บทที่4.รอยแค้นบนรอยรัก

1523 Words
“ทราม!! ต่ำ ไม่คิดว่าเดมเชียจะลดตัวลงมาทำอะไรที่ต่ำทรามได้แบบนี้”            เสียงแหบแห้งที่เปล่งออกมาจากกลีบปากสีระเรื่อ เอรินทร์กำมือแน่น หากเขาเข้ามาใกล้เธอซ้ำ เธอจะชกลูคัสให้หน้าหงาย มือของเธอวางแปะไว้ตรงต้นคอ ผิวเนื้อส่วนนั้นร้อนฉ่า!! เหมือนถูกก้อนไฟนาบเอาไว้            “ยังมีอะไรๆ อีกเยอะในโลกนี้ที่เธอไม่รู้จัก...เด็กน้อย” ชายหนุ่มหยุดพูด เขายิ้มมุมปาก “คนที่เธอคิดว่าดี...ความจริงแล้ว เขาอาจจะเลวกว่านักโทษประหารในเรือนจำเสียอีก...เธอยังอ่อนด้อยนักเอรินทร์...เธอยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ...จากผม และคนอื่นๆ”            “เหอะ!! หัวใจคุณมันมืดบอด แพ้ไม่เป็น... มีแค่ความแค้นและความอาฆาต คุณจะมีความสุขได้ยังไงคะ”            หญิงสาวเค้นเสียงออกมาจากก้นบึ้ง พระศาสดาของศาสนาหนึ่งกล่าวไว้ ‘การปล่อยวางคือความสุขอย่างแท้จริง ไม่อาฆาตแค้น คือความสุขในชีวิต จงรู้จักผ่อนปรน และมอบสิ่งดีๆ คืนกลับสู่ผู้อื่น’            “ฮ่าๆ ความสุขของผม...คือการได้เห็นบาร์วหายนะ เหมือนกับที่เขาเคยทำกับครอบครัวผมไงล่ะ”            ลูคัสเอ่ยเสียงเคร่ง...เขายิ้มหยัน เมื่อวันที่รอคอยขยับใกล้เข้ามาทุกที            “ความแค้นกำลังกัดกินหัวใจคุณจนผุกร่อน...คุณจะไม่มีวันมีความสุขถ้ายังไม่รู้จักปล่อยวาง”            “ลองมาเป็นผมสิ!! เอรินทร์ ผมอยากรู้ว่าเธอจะตอบโต้คนเลวที่ทำกับครอบครัวของเธอแบบไหน ยอมถอยแล้วนั่งมองพวกมันเสวยสุขหรือ?...หึ!! ไม่มีวัน...พวกมันต้องชดใช้...รวมถึงเธอด้วย...บาร์วทุกคน ข้างนอกนั่นคือสนามรบผมจะล้มบาร์วให้ดู จะลบบาร์วออกจากหน้าประศาสตร์ ให้เหมือนกับที่พ่อเธอเคยทำ...”            ลูคัสพูดเสียงเย็น ดวงตาของเขาลุกวาบ!! เขาจะไม่มีวันยอมให้คนที่ทำลายครอบครัวเขามีความสุข พวกมันทุกคนสุขมามากพอแล้ว ถึงเวลาที่พวกเขาเหล่านั้น...จะต้องพบกับความสูญเสียบ้าง            “ให้เอมชดใช้แทนแด๊ดได้ไหม? ขอเถอะแด๊ดแก่แล้ว”            หญิงสาววิงวอน เธอขอทดแทนคุณบิดา หากลูคัสจะฆ่าจะแกง ขอให้มาลงที่เธอคนเดียว                     “หนึ่งชีวิตของเธอ...เทียบไม่ได้กับทุกชีวิตที่ผมเสียไปเอรินทร์ บาร์วต้องชดใช้จนกว่าผมจะสาแก่ใจ...นับตั้งแต่วันนี้”            ชายหนุ่มยิ้มเยาะซ้ำ เขาหมุนตัวเดินจากไป ปล่อยให้เอรินทร์รูดลงไปกองที่พื้น เธออยากร่ำไห้ แต่น้ำตากลับตกใน เมื่อเธอเข้าใจความรู้สึกของลูคัส เพราะหากเป็นเธอ...เอรินทร์ก็ไม่แน่ใจ เธออาจจะทำเหมือนที่ลูคัสทำ!! เธออยากให้ทุกอย่างที่เกิดขึ้น...เป็นแค่เพียงความฝัน...เหลือเกิน แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ เมื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีคนสูญเสียมากมาย...เพราะฝีมือของครอบครัวเธอ “เป็นอะไรไปย่ะ ฉันเห็นเธอนั่งกุมคอมาตั้งแต่ออกจากห้องน้ำ”            มิแรนดาหันมาตวาดเอรินทร์ เมื่อหล่อนเอาแต่ก้มหน้างุดๆ มือข้างนั้นไปยอมปล่อยจากคอเรียวระหง            “เปล่าค่ะ... เอมคงโดนแมลงในห้องน้ำ มันเลยเป็นผืนคัน เอมเกาจนถลอกเลยไม่อยากให้เชื้อโรคหรือฝุ่นโดน คงต้องรีบหาอะไรปิดไว้ก่อน เอมกลัวจะเป็นแผลเป็นไปอะค่ะ”            หญิงสาวแก้ตัวแบบหน้ามึน จะให้บอกความจริงกับมิแรนดาหรือ เมื่อคนที่สร้างรอยตำหนินี่ มันเหลือเชื่อเกินกว่าที่ใครจะเชื่อ ลูคัสกัดเธอ!!            “ซุ่มซ่าม!!”            สาวโสภาหันมาตวาดซ้ำ ก่อนจะหมดความสนใจจากเอรินทร์ เมื่อเดินห่างออกมาจากห้องทำงานของลูคัส โดยที่ได้อะไรติดมือมาแค่นิดเดียว            ร้านสะดวกซื้อคือจุดหมายที่เอรินทร์มุ่งหน้าเดินเข้าใส่ เธอไม่อยากให้ใครก็ตามเห็นรอยที่เกิดขึ้น เพราะเขาน่าจะรู้...หากได้เห็นเข้า ดังนั้นเธอจึงต้องปิดบังไว้ก่อน            พาสเตอร์ยาคือสิ่งแรกที่หญิงสาวนึกถึง...เอรินรท์ต้องใช้ถึงสองแผ่นถึงจะปกปิดรอยนั้นได้มิด เธอมองกระจกแล้วจึงจีบปากย่น!! ไม่พอใจอย่างแรงที่ถูกแกล้ง แต่ก็นับว่าเป็นความโชคดีที่ไม่ได้ถูกคุกคามมากกว่านั้น            “ความจริงเธอตาสวยนะเอม...ถ้าไม่มีแว่นตาบ้าๆ นั่น”            เสียงมิแรนดาเปรย ตอนที่รถแท็กซี่เคลื่อนออกจากที่จอด เอรินทร์สะดุ้ง!! เธอยกมือขึ้นตะปบใบหน้า ให้ตายเถอะ!! เธอลืมแว่นตา มันคงหล่นอยู่ในห้องน้ำนั่นแหละ            “คงลืมทิ้งไว้ตอนที่เอมล้างหน้าน่ะค่ะ”            หญิงสาวผ่อนลมหายใจยาวๆ เสก้มหน้าหลบ รีบควานมือลงไปในกระเป๋าสะพาย เธอมีแว่นตาสำรอง ในกรณีฉุกเฉินแบบนี้            “ตาเธอ...สีแปลกๆ” มิแรนดายังคงติง แค่ไม่มีแว่น ยัยเด็กหน้าจืดข้างตัวออร่าพุ่งขึ้นมาเชียว ขนาดเธอยังเห็นว่าสวย แล้วผู้ชายนัยน์ตาคมกริบอย่างลูคัส จะไม่เห็นเชียวเหรอ ไม่น่าแปลกใจแล้วแหละว่าทำไม ผู้ชายคนนั้นจึงสนใจยัยเด็กนี่เป็นพิเศษ เขาคงมองทะลุแว่นตา จนเห็นเค้าความสวยของเอรินทร์            “เอมเป็นลูกครึ่งน่ะค่ะ เลยได้ตาสีนี้มา”            เป็นส่วนผสมระหว่างพ่อกับแม่ เอรินทร์จึงมีนัยน์ตาสีลูกกวาด มันฉ่ำหวานชวนฝัน ใครเห็นใครชอบ เธอจึงซ่อนมันไว้ใต้แว่นตากรอบโตๆ หนาเตอะ            “อืม...”            ดูเหมือนมิแรนดามีเรื่องคิด เธอจึงไม่ได้สนใจเอรินทร์เท่าที่ควร            “เธอคิดเหมือนฉันไหมเอม... ฉันว่า... ระว่างบาร์วกับเดมเชีย มันจ้องมีอะไรซ่อนไว้แน่ หากฉันเจาะได้ ฉันคงดังระเบิด”            มิแรนดาเปรย เธอรู้สึกถึงความกินแหนงระหว่างสองตระกูล มันต้องมีอะไรซุกไว้แน่ๆ อดีตเมื่อหลายปีก่อนดังครึกโครม แต่ช่วงนั้นเธอไม่ได้สนใจ คงต้องไปรื้อข้อมูลเก่าๆ ดูเผื่อจะมองเห็นข่าวเด็ดๆ ที่เอามานำเสนอ สกู๊ปนี้เธอทุ่มเต็มร้อย ไม่อยากให้เสียความตั้งใจ ไหนๆ ก็พลาดหวังจากการอ่อย...เมื่อลูคัสไม่คิดจะเดินตามเกมของเธอ เขาเย็นชาเหมือนน้ำแข็งที่จับตัวเป็นก้อนบริเวณขั้วโลกเหนือ หนาวจับจิตเวลาที่เขาทอดสายตามอง ไม่ได้เร่าร้อนเหมือนสายตาของอีกคน            เอรินทร์ผ่อนลมหายใจยาวๆ หากมิแรนดารื้อความบาดหมางระหว่างบาร์วกับเดมเชียขึ้นมาตีแผ่ เธอเกรงว่าจะเป็นการกระตุ้นให้ลูคัสคลั่ง แต่เธอจะทำอะไรได้ เมื่อมิแรนดาที่เธอรู้จัก รั้นอย่าบอกใคร หากหล่อนจ้องไว้ หล่อนจะกัดไม่ปล่อย...เธอควรทำอย่างไรถึงจะดี ไม่อยากให้เกิดข้อพิพาทขึ้นอีก            “คุณอย่ายุ่งกับ ‘เค้า’ ดีกว่าไหม เอมว่าเค้าน่ากลัว”            หญิงสาวพยายามแย้ง ลูคัสอันตรายและหากเขาโกรธ เกรงว่าเรื่องจะไปกันใหญ่            “แล้วฉันต้องกลัวเขาหรือไง? อย่าลืมสิ ฉันเป็นใคร!!”            มิแรนดาพูดเสียงเย็น เธอไม่มีอะไรต้องกลัว ในฐานะนักข่าว สิ่งที่เธอทำคือการตีแผ่ หาได้ละเมิดความเป็นส่วนตัวของลูคัสไม่ เขาเป็นบุคคลสาธารณะ...เขาต้องทำใจสิหากตกเป็นหัวข้อข่าว และการตกเป็นหัวข้อข่าวนี่ไม่ใช่เหรอ ที่ทำให้เดมเชียอินดัสเทรียสดังทะลุเพดานอยู่ทุกวันนี้ วอชิตัน.ดี.ซี.            “ผมไม่เห็นว่าที่ผมทำ ผมจะผิด!!”            คลากส์แก้ตัวแบบข้างๆ คูๆ เขานั่งอยู่ต่อหน้ามาดามคาเรียกับคลอลิน ทั้งสองคนตำหนิสิ่งที่เขาทำ เมื่อมันทำให้บาร์วพลาดงานใหญ่ และเสียหน้าที่ถูกเด็กรุ่นลูกฉกงานไป            “แกยังมีหน้ามาแก้ตัวแบบทุเรศๆ อีกเหรอคลากส์ แกเป็นตัวแทนฉัน แต่เอาเวลาสำคัญไปมั่วผู้หญิง เมื่อไรแกจะโตสักที!!”            คลอลินตวาด เขาเหนื่อยใจกับบุตรชายคนโตจนแทบจะทนไม่ไหว            “คุณก็...คลากส์เป็นผู้ชาย ไม่มั่วผู้หญิง จะให้มั่วกับผู้ชายหรือไงห่ะ!!”            แล้วก็เป็นมาดามคาเรียอีกนั่นแหละที่คอยออกรับแทน นางตวัดสายตาค้อนสามี ก่อนจะเดินเข้าไปโอ๋บุตรชาย            “อย่าคิดมากลูก มันมีพลาดกันได้ มัมคิดว่า ‘ไอ้หมอนั่น’ มันต้องเล่นไม่ซื่อ ลูกของมัมไม่เคยเหลวไหล ผู้หญิงนั่นอาจจะเป็นนกต่อ” นางปลอบโยนบุตรชาย ยกมือลูบที่บ่า พร้อมทั้งตบลงไปเบาๆ            “ผมก็คิดว่าอย่างนั้นแหละครับมัม... ผมน่าจะโดนวางยาด้วย” คลากส์สวมรอยรับลูก เขารีบตอบเสียงอ่อย ทั้งๆ ที่ความจริงมันตรงกันข้าม เขาเข้าไปสีผู้หญิงคนนั้นเอง และมัวแต่มั่วกับหล่อนจนลืมเวลา            “แกอย่ามาอ้างคลากส์ สันดานแก แด๊ดรู้!!”         
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD