Rrrrr... เสียงมือถือดังขึ้นจากหัวเตียงของพริ้ม ทำให้พริ้มตื่นจากฝันด้วยความแปลกใจ เพราะเมื่อคืนเธอไม่ฝันเหมือนหลายคืนที่ผ่านมา แต่กลับฝันเห็นเพียง ดวงตาที่อ่อนโยน ของใครบางคน
"อืม~..ฮัลโหล~" พริ้มรับสายขณะที่ตายังไม่ลืมดี เสียงงัวเงียปนน่ารักเล็ดรอดออกมา
"เอ่อ..หนูยังไม่ตื่นหรอคะ?" เสียงปลายสายที่คุ้นเคย ทำเอาพริ้มถึงกับสะดุ้งสุดตัว
พี่ณิชา!?
"อ่ะ! เอ่อ คือ.." พริ้มพยายามหาคำพูดกลบเกลื่อนแต่ก็คิดอะไรไม่ออก
ณิชา ที่อยู่ปลายสายก็เงียบไปเช่นกัน ไม่ใช่เพราะโกรธที่เธอยังไม่ตื่น แต่เพราะ ตกใจในเสียงงัวเงียของสาวเจ้าต่างหาก ที่มันฟังดู น่ารักเกินกว่าที่เธอจะคาดคิด
"พี่อยู่หน้าคอนโดแล้วค่ะ หนูอาบน้ำแต่งตัวเลยนะคะ พี่รอบนรถ"
"ค...ค่ะ ;-;" พริ้มตอบรับอย่างจำยอม
เมื่อสายตัดไป พริ้มเอาหน้า ฟุบลงหมอนทันที ไม่คิดว่าณิชาจะจริงจังถึงขั้น โทรมาปลุกและมารอรับ ด้วยตัวเองถึงคอนโดแบบนี้
ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง ร่างเล็กของพริ้มก็วิ่งออกมา
"แต่งตัวน่ารักแหะวันนี้" ณิชาพึมพำเบาๆ พรางมองร่างเล็กที่กำลังวิ่งมา ผมยาวสวยที่ยังคงชื่นอยู่เล็กน้อย
พริ้มเปิดประตูขึ้นมานั่งข้างคนขับ แล้วหอบหายใจแรง "ขอโทษที่ให้รอนะคะ หนูไม่คิดว่าพี่จะมาอ่ะ" พริ้มงอแงเล็กน้อย
"อ่าว.."ณิชามองพริ้มงงๆ ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ "เมื่อคืนนอนดึกหรอคะ หืม" ณิชาเอื้อมมือทัดผมให้พริ้ม พร้อมถาม
"อ่ะ..เอ่อ ก็นิดหน่อยค่ะ ว่าแต่ทำไมพี่มาเช้าจังคะ" พริ้มเอี้ยวตัวออกเล็กน้อย สายตาเลิกลั่กนิดหน่อย แต่ใบหูน้อยๆกลับแดงจนเห็นได้ชัด
"หึ" ณิชายกยิ้มเอ็นดูเจ้าเด็กน้อยคนนี้ "พี่สะดุ้งตื่นมาตั้งแต่ตีสี่ตีห้าแล้วค่ะ เลยนอนไม่หลับ" ณิชาค่อยๆขับรถเคลื่อนตัวออกจากคอนโด ตรงไปยังศูนย์วิจัยเผื่อไปทำงานต่อ
"แต่วันหลังนัดกันก่อนก็หนิคะ แบบนี้หนูเตรียมตัวไม่ทันนี้นา.." พริ้มพองแก้มงอนๆ กอดอกเป็นการบอกว่าตนหงุดหงิดเล็กน้อย
"ถ้าพี่นัด จะได้ยินเสียงตอนหนูพึ่งตื่นหรอคะ" ณิชาตอบ รอยยิ้มมุมปากของณิชาทำเอาพริ้มหย้าแดง ร้อนถึงหู
"พี่ณิชา!" พริ้มหันหลังไม่ให้ณิชาเห็นใบหน้าร้อนผ่าวของตน ก่อนจะผุดรอยยิ้มเล็กออกมาด้วยความเชินอาย
รถหรู เคลื่อนตัวเข้าจอดยังที่จอดรถของศูนย์วิจัย ร่างสูงร่างบางเดินลงจากรถ พริ้มถือหนังสือที่จดข้อมูลเมื่อคืนมาเปิดอ่านพร้อมเดินตามณิชาไปไม่ห่าง
"เมื่อคืนได้สรุปว่ายังไงล้างคะ ที่หนูนอนดึกน่ะ" ณิชาถาม
"อืม.. เจอเป็นพวกบทกลอนมากกว่าค่ะ แล้วก็ เหมือนเป็นชื่อเจ้าของหนังสือเล่มนี้แหละค่ะ"
'จันนิสา บุนนาค' ชื่อที่ถูกเอ่ยออกมาจากปากของพริ้ม ทำให้ณิชาเลิกคิ้วมองพริ้ม ก่อนจะเอ่ยถาม
"สกุล บุนนาค? หรอคะ"
"ใช่ค่ะ ลองดูตรงมุมของทุกๆหน้าสิคะ มันเขียนอยู่" พริ้มชี้ให้ณิชาดู และมันเป็นเช่นนั้นจริง
"อืม.. แล้วเขียนอะไรอีกมั้ยคะ?" ณิชาหันมาถาม
"เป็นบทกลอนค่ะ หน้าที่หนูถ่ายไม่เขาเขียนว่า
เพียงได้เห็น สบตาแม่น้องนาง
แม้แต่ทาง จะเห็นก็หาไม่
เดินจนสุด สายตา นางลับไป
เก็นมาคิด ถึงในใจ ข้านี่เอย "
"บทกลอนพบหน้าหรอ?" มือขวามของณิชายกขึ้นมาวางที่คาง พร้อมเงยหน้ามองพริ้มที่กำลังสรุปบทความให้ฟังอย่างตั้งใจ
"ประมาณนั้นค่ะ อีกหน้านึงที่หนูยังพออ่านออกก็จะเป็น.." พริ้มเปิดสมุดของตัวเองที่แล้วเริ่มอ่านออกเสียง
ว่าด้วยเรื่องความรัก มิได้ห้าม
แต่ว่านางเป็นหญิง คิดไฉน
หญิงกับหญิงรักกัน ย่อมบรรลัย
คำเตือนแม่จำไว้ อย่าได้ลืม
แม้นรักนางว่าน้องสาว ข้ามิถือ
จักคิดคือน้องของเจ้า ใช่ใครหนอ
แต่นี้รักหวังทำเมีย ข้าหละท้อ
จันนิสารักผิกเพศ สังเวชใจ
ณิชาและพริ้มนิ่งไปชั่วครู่ มองหน้ากันอยู่ซักพัก อาจจะเป็นเพราะความคิดของคนสมัยนั้น จึงทำให้ทั้งสองคิดหนักที่จะอ่านต่อ
"เอ่อ.. อ**บทนึงน่าจะเป็นของเจ้าของหนังสืออ่ะค่ะ"
คุณแม่ห่วงตัวลูก ได้รับรู้
แต่จะสู้เสียงหัวใจ ข้ามิไหว
ข้ารักนางด้วยใจจริง โปรดเห็นใจ
ใครจักคิดเช่นไร ข้ามิฟัง
เมื่อจบบทความ ภายในห้องมีเพียงความเงียบที่ปกคลุมไปทั่ว พริ้มและณิชาไม่พูดอะไร เพียงมองตากันอยู่อย่างนั้น
ก่อนที่จะมีเสียง..
วี๊ดดด!!
ก่อนที่ร่างทั้งสองจะล้มลง