"นี่แหละข้อดีของการออกกำลังกาย" เขาตอบโดยไม่ยอมละสายตาจากเธอ
"ออกกำลังหรือดื่มหนักเอาดีๆ" เธอเอียงหน้าถาม ยิ่งทำให้ดูน่ารักขึ้นไปอีก
เขาไม่ตอบได้แต่ยิ้ม บุหรี่หมดไปหนึ่งตัวแล้ว กำลังจะจุดตัวที่สอง แต่เขารู้สึกแสบคออย่างประหลาด
"กลับยังไง ไปส่งไหม"
"เอารถมา" เธอตอบเสียงหวาน
"กลับดีๆ นะ"
"โอเค บายนะ" รดายกมือขึ้นเป็นสัญลักษณ์ลาก่อน
นึกอยากจะตบปากตัวเอง ทำไมไม่รั้งเธอไว้ หรือชวนคุยเรื่อยเปื่อย หรือกระทั่งชวนไปดื่มต่อกันที่คอนโด มีนนึกเสียดายแต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วเมื่อเธอเดินตรงไปยังรถ มีนยืนมองเธอจนขับรถออกไป นึกสงสัยว่าก่อนหน้านี้ทำไมเขาไม่เคยคิดจะจีบเธอเลย แน่นอนว่าขณะเป็นนักศึกษาเธอยังไม่มีเสน่ห์ยวนใจเท่านี้ แต่ถ้าเขาจะจีบเพื่อน เสือผู้หญิงอย่างเขาจะเสียฟอร์มไหมนะ แล้วถ้าเธอไม่เล่นด้วยขึ้นมา จะเสียเพื่อนหรือเปล่า มีนหยุดความคิดวนเวียนในหัวด้วยการสูบบุหรี่อัดควันลึก
เขารู้สึกหน้าร้อนผ่าว ๆ เมื่อกำลังสตาร์ทรถ อาการแสบคอเริ่มมากขึ้น เขาเอามืออังหน้าผากและคอ รู้สึกถึงความร้อนที่หลังมือ มีนหยิบขวดน้ำในรถกระดกดื่มอึกใหญ่ ไม่สนใจกับอาการทางกายมากนัก ขับรถกลับคอนโดทันที
ระยะทางจากผับจนถึงคอนโดใช้เวลาไม่นาน เพียง 40 นาทีเท่านั้น ระยะเวลาเพียงเท่านี้แต่อาการทางกายกลับกำเริบอย่างรวดเร็ว เขาพบว่าปวดศีรษะและไข้ขึ้นเมื่อจอดรถใต้คอนโดเสร็จเรียบร้อยและกำลังจะกดลิฟท์ขึ้นห้อง
ลิฟท์พาเขาขึ้นมาที่ชั้น 16 ซึ่งเป็นคอนโดหรูย่านฝั่งธนวิวแม่น้ำเจ้าพระยา เขาได้มันมาในราคาต่ำกว่าท้องตลาดเพราะเจ้าของเก่าร้อนเงินและผ่อนต่อไม่ไหว ถ้าขายต่อก็จะได้กำไรงามเกือบเท่าตัว แต่มีนเลือกที่จะเอามาเป็นที่อยู่ส่วนตัว เพราะมันสงบและเห็นวิวแม่น้ำ อีกอย่างเขาก็ไม่ได้ร้อนเงิน รอให้เวลาผ่านไปสักระยะ รอให้ราคาดีดขึ้นไปอีก 2-3 เท่าตัว ถึงตอนนั้นค่อยตัดสินใจ
เขาเปิดประตูห้องมาและทิ้งตัวลงโซฟาห้องรับแขกทันที รู้สึกถึงอุณหภูมิร่างกายที่ร้อนขึ้น เขาไม่มีอุปกรณ์สำหรับวัดไข้ และไม่มียาลดไข้ใดๆ ทั้งสิ้น
มีนรู้สึกถึงลมหายที่ร้อนผ่าว และความหนักอึ้งทั่วหัว ปวดเมื่อยเนื้อตัว อยากจะลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่ลุกไม่ไหว ร่างกายเหมือนอ่อนเปลี้ย ไร้เรี่ยวแรง อยากจะหลับอย่างเดียว
มีนหลับไปทั้งอุณหภูมิร่างกายที่ร้อนจัด พิษไข้ทำให้เขาได้แต่หลับตาแต่หลายอย่างวนเป็นวงกลมอยู่ในหัว ทั้งฝันแปลกและความคิดวุ่นวาย เวลาล่วงไปเกือบตีสาม ไข้เขาสูงมากขึ้น มีนรู้สึกเหมือนร่างกายถูดดูดให้จมอยู่ในโซฟาไม่สามารถยันกายขึ้นมาได้
สุดท้าย ความเหนื่อย ความเพลีย ฤทธิ์เหล้า และพิษไข้ทำให้เขาเข้าสู่นิทราจนได้ และนำพาเขาเข้าสู่ความฝันประหลาด
ในความฝันมีนยังอยู่ในชุดเดิม อาการทางกายกลับเป็นปกติ ไข้หายเป็นปลิดทิ้ง ออกจะสดชื่นเสียด้วยซ้ำ เขากำลังอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย มันมืดจนเขามองอะไรไม่เห็น ได้แต่กลิ่นธูปที่ลอยมากระทบจมูก เขามองซ้ายมองขวา ถึงจะมีแต่ความมืด เงียบ วังเวง แต่ที่น่าแปลกคือเขากลับปราศจากความรู้สึกกลัว มีแต่ความสงสัยว่าสถานที่นี้คือที่ไหนกัน และสักพักเดียวเมื่อสายตาคุ้นชินกับความมืด เงาตะคุ่มรอบบริเวณก็เกิดขึ้น มันคือเงาตะคุ่มของต้นไม้ที่อยู่รอบกายเขา
'ป่าหรือไง' เขาคิด 'แล้วมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงวะ' เขาคิดต่อ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อมีเสียงบางอย่างดังขึ้น
เขาลืมตาขึ้นพบว่าตัวเองยังคงอยู่ในชุดเดิม เวลานี้น่าจะเช้าแล้ว เพราะแดดส่องเข้ามายังโซฟาที่เขานอน ความร้อนในร่างกายยังอยู่เหมือนเดิม ความปวดเมื่อยตัวยิ่งทวีคูณ
"ครับแม่" เขาพูดอย่างยากลำบาก เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นพูด
"มีน ... แม่ไปดูหมอมา เขาบอกช่วงนี้แกดวงตก ต้องไปทำบุญ หรือไปบวช ดวงจะได้เปลี่ยน แกว่างวันไหนมาหาแม่ที ... เดือนหน้าจะวันเกิดแกอายุครบ 30 แล้ว ตอนนี้แก 29 อายุที่ลงท้ายด้วยเลข 9 คนโบราณเขาถือว่าดวงมันจะตกช่วงนี้ มันจะก้าวไม่พ้น" แม่พูดเป็นชุด มีนฟังไม่ทันและฟังไม่รู้เรื่องสักอย่าง
"แม่ครับผมไม่สบาย เอาไว้ว่างจะไปหานะ" เพียงเท่านี้เขาก็วางสายไป คำพูดของแม่ไม่ได้อยู่ในเสี้ยวความคิดเขาสักนิด
อาการปวดตัว ปวดหัว และไข้ยังเกาะกุมร่างกายเขา เขาฝืนสังขารลุกขึ้นไปอาบน้ำอุ่น และควานหาของที่พอจะกินได้ในตู้เย็น หลังจากได้อาบน้ำและกินข้าว อาการเริ่มดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้จะไม่ได้กินยาลดไข้
มีนออกไปร้านขายยา แจ้งอาการกับเภสัชกร เภสัชกรเป็นผู้หญิงผิวคล้ำ เมื่อเขาบอกอาการไป เภสัชกรถามกลับมาว่า
"ยาที่เป็นเม็ดสีขาวใช่ไหม" สำเนียงของเภสัชกรแปร่งพิกล คล้ายสำเนียงชาวต่างด้าวยังไงยังงั้น
'ยาทั่วโลกแม่งก็สีขาวกันทั้งนั้นปะวะ' เขาคิด พร้อมกับเภสัชกรนำยามาให้เขาดู แล้วถามเขาว่า
"ยาตัวนี้เคยกินไหม"
'กูจะรู้ไหม' เขาคิดในใจ
"งั้นกินตัวนี้นะ หลังอาหาร 3 เวลา" เภสัชกรจัดยาให้ เขารีบจ่ายเงินและรับยามาด้วยอาการหัวเสียเล็กน้อย
เขาได้รับยามาหลายชนิด เมื่อกลับมาอยู่ในรถมีนเอายาออกจากซองใส่ปากและกระดกน้ำตาม นึกขึ้นได้ว่าแม่โทรหาเขาเมื่อเช้า เขาเองก็เป็นลูกชายคนเดียวที่ไม่ค่อยได้อยู่ดูแลแม่สักเท่าไหร่ วันนี้ตัวเขาเองก็ไม่มีลูกค้านัดดูคอนโด เขาจึงตัดสินใจขับรถไปหาแม่
"ดีแล้วที่แกมา แม่จะพาไปต่อชะตาชีวิต" แม่พูดขณะอยู่ในรถ
"มันต่อกันได้ด้วยเหรอแม่" เขาพูดขณะขับรถมุ่งหน้าไปยังวัดที่แม่ต้องการจะไป เขารู้สึกเหงื่อออกเต็มตัวหลังจากทานยาเข้าไป เขาไม่ลืมที่จะกำชับกับเภสัชกรว่าขอยาชนิดที่ไม่ง่วงเพราะเขาจำเป็นต้องขับรถ เภสัชกรคงจะจ่ายยาดีเกินไป เพราะนอกจากจะไม่ง่วงแล้ว เวลานี้เขายังรู้สึก 'ดีด' ยังไงพิกล หัวใจเต้นแรง ตื่นตัว เหงื่อออก ความเพลียหายเป็นปลิดทิ้ง
"อย่างน้อยก็ผ่อนหนักเป็นเบา อายุที่ลงท้ายด้วยเลข 9 เนี่ย บางคนเขาว่าจะ 'ก้าวไม่พ้น' คนโบราณเขาถือกัน"
"ถือแล้วหนักไหม" เขาพูดตาใส
"ไอ้มีน มึงนะ @#%$!&*&%$#$@$" แม่ด่าไฟแลบ ก่อนหน้านี้เขาปวดหัว แต่ตอนนี้เขาปวดหูแทน
รถมาจอดที่วัดแห่งหนึ่ง ห่างไกลจากตัวเมืองบรรยากาศสงบร่มรื่นภายในวัดทำให้จิตใจแม่ลูกคู่นี้ผ่อนคลายขึ้น นานแล้วที่มีนไม่ได้เข้าวัด เขาสัมผัสถึงความศักดิ์สิทธิ์จน 'คนบาป' อย่างเขารู้สึกถึงความไม่คู่ควร
แม่พามีนไปถวายสังฆทาน แม่ดูชำนาญกว่าเขามาก เขาทำได้แต่เพียงทำตามแม่เท่านั้น จากนั้นแม่จึงกราบพระและสอบถามว่า
"หลวงพ่อเจ้าค่ะ รบกวนต่อชะตาให้ลูกชายทีค่ะ หมอดูทักมาว่าช่วงนี้ดวงมันตกค่ะ ดิฉันก็ว่าช่วงนี้หน้ามันดูหมองๆ ค่ะ"
"ผมตากแดดมาแม่" มีนเถียงแม่ต่อหน้าพระ แม่หันมาถลึงตาใส่
"พระสงฆ์ต่อชะตาไม่เป็นหรอกโยม มันไม่มีอยู่ในคำสอนของพระพุทธองค์เลย แต่พระมีของดีมากกว่าต่อชะตาอีกนะ" หลวงพ่อพูดด้วยความเมตตา
"อะไรหรือคะหลวงพ่อ" แม่รีบถามขึ้น คำว่า 'ของดี' ของหลวงพ่อทำให้แม่ตาลุกวาว คิดไปถึงวัตถุมงคล สาริกาลิ้นทอง หรือกุมารสักองค์
หลวงพ่อยิ้มอย่างสำรวม หันไปมองทางมีน ซึ่งนั่งขัดสมาธิ เอามือเท้าคางอย่างเบื่อหน่าย
"ไอ้หนุ่ม เข้ามาหาหลวงพ่อสิ"