่ว่าไม่ให้แกล้งน้องแต่เธอก็ยังอมยิ้มอยู่เพราะไม่ได้กลัวอาการทำเป็นดุของคนเป็นแม่เลยสักนิด
“หยดนี้ของใบหม่อน...หยดนี้ของใยไหม...ทำยังไงต่อคะ”
ณัฐนิชาหยิบฟองน้ำถูตัวของเด็กๆขึ้นมาพร้อมหยดน้ำยาอาบน้ำของเด็กไปที่ฟองน้ำแล้วส่งให้ลูกของเธอทั้งสองเมื่อสองแสบรับไปแล้วหญิงสาวก็ถามถึงว่าขั้นตอนต่อไปกับเจ้าก้อนทั้งสองต้องทำอย่างไรต่อเพื่อฝึกให้ลูกๆของเธอได้ช่วยเหลือตัวเองเป็น
“ถูแขน/กับถูขา”
“ถูตัวด้วยนะคะ”
ทั้งสองแสบตอบคนเป็นแม่ด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้วเฉกเช่นนี้เป็นประจำทุกวันอีกคนตอบถูแขนอีกคนตอบถูขาแล้วเธอเองก็จะเป็นคนบอกว่าให้ถูตัวด้วยเธอสอนให้เด็กๆอาบน้ำขัดตัวเองอย่างนี้มาตั้งแต่ลูกของเธอได้ประมาณขวบครึ่งและลูกๆของเธอก็เชื่อฟังและทำตามได้อย่างดีเป็นที่ปลื้มใจของเธอมาก
“นมได้แล้วค่ะ..ขวดนี้ของใครคะ”
“หม่อนคร้าบ”
“ขวดนี้ของใครเอ่ย”
“ไหมค่า”
“นอนดื่มนมแล้วห้ามซนนะคะเดี๋ยวคุณแม่ขอตัวอาบน้ำแปปเดียวค่ะ”
หลังจากที่อาบน้ำให้เจ้าสองแสบเสร็จเรียบร้อยแล้วขั้นตอนต่อไปก็คือพาเจ้าสองแสบมาดื่มนมแล้วก็ได้เวลาของเธอที่จะต้องจัดการตัวเองต่อก็คือการอาบน้ำเพราะหลังจากที่อาบน้ำให้เจ้าสองแสบเสร็จทีไรตัวของเธอก็จะเปียกชื้นอยู่ทุกทีไปด้วยความซนของซนของลูกๆเธอนั่นเอง