“คุณแม่เรียกให้ผมมาพบหรือครับ”
เสียงห้าวทุ้มฟังนุ่มหูที่เอ่ยถามมาทำให้คุณหญิง จันทร์กระจ่างที่นั่งทำความสะอาดเครื่องเพชรอยู่บนโซฟาตัวหรูเงยหน้าขึ้นแล้วหันมองเจ้าของเสียง นางยิ้มอ่อนโยนรับชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังเดินตรงเข้ามาหา
คาลอส โดมินิก รัตนเดชา (หรือคาร์ล) บุตรชายคนโตของมหาเศรษฐีชื่อก้องโลกอย่างนายเคลวิน โดมินิก กับคุณหญิงจันทร์กระจ่าง รัตนเดชา (นามสกุลเดิมของคุณหญิง จันทร์กระจ่าง) คาลอสเป็นผู้ชายมาดขรึม ด้วยสถานะทางสังคม ที่เขามีพร้อมไม่ว่าจะเป็นความหล่อ เชื้อชาติ หรือวงศ์ตระกูลแน่นอนว่าเขาเป็นผู้ชายที่แสนสมบูรณ์แบบ แถมหยิ่งยโส จนเกินกว่าจะก้มหัวให้ใคร คาลอสอายุสามสิบแปดย่างสามสิบเก้าปี ลูกครึ่งสัญชาติไทยอเมริกัน
คาร์ลเป็นผู้บริหารใหญ่ที่กุมบังเ**ยนกิจการในด้านอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดของโดมินิกกรุ๊ป ไม่ว่าจะเป็น โรงแรมระดับห้าดาวเจ็ดดาวทั่วทั้งประเทศ อาคารสำนักงาน ให้เช่า หรือกระทั่งบ้านจัดสรรอีกหลายโครงการ รวมไปถึง รีสอร์ทดังอีกหลายๆ แห่งทั่วทุกภูมิภาคตั้งแต่เหนือจรดใต้ ของประเทศไทย
คาลอสมีน้องชายอีกสองคนนั่นคือ โคลด์สัน โดมินิก รัตนเดชา น้องชายคนรองของเขา โคลด์ อายุสามสิบสามปี เขารับหน้าที่ดูแลกิจการบริษัทไอทีในนิวยอร์กประเทศสหรัฐอเมริกา
อีกคนคือ คริสโตเฟอร์ โดมินิก รัตนเดชา น้องชาย คนสุดท้อง หรือคริสเขาคือผู้บริหารสายการบินในเครือ โดมินิกกรุ๊ป นั่นคือสายการบินโดมินิก แอไลน์ ซึ่งมีอาคารสำนักงานอยู่ท่าอากาศยานในประเทศอิตาลี
“นั่งก่อนสิคาร์ล หรือว่าลูกจะรีบออกไปไหนหรือเปล่า”
คุณหญิงจันทร์กระจ่างถามเหมือนจะดักทางหนีทีไล่ ของบุตรชายคนโต แต่ถึงอย่างนั้นเสียงถามของนางก็ยังคง ฟังนุ่มนวลตามแบบฉบับของผู้ดีเก่า
คุณหญิงจันทร์กระจ่างเป็นลูกหลานของคนมีชาติ มีตระกูลนางจึงถูกอบรมเลี้ยงดูมาให้เป็นกุลสตรีโดยแท้ ทั้งกิริยามารยาทคำพูดคำจาหรือแม้แต่การวางตัว
“เปล่าครับไม่รีบไปไหนหรอกครับ ผมเพิ่งกลับมาจาก ที่ทำงาน”
คาร์ลเองก็ตอบเสียงนุ่มทุ้มทว่าแฝงไปด้วยอำนาจ ที่หากเป็นคนอื่นฟังก็ไม่มีใครอยากต่อกรด้วย นี่เป็นการพูดจาในสไตล์ของคาร์ล เขานิ่งเงียบ ออกจะเคร่งขรึม เขาทำงานหนัก เขาเป็นคนจริงจัง ทุ่มเทสำหรับทุกๆ อย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เขาเฉียบคมเสมอในด้านการบริหารธุรกิจ เขาเป็นคนที่ค่อนข้างวางตัว แน่นอนว่าเขาต้องเลือกคบคน ผู้หญิงที่จะมาเป็นคู่นอนของเขาก็เหมือนกันเขาจะเลือกคนที่คิดว่าปลอดภัยที่สุดเหมือนกัน ที่สำคัญไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าเรื่องความปลอดภัย นั่นคือผู้หญิงของเขาทุกคนต้องสวย และดูดี
“ก็นั่นน่ะสิ แม่ก็เห็นว่าคาร์ลเพิ่งจะกลับมา แล้วทำไม ทำเหมือนรีบ นั่งก่อนไม่ดีหรือลูก กินน้ำกินท่าให้เย็นใจสบายกายเสียหน่อยค่อยคุยกันก็ได้”
“ครับ...ผมไม่รีบครับ แค่รู้สึกว่าอยากพักแค่นั้นเอง”
“ทำไมล่ะ งานยุ่ง หรือว่ามีปัญหาหรือเปล่าคาร์ล ให้คุณพ่อลงไปช่วยไหม”
“ไม่เป็นไรครับ ผมยังไหว ให้คุณพ่อพักเถอะครับ แล้วนี่ไม่อยู่หรือครับ ผมเดินมาไม่เห็นรถของคุณพ่อ”
“จ้ะ ก็ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ ของเขาบ้าง”
“อ้อครับ แล้วแม่เรียกผมมามีอะไรหรือเปล่าครับ”
คาร์ลถามอีกครั้งขณะที่เขายกแก้วน้ำเย็นเฉียบที่เด็กรับใช้ของตึกใหญ่เพิ่งเอามาวางให้ตรงหน้าเมื่อครู่
“หนูออยเรียนจบแล้วนะ”
คุณหญิงจันทร์กระจ่างเริ่มเรียบๆ เคียงๆ ธุระของนาง พร้อมจับตาสังเกตสีหน้าที่เปลี่ยนไปแทบจะทันทีของบุตรชายไปพลาง นางเห็นและรู้ว่าคาลอสไม่พอใจในทุกๆ ครั้งที่นางเอ่ยถึงเรื่องของเด็กสาวในปกครอง
“...”
คาลอสกระแทกลมหายใจออกจากปอดแรงๆ มือแกร่งวางแก้วน้ำ ปากหนาได้รูปสวยอย่างผู้ชายบิดเบ้น้อยๆ คล้ายว่าเขากำลังใช้ความคิด แต่คนมองอย่างคนเป็นแม่ย่อมดูออกว่าบุตรชายของตัวเองกำลังไม่พอใจ
“คาร์ล”
คุณหญิงจันทร์กระจ่างเอ่ยเรียกบุตรชายคนโตอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงนุ่มที่แฝงไปด้วยความเอื้ออาทรตามแบบฉบับ ของนาง
“ครับ”
คาร์ลรับคำมารดาสั้นๆ แล้วก็เงียบไปอีก คล้ายว่าเขา ไม่อยากจะยุ่งหรือใส่ใจในเรื่องราวที่คนเป็นแม่กำลังพยายามจะบอกกล่าวแก่เขา
“แม่บอกคาร์ลว่าหนูออยเรียนจบแล้วนะลูก”
“ครับ ผมรับรู้แล้ว แล้วยังไงอีกครับ”
“หนูออยเรียนจบคณะบริหาร”
“คุณแม่เอาเรื่องของยัยเด็กนั่นมาบอกผมทำไมครับ”
“หนูออยเรียนจบมาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเชียวนะคาร์ล”
“ผมไม่ได้อยากรู้เรื่องของยัยนั่นนะครับคุณแม่ ผมว่าถ้าคุณแม่อยากจะพูดจะเล่าเรื่องของเด็กนั่นคุณแม่ควรเล่าให้คุณพ่อฟังนะครับ ไม่ใช่ผม”
“แม่อยากให้หนูออยไปทำงานกับคาร์ล เป็นผู้ช่วยคาร์ล”
คุณหญิงยังคงไม่ยอมแพ้
“ผมมีอารันเป็นผู้ช่วยอยู่แล้วครับแม่”
“แม่รู้...แต่ว่าอารันเป็นผู้ชายนะลูก อารันอาจจะทำงานดี ก็จริงแต่ในบางเรื่องแม่คิดว่าผู้หญิงอาจทำได้ดีกว่าผู้ชายนะคาร์ล”
“เลขาฯ ของผมเป็นผู้หญิงครับแม่ เรื่องอะไรที่อารัน ทำไม่ได้ เลขาฯ ของผมก็เป็นคนจัดการ”
“สรุปว่าคาร์ลจะไม่ยอมรับหนูออยเข้าทำงานด้วยแน่ ใช่ไหมลูก”
“คนของผมมีเต็มทุกตำแหน่งแล้วครับ”
คำปฏิเสธสั้นๆ ที่เขาไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรอีก
“โอเค งั้นก็ไปพักผ่อนเถอะลูก”
“งั้นผมขอตัวนะครับ”