ณิชาภาตัวเธอได้เดินทางมาศึกษาดูงานที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังของโลก พร้อมกับทีมแพทย์ที่ชำนาญมากมายหลายสาขา ตัวเธอได้เดินทางมากับคุณหมอหนุ่มหล่อเพื่อนสนิทของเธออีกคน ช่วงที่ผ่านมาของความเจ็บปวดเพื่อนเธอได้ปิดการสื่อสารหนีไปพักร้อนเป็นเวลานานมาก นางบอกว่านางได้ไปซ้อมฮันนีมูนล่องเรือเที่ยวรอบโลกมาจึงไม่รู้ข่าวคราวของเธอเลยจนนางกลับมาพร้อมใบหน้าคนที่อิ่มเอิบกับความรัก
"เฮ้อ! ถึงสักทีลอนดอนจ้า"
นายแพทย์หนุ่มนามว่ากวินท์คุณหมอที่สวยสุดในโรงพยาบาล เดินนำเข้าไปยังห้องพักที่ทางโรงพยาบาลเวอเลนท์ได้จัดเตรียมเอาไว้ให้ กวินท์เดินเข้าไปดูห้องนอนมีสองห้องพอดี ดีจะได้ไม่ต้องนอนเบียดกัน
"ยัยน้ำ แกจะนอนห้องไหน ฉันให้แกเลือกก่อนเลย Lady First"
"ขอบคุณนะคะ คุณกวินท์ที่ให้เกียรติดิฉัน เชิญแกเลือกๆ ไปเหอะฉันนอนห้องไหนก็ได้ ดูแล้วมันก็เหมือนกันทั้งสองห้อง"
"คุณเพื่อน แบบนั้นฉันจองห้องนี้ก็แล้วกัน มันมองเห็นวิวรอบของ กรุงลอนดอนในยามค่ำคืน เผื่อจะได้คุณหมอหล่อๆ มานอนเป็นเพื่อน ฉันจะได้พาไปมองกระจกชมกรุงลอนดอนจากที่สูง แค่คิดฉันก็คึกแล้ว"
"หึ๋ย! พูดจนฉันเห็นภาพความเหลืองพร่างพรายไปรอบห้องนี้เลยแก"
"ว้าย! ชะนีน้ำ แกพูดจาอะไรตบปากเลยนะ ตบปากเดี๋ยวนี้ ตั้งแต่เสียศูนย์เรื่องความรักรู้สึกว่าปากคอชักจะเลาะร้ายมากเลย"
"คิก คิก คิก" น้ำขำกับท่าทางของเพื่อนที่มองค้อนเธอตาจะถล่นออกมาจากเบ้าอยู่แล้ว
น้ำเห็นใบหน้าของเพื่อนที่มองเธอแบบจิกกัดจริง ก็อิจฉานางทำไมเดี๋ยวนี้โลกมันร้อน อากาศมันเปลี่ยนผู้ชายจึงหันหน้าไป โป๊ะ ชึ่ง กันเอง ชะนีอย่างเธอต้องเริ่มศึกษาอย่างจริงจังแล้วสิ
"โอ๊ย! ก็แกเล่นพูดออกมาแบบนั้นจะให้ฉันคิดเรื่องอะไรได้บ้างหรือแกจะชวนหนุ่มๆ มานั่งนับนิ้ว เล่นหมากเก็บกันบนห้องหรือไงคุณหมอกวินท์"
"ชะนีค่ะ! นี่ยุค 4.0 ใครเขาจะชวนผู้ชายมานั่งนับนิ้ว เล่นหมากเก็บกัน เดี๋ยวนี้เขาต้องชวนมาตีป้อมแล้วค่ะคุณหมอน้ำ สล๊อธจริงเพื่อนฉัน มาครั้งนี้เจอผู้ชายคนไหนหล่อก็จับปล้ำทำสามีมันสะเลย จะได้ไม่พลาดอีก"
"ไม่อ๊ะ ฉันขอช้าแต่ชัวร์ดีกว่า ปล้ำเสร็จกลายเป็นเพื่อนสาวอีกครั้งฉันคงจะต้องหนีไปบวชชีจริงๆ แล้วละ"
"ค๊ะ! รักษาไปนะพรหมจรรย์ ระวังมันจะหมดอายุไปสะก่อนคุณหมอน้ำ"
ณิชาภาสะอึกกับสิ่งเพื่อนพูด นางจะไปรู้อะไร ตัวเธอได้จัดการปล้ำผู้ชายไปแล้ว พรหมจรรย์อะไรที่ว่าก็ไม่หลงเหลือเอาไว้ให้ใครเชยชม หากนางรู้นางคงจะช็อค ยิ่งกว่าเห็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกได้ถือกำเนิดใหม่แน่นอน
"สรุปแกจะเอาห้องนี้นะ ฉันจะได้เอาเสื้อผ้าไปเก็บเข้าตู้ก่อน ขอนอนพักซบหมอนนุ่มๆ แทนหน้าอกผู้ชายก่อน"
"จ้า! เชิญคุณหมอกวินท์"
ณิชาภาเดินแยกเข้าไปในห้องนอนอีกห้อง เครื่องใช้ทุกอย่างภายในห้องถูกแยกให้เป็นสัดส่วนลงตัวมาก คิดถึงพ่อแม่เมื่อท่านรู้ว่าเธอได้รับเลือกให้มาดูงานที่ลอนดอนถึงกับแสดงอาการดีใจตื่นเต้น จัดการเตรียมเสื้อผ้าส่งเธอมาอังกฤษทันที คนเป็นพ่อแม่คงจะกลัวว่าลูกสาวจะฟุ้งซ่านคิดมาก แต่นี่มันก็นานมาแล้วหลายเดือนจนแผลก็เริ่มตกสะเก็ดเรียบร้อยไปแล้ว
จนช่วงบ่ายคล้อยกวินท์เดินมาเรียกเธอให้เข้าไปดูสถานที่ใช้อบรม พร้อมกับชวนกันไปเดินเล่นรอบๆ แถวโรงพยาบาล
ณิชาภากับกวินทพากันเดินเข้าไปในส่วนของโรงพยาบาล สร้างความตื่นตาตื่นใจมันหรู ไฮโซมาก ขนาดโรงพยาบาลของพวกเธอที่ว่าหรูหราหมาเห่าแล้วยังเทียบไม่ติดเลย
"เริ่ด! เริ่ดมากๆ แก ยัยน้ำสายสืบกระซิบบอกฉันว่าลูกชายของเจ้าของโรงพยาบาลนี้เป็นหนุ่มหล่อโสด แซ่บ น่าขย้ำมากๆ และที่สำคัญเป็นคุณหมอด้วยนะ แกจับผิวของฉันสิ ผิวหนังของฉันเต้นไปหมดแล้ว เต้นแบบสั่นระริก ๆ อยากจะเจอ"
"นี่! สงบสติอารมณ์ รักษาอาการบ้าง ฉันรู้สึกสงสารผู้หญิงแถวนี้ที่ส่งสายตามาให้แล้วต้องพบกับความผิดหวังกันไปเป็นแถวๆ"
"อ้าว ๆ ฉันเป็นคนเปิดเผย ไม่ใช่พวกแอบกินเงียบๆ และที่สำคัญฉันไม่ได้แคร์ชะนีสักหน่อย เพราะชะนีไม่ใช่ตลาดของฉัน"
ณิชาภามองเพื่อนที่ทำท่าทางดูจริตแล้วน่าหมั่นไว้ ได้แต่ส่ายหน้าให้กับความมั่นของเพื่อน สายตาเธอก็มองไปรอบๆ จนไปหยุดอยู่ตรงรูปภาพใหญ่น่าจะเป็นรูปเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้ ใบหน้ารอยยิ้มแบบนี้มันคุ้นเหมือนเธอเคยเห็นที่ไหนมันมาก่อนดูคุ้นมาก
"ยัยน้ำ! แกว่า ลูกเจ้าชายของโรงพยาบาลจะหล่อไหม ฉันว่าต้องหล่อแน่ๆ คุณพ่อสามีหล่อขนาดนี้ลูกคงจะหล่อแบบเกย์อย่างฉันยอมตาย"
"คิก คิก ถ้าแกพูดมาแบบนี้ก็ตายตั้งแต่ตอนนี้เลย ทำอะไรควรให้เกียรติเจ้าของแหวนนิ้วนางของแกด้วยค่ะ"
"ว้าย! แรงชะนี!"
เมื่อทั้งสองเดินออกมายังบริเวณด้านหน้าของโรงพยาบาล เธอกับเพื่อนจะเดินไปห้างสรรพสินค้าที่อยู่แถวนี้ ช่วงที่ทั้งคู่เดินผ่านไปสร้างความตกใจให้กับใครคนหนึ่ง
ฟิลิปกำลังจะเปิดประตูเพื่อก้าวออกไปจำเป็นต้องหยุดชะงักทันที ใจของเขามันตื่นเต้นทั้งที่คิดว่าผู้หญิงคนที่ยืนอยู่ไม่มีผลต่อความรู้สึกของเขาตั้งแต่วันนั้น ช่วงที่เห็นเธอเดินออกมาจากโรงพยาบาลของเขาอย่างช้า ๆ รอยยิ้มสดใสเดินออกมาพร้อมผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อ ตลอดเวลาที่เธอเกาะเกี่ยวแขนผู้ชาย เขารู้สึกว่าเขาไม่อาจจะมองภาพนั้นได้นาน มันรู้สึกไม่ชอบอยากจะเดินเข้าไปกระชากแขนและลากตัวเธอออกมาให้ห่าง
"มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ตาของเราคงจะไม่ฟาดแน่"
ฟิลิปหันหลังกลับไปมองคนที่เดินผ่านสายตาเขาไป เขายังจำทุกอย่างได้ดีภาพมันถูกฝั่งเข้าไปในความทรงจำจนเขาไม่สามารถที่จะเรียกใช้บริการผู้หญิงคนอื่นได้
"คุณจะตามมาหลอกหลอนผมแบบนี้ทำไม ผมจะลืมมันยังไง"
พนักงานที่ยืนรอการเปิดประตูเพื่อก้าวลงมาจากรถมันนานมากแล้ว แต่ทายาทเจ้าของโรงพยาบาลก็ยังไม่ยอมก้าวไปไหน
"คุณหมอฟิลิปเป็นอะไร ทำไมยอมเดินยืนคาอยู่ตรงนั้นหรือเราจะสะกิดเรียก หรือว่าควรจะปล่อยเอาไว้แบบนี้ดี เอาไงดีวะ"
พนักงานต้อนรับกำลังคิดหนัก อยู่ๆ ก็ต้องตกใจ เมื่อคนที่เขากำลังคิดว่าจะสะกิดเรียกยังไง เดินออกไปจากรถ พร้อมกับสายตาของคนที่มาทำการรักษาตัว บุคลากรของโรงพยาบาล ทุกคนเห็นการปรากฏตัวของทายาทซึ่งหล่อมากๆ
"สวัสดีครับคุณหมอฟิลิป"
"อืม ขอโทษเมื่อครู่ฉันติดธุระนิดหน่อยเลยทำให้นายยืนนานไปนิดนะ"
"ไม่เป็นไรครับผม มันคืออาชีพของผมอยู่แล้วครับ"
ฟิลิปพยักหน้าพร้อมกับก้าวเดินด้วยความสุขุม ตลอดทางเดินที่เข้าไปยังห้องทำงานของตัวเองมีสายตาชื่นชมหลงใหลมากมายมองตามกันตาละห้อย ฟิลิปเดินเข้าไปเช็ครายละเอียดสถานที่เตรียมที่จะใช้จัดประชุมการสัมมนาของแพทย์ทั่วโลกในวันพรุ่งนี้
ในเช้าวันถัดมาของการรวมตัวของแพทย์ทั่วทุกมุมโลก รวมถึงนายแพทย์กวินท์หมอศัลยกรรมผู้เชียวชาญเรื่องกระดูกและข้อ แพทย์หญิงณิชาภา หมอชำนาญด้านอายุรกรรมทั้งสองเดินเข้าไปยังส่วนด้านหน้าเพื่อลงทะเบียนสำหรับการเข้าร่วมอบรม
กวินท์และณิชาภาทั้งต่างมองหาที่นั่ง จากนั้นก็เดินไปนั่งประจำ ที่นั่งที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้แพทย์ทุกคน ณิชาภากวาดสายตามองไปรอบๆ จนไปสะดุดเข้ากับใครคนหนึ่งที่ทำให้หัวใจของเธอเกือบจะหยุดเต้น เขา ผู้ชายคนนั้นมาทำอะไรที่นี่ แต่งานนี้เป็นการรวมตัวของแพทย์หรือว่าเขาเป็น
กวินท์หันไปมองใบหน้าของเพื่อนตอนนี้ซีดเป็นไก่ต้ม นางเป็นอะไรทำไมเหมือนนางกำลังตกใจเรื่องอะไรอยู่
"ยัยน้ำ! แกจะเป็นลมหรือไง ไหวไหมดูสิหน้าซีดมากๆ"
"อือ...ฉันโอเค ฉันไม่ได้เป็นอะไร ฉันคงจะร้อนนิดหน่อย"
"ร้อน! ชะนีค่ะ ถ้าแกบอกว่าร้อนอุณหภูมิประเทศเราเรียกว่าอะไร มันร้อนตรงไหนแก ขนาดฉันใส่สูทฉันยังหนาวเลย ฉันว่าแกป่วยแน่ๆ เดินไปขอยาที่ด้านหน้ากินก่อนไหมเดี๋ยวจะเป็นหนักนะแก"
ณิชาภาตอนนี้เธอไม่ได้สนใจในสิ่งที่เพื่อนพูดเลยสักนิด สายตาและจิตใจพุ่งตรงไปยังผู้ชายคนนั้นที่เธอได้ปลุกปล้ำเขา
"มะ... ไม่ใช่หรอกมั้ง อาจจะแค่คนหน้าคล้ายกันก็ได้"
ณิชาภามองเขาเดินเพื่อไปเตรียมตัวยังข้างเวที ใจเธอก็ขอภาวนาให้คนนั้นไม่ใช่เขาทีเถอะ ถ้าเกิดใช่ขึ้นมา ตัวเธอไม่รู้จะทำตัวยังไงต่อ
ฟิลิปได้เดินไปเตรียมตัวยังด้านข้างเวทีสัมมนา สายตาเขาได้มองไปรอบๆ เขารู้สึกว่าเหมือนมีใครกำลังแอบมองเขาอยู่สัญชาตญาณมันแรงแปลกๆ
ณิชาภาเห็นเขากำลังกวาดสายตาดูอะไรสักอย่าง เธอรีบเอาเอกสารที่ถือขึ้นมาปิดบังใบหน้าทันที ใจของเธอตอนนี้มันกลัว ตื่นเต้นความรู้สึกมันปะปนกันทั้งหมด
"สาธุ ขออย่าใช่คนเดียวกันเลยขอหละนะคะ" ณิชาภายกมือขึ้นไหว้ท่วมหัว ลืมตัวไปว่าเพื่อนข้าง ๆ กำลังมองเธออยู่
"ยัยน้ำ แกเล่นของเหรอวะ อย่ามามูเตรูที่ลอนดอนนะยะ ใครเห็นเดี๋ยวเขาจะหาว่าหมอเมืองไทยเพี้ยนนะแก"
"เปล่า! แกอย่าส่งเสียงดังสิ พูดเบาๆ"
ณิชาภากลัวเหลือเกิน กลัวคนที่นั่งอยู่ตรงข้างๆ เวทีจะได้ยิน เพื่อนของเธอพูดเบาเสียที่ไหน"
ฟิลิปมองไปยังแพทย์หนุ่มทำท่าทางเหมือนพูดคุยอยู่กับใครคนหนึ่งที่กำลังยกเอกสารขึ้นมาปิดบังใบหน้า ฟิลิปมองแพทย์หนุ่ม เขาจำได้ว่าคือคนเดียวกันกับที่เขาเจอเมื่อวานนี้ แสดงว่าคนที่กำลังเอาเอกสารปิดบังไว้นั้นคือ
"หึ หึ ปิดอย่างนั้นคิดว่าจะลอดพ้นสายตาผมไปได้หรือไง"
ฟิลิปตอนนี้เขารู้สึกว่างานสัมมนานี้มันช่างสร้างสีสันให้กับเขาเยอะเลย คงจะไม่น่าเบื่ออย่างที่คิดเอาไว้
"ยัยน้ำ ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ เวทีเขามองฉันด้วย แกเอาเอกสารลง แล้วดูสิ หล่อมากๆ ใจฉันสั่นไปหมด คนอะไรหล่อลืม เขินเลยแก เขามองมาที่ฉันไม่หยุดเลย แกเอาเอกสารลงเดี๋ยวนี้ ยัยน้ำ"
ทันทีที่เพื่อนรักดึงเอกสารที่เธอใช้ปิดบังใบหน้าเอาไว้ออก เท่านั้นแหละ ชัดเลย ชัดเจนฟันธงว่าคนเดียวกัน ยัยน้ำ ซวยแล้ว เอาไงดีหละ ที่นี้แกจะทำตัวยังไงจะลุกเดินออกไปเลยดีไหมถ้าทำแบบนั้น กวินท์มันจะสงสัยไหม
"ยัยน้ำแกเห็นหรือยัง หล่อไหม" กวินท์หันหน้าไปขอความเห็นจากเพื่อนตอนนี้อ้าปากค้างนิ่งไปแล้ว
"ยัยน้ำ แกถึงกับตกใจเลยเหรอ เจอคนหล่อแค่เนี่ย"
"ฉันซวยแล้ว! ซวยแน่ๆ"
"พูดจาอะไรของแก ฉันไม่เข้าใจ"
"กอ...ก็ผู้ชายคนนั้นคือ...คือคนที่ฉันปล้ำนะสิ"
"อะไรนะ! แกปล้ำผู้ชาย"
ณิชาภารีบเอามือตะครุบปิดปากเพื่อนสนิทที่เผลอตะโกนออกมา พร้อมกับทำท่าบอกให้เพื่อนใจเย็นๆ
"ชูว์ ชูว์ เบา เบา ใจเย็น เย็น ช้า ช้า อย่ากรี๊ด สิ่งที่แกได้ยินฉันพูดเมื่อครู่ แกฟังไม่ผิดหรอก"
ฟิลิปมองสองคนที่ทำท่าทางพิลึกซุบซิบเหมือนจะนินทาเรื่องของเขาอยู่ ผู้ชายคนนั้นก็เผลอส่งเสียงร้องเหมือนกำลังตกใจอะไร ดูสิ่งที่เธอทำเอาฝ่ามือเล็ก ๆ นั้นไปแตะกับริมฝีปากของผู้ชาย ฟิลิปตอนนี้ใบหน้าเขาเริ่มตึงขึ้นมาทันที รู้สึกไม่ชอบ มันขัดความรู้สึกของเขาอย่างรุนแรงที่สุดซึ่งตัวเขาไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน
ณิชาภาได้มองเลยไปยังคนที่ตกเป็นหัวข้อสนทนาก็เจอเข้ากับสายตาแข็งกระด้างที่ไม่บ่งบอกความรู้สึก สายตานี้ยิ่งตอกย้ำว่าเขาคือคนเดียวกันแน่นอน เธอจำได้ดี
"ยัยน้ำ! แกทำให้ฉันตกใจ ฉันจะเป็นลม"
"กวินท์! แกจะมาเป็นลมตอนนี้ไม่ได้ แกต้องช่วยฉันตอนนี้เดี๋ยวนี้ ฉันกลัวเขาแกมองเห็นสายตาที่เขาใช้มองหน้าฉันสิ เขาคงโกรธฉันอยู่แน่ๆ เลยแก"
"เดี๋ยวนะ ยัยน้ำ! แกเข้าใจอะไรผิดไหม สายตาแบบนั้นเขากำลังโมโหฉันอยู่ค่ะ เขามองที่ฉันเหมือนกำลังจะใช้สายตาสังหารให้แหลกสลายกลายเป็นผง ยัยน้ำ! ฉันว่าตอนนี้เอามือแกออกจากใบหน้าฉันก่อน ใบหน้าฉันแพงหลายล้าน ฉันไม่อยากโดนหมอหล่อทุบเบ้าหน้าให้ใหม่ ปล่อยหน้าฉันเดี๋ยวนี้เลยแก"
ณิชาภาค่อยๆ เอามือออกจากใบหน้าเพื่อนสนิท และทำเป็นนิ่งไม่รับรู้อะไรทั้งที่ข้างในตอนนี้มันร้อนรุ่มไปหมด เครื่องปรับอากาศภายในห้องยังทำให้เธอรู้สึกเย็นไม่ได้เลย
ฟิลิปมองผู้หญิงที่ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนตั้งแต่เจอ เขาเห็นว่าเธอก็กำลังแอบมองเขาแต่แสร้งทำเป็นเมินหันไปมองที่อื่นเหมือนคนไม่รู้จักกัน
“ได้เลย คุณเริ่มก่อนนะ อย่าหาว่าผมใจร้ายก็แล้วกัน”
จนกระทั่งถึงเวลาที่เขาต้องขึ้นไปกล่าวเปิดการสัมมนาในครั้งนี้ สายตาของคุณหมอสาวๆ ที่ต่างพากันชื่นชมตัวเขา ยกเว้นเธอ เธอแค่คนเดียวที่ทำเหมือนเขาเป็นจุรินทรีย์
"ตายแล้ว! คนที่แกปล้ำคือทายาทเจ้าของโรงพยาบาลนี้"
"กวินท์หลังจากเสร็จอบรมนี้ ฉันฝากพ่อกับแม่ด้วยนะ ถ้าเกิดเขาจับฉันส่งตำรวจในข้อหาปลุกปล้ำกระทำชำเราจากวันนี้ฉันจะฝากแกเอาเอกสารทั้งหมดไปให้พ่อกับแม่ด้วยนะ ถ้าจะเอาอะไรมาฝากฉันในคุกแกเอาข้าวมันไก่นะ ไม่เอากะเพรามันเผ็ดท่าทางอาหารไทยที่นี่คงจะแพงน่าดู ขอน้ำส้มนะไม่เอาโอเลี้ยง หมดกันอุตส่าห์ร่ำเรียนมาต้องมาจบชีวิตของแพทย์ด้วยการต้องเข้าคุกในข้อหาปล้ำข่มขืนผู้ชาย"
"ยัยน้ำ! แกพูดบ้าอะไร เพี้ยนหรือไง แกเนี่ยนะจะปล้ำคุณหมอฟิลิป ตัสเท่าเมี่ยงแกจะทำได้ยังไง น่าจะเป็นคุณหมอที่เป็นฝ่ายกระทำแกมากกว่า ดูตัวแกกับ คุณหมอสิ คุณหมอแค่จับแก ก็หักเป็นสองท่อนแล้ว ยัยบ้าพูดจาอะไรตลก"
ณิชาภาเงยหน้าขึ้นไปมองเขาทีไรก็เจอเข้ากับสายตาของเขามองมาที่เธออยู่ดี เขากะจะไม่ให้เธอเล็ดลอดออกห้องไปได้เลยใช่ไหม จะมองอะไรขนาดนั้น ณิชาภาอยากจะตะโกนออกไปว่า ฉันขอโทษฉันผิดไปแล้ว
ฟิลิปกล่าวเปิดการสัมมนาเสร็จก็มองไปยังเก้าอี้ว่างตรงข้างๆ หญิงสาว หึหึ งานนี้เขาจะทำให้เธอรู้สึกเสียดายเขา
ณิชาภาเห็นเขากล่าวเปิดการสัมมนาเสร็จแล้ว กำลังจะก้าวเดินลงจากเวที มายังด้านข้าง ถ้าเธอสังเกตสายตาของเขาที่มองมายังที่นั่งข้างๆ เธอ ที่ยังว่างไม่มีใคร ณิชาภาคิดว่าถ้าเกิดให้เดาเขาคงจะ
"อย่านะ! อย่าเป็นอย่างที่คิด อย่าเด็ดขาด"
"สวัสดีครับ ดีใจที่เราได้เจอกันอีกครั้งนะครับ"
ณิชาภากำลังจะเอาเอกสารไปวางไว้เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายนั่ง แต่ช้าไปแล้ว ณิชาภาเงยหน้าขึ้นไปมองเขา อยู่ไกลๆว่าหล่อแล้ว ยิ่งมานั่งอยู่ตรงข้าง ๆ ตรงนี้ยิ่งหล่อไปอีก สมแล้วที่เขาเรียกค่าเสียหายตั้งร้อยล้าน
"สะ สวัสดีค่ะ ค่ะ คุณคือนายแพทย์ฟิลิป เวอเลนท์ ใช่ไหมคะ"
"ถ้าคุณตั้งใจฟังผมตอนที่ผมแนะนำตัวอยู่บนเวที ผมว่าคุณคงจะรู้จักชื่อผมแล้วนะครับ"
"ค่ะ สวัสดีค่ะคุณหมอฟิลิป" ณิชาภาตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนจะเป็นลมจริงๆ แล้วสิ
"สวัสดีครับ คุณหมอน้ำ ณิชาภา พิพัฒน์เจริญ"
กวินท์ที่นั่งอยู่ข้างเพื่อน รู้สึกอิจฉานางจริงๆ ที่ได้กินนายแพทย์ที่โด่งดังที่สุดในโลก สาวต่างแห่กันกรี๊ดกร๊าดแต่เพื่อนเธอกลับไม่รู้จัก
ณิชาภาตอนนี้รู้สึกตกใจไปอีก ที่เขารู้จักชื่อเธอ มาพร้อมทั้งชื่อจริงและชื่อเล่นตายแน่ๆ ยัยน้ำ ณิชาภาทฝืนยิ้มส่งไปให้พร้อมกับน้ำตาที่มันคลออยู่ตรงเบ้า อะไรมันจะซวยได้แบบนี้
ทั้งสามนั่งฟังการบรรยายทางการการแพทย์ร่วมกันต่างคนต่างความรู้สึกคนหนึ่งอยากจะนั่งข้างไปนานๆ แต่อีกคนกลับคิดว่าเวลาทำไมมันเดินผ่านไปช้าจังเลย