bc

Primeval period.อาถรรพ์โลกล้านปี

book_age12+
92
FOLLOW
1K
READ
others
goblin
siren
magical world
supernature earth
another world
lords
like
intro-logo
Blurb

เขาจะทำเช่นไร เมื่อต้องเกิดใหม่ในโลกประหลาดที่ไม่เคยรู้จัก และไร้ซึ่งอารยธรรม เอาใจช่วยและร่วมสร้างวิวัฒนาการรูปแบบใหม่กับจาโคและผองเพื่อนได้ ในอาถรรพ์โลกล้านปี นิยายผจญภัยที่จะฉีกทุกกฏแห่งการกำเนิดใหม่ในต่างโลกไปโดยสิ้นเชิง

chap-preview
Free preview
หุบผาแห่งนิจนิรันดร์
“เพราะชีวิตและความตายเป็นหนึ่งเดียวกัน ดังเช่นที่แม่น้ำและทะเลเป็นหนึ่งเดียวกัน” คาริล ยิบราน เคยกล่าวไว้เช่นนั้น แต่บางปรัชญากลับกล่าวเอาไว้ว่า ความตาย คือการออกเดินทางไปสู่เริ่มต้นใหม่ อาจจะหมายถึงการกำเนิดใหม่ในต่างภพภูมิ หรือกลับคืนไปสู่ความว่างเปล่าที่ไร้ซึ่งความวุ่นวายใดๆ ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามาก็ไม่มีข้อสันนิษฐานใดๆเลย ที่ตรงกับสิ่งที่ผมกำลังเผชิญหน้าอยู่ในขณะนี้... “ยิงสกัดรถไว้ เล็งที่ล้อหน้ามัน อย่าให้พลาด ไม่งั้นได้ตายห่ากันหมดนี่แหละ” ผมตะโกนสั่งลูกน้องที่นั่งถือปืนรอคำสั่งอยู่ตรงเบาะผู้โดยสาร จริงๆแล้วหน้าที่การขับรถไล่ล่าคนร้ายในครั้งนี้ต้องเป็นของหมวดจรูญที่กำลังถือปืนเล็งตรงไปทางเป้าหมาย แต่ด้วยความที่เขามีทักษะการขับรถที่ยังไม่สูงพอ ผมที่เป็นถึงรองผู้กำกับประจำ สน.จึงต้องลงมาทำหน้าที่นี้แทนเขาไปพลางๆก่อน รถของหน่วยปราบปรามอีกสองคันขับตามมาอย่างกระชั้นชิด พวกเราพยายามตีวงเข้าโอบล้อมรถของคนร้ายด้วยแผนที่คิดว่ารัดกุมอย่างที่สุด แต่ก็ยังไม่ทันการ หมวดจรูญลั่นกระสุนออกไปแล้วถึงสองนัด แต่ก็มิวายที่จะพลาดเป้าอย่างน่าเจ็บใจ รถของคนร้ายถูขับเคลื่อนหลบหลีกอย่างมืออาชีพ ผมยอมรับว่าแอบประมาทพวกมันไปนิดหนึ่ง ความปราดเปรียวของคนร้ายทำให้เราเริ่มหัวเสียและคิดแผนรับมือเพิ่มขึ้นมาภายใต้แรงกดดันที่ยิ่งยวด แม้พยายามอย่างยิ่งที่จะใช้สติเป็นเครื่องนำทาง แต่สถานการณ์ตรงหน้ากลับไม่เอื้ออำนวยให้กับพวกเราสักเท่าไหร่ “ท่านรองครับ เอายังไงดี มันเลี้ยวหนีเข้าไปทางไร่ข้าวโพดข้างหน้าแล้ว” “ก็ตามแม่งไปสิวะ” ผมหักพวงมาลัยเลี้ยวตามรถคนร้ายไปทันทีโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง หมวดจรูญจึงได้แต่นั่งเกร็งและตัดสินใจใช้วิทยุสื่อสารตามรถกองปราบอีกสองคันที่ขับเลยไปข้างหน้าตรงทางเอก ให้ตามมาสมทบกับพวกเราด่วนที่สุด เนื่องจากเขาเกรงว่าจะเป็นกับดักของคนร้ายซึ่งมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวมากยิ่งกว่า ซึ่งเขาเองก็คิดถูก… เพราะกลายเป็นรถของเราเองที่ยางแตกเนื่องจากเหยียบเศษตะปูที่พวกมันโรยดักเอาไว้เข้าอย่างจัง รถทั้งคันถึงกับเสียหลักหมุนคว้างอยู่กลางไร่ข้าวโพดจนยากที่จะควบคุมได้ ดินในไร่เป็นดินทรายผสมเลนโคลนที่เปียกลื่นหลังฝนตก ไม่ว่าผมจะพยายามควบคุมพวงมาลัยให้มั่นคงแค่ไหนก็ตาม รถของเราก็ยังเสียการควบคุม หมุนคว้างพลิกคว่ำไปหลายตลบจนไร่ข้าวโพดของชาวบ้านแถบนั้นราบลงไปเป็นหน้ากลอง… และเมื่อทุกอย่างสงบลง สติสัมปชัญญะของผมก็เริ่มกลับคืนมาสู่ร่างกาย ก่อนจะเหลือบไปเห็นร่างของหมวดจรูญที่นั่งตัวงอผิดรูปอยู่ในเบาะข้างๆ ผมไม่ทราบว่าเขายังมีลมหายใจอยู่หรือไม่ และก็ไม่มีโอกาสได้เช็คดู เพราะกว่าตัวเองจะปลดเข็มขัดนิรภัยและคลานออกมานอกตัวรถได้ ก็ใช้เวลาไปมากโข… “ในที่สุดก็เกมส์จนได้นะมึง ไอ้ท่านรองศิวะ” ผมเงยหน้าขึ้นไปมองตามเสียงเรียก ก็พบว่าคนร้ายกำลังยืนหัวเราะและจ่อลำกล้องของกระบอกปืนลงบนศีรษะผมเข้าเสียแล้ว ยังไม่ทันได้พูดตอบหรือคิดอะไรไปต่อจากนั้น ประกายไฟจากปากกระบอกปืนก็ลั่นออกมาพร้อมเสียงดังสนั่น ผมรู้สึกเจ็บแปลบกลางที่กระหม่อมเพียงเล็กน้อยราวมดกัด ก่อนที่การรับรู้ทุกอย่างในร่างกายของผมจะดับวูบไป… . เมื่อรู้สึกตัวขึ้นมาอีกที ผมก็ยืนอยู่เพียงลำพังท่ามกลางความว่างเปล่าเวิ้งว้าง ไม่มีวิวทิวทัศน์ใดๆให้ทัศนา ไม่มีแม้กระทั่งต้นไม้ใบหญ้า หรือเสียงนกร้องให้ได้ยิน มีเพียงพื้นที่สีขาวสว่างนวลตาที่ดูกว้างไกลจนไม่มีที่สิ้นสุด ให้ความรู้สึกเคว้งคว้างชวนใจหายและไร้ซึ่งความหวังใดๆ เป็นอย่างยิ่ง… ผมจำได้ว่าครั้งสุดท้ายก่อนจะหมดสติลง ผมรถคว่ำอยู่ที่ไร่ข้าวโพดพร้อมกับคนร้ายที่กำลังเอาปืนมาจ่อหัวในระยะประชิด จำได้ว่ากระสุนถูกลั่นออกมาแล้วจากรังเพลิง ผมคงตายจากโลกนั้นมาแล้วสินะ แต่น่าแปลกที่ตอนนี้ผมกลับไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ ทั้งๆ ที่กระสุนลูกนั้นก็น่าจะเจาะผ่านกระโหลกศีรษะมาโดยตรง เมื่อสำนึกว่าตัวตาย แว่บแรกที่ระลึกได้ก็คือความอาลัย ภรรยาของผมกำลังตั้งครรภ์ลูกคนแรกของเราอยู่ ถ้าที่นี่คือโลกหลังความตาย แล้วเจนล่ะจะเป็นอย่างไร เธอเป็นคนที่อ่อนโยนและค่อนข้างอ่อนไหว ยิ่งในสภาวะตั้งครรภ์แบบนี้ด้วยแล้ว การสูญเสียสามีผู้เป็นเสาหลักของครอบครัวไปอย่างกะทันหัน ยิ่งอันตรายกับเธอและลูกในท้องเป็นที่สุด ในโลกนั้น...ผมรับราชการในตำแหน่งรองผู้กำกับประจำ สน. โดยมีเจนจิรา อาจารย์สาวประจำภาควิชาศิลปหัตถกรรมของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งเป็นคู่ชีวิต ภรรยาของผมเป็นคนที่น่าทึ่งมาก เธอเป็นผู้หญิงอายุน้อยที่มีความรู้ในเชิงประวัติศาสตร์และงานประดิษฐ์ชนิดที่เชี่ยวชาญพิเศษจนหาตัวจับยาก แถมยังศึกษาด้านประวัติศาสตร์เป็นงานอดิเรก ซึ่งส่วนใหญ่เธอจะให้ความสนใจกับยุคก่อนประวัติศาสตร์มากกว่าวิวัฒนาการของมนุษย์ในยุคอื่นๆ ทั้งนี้เพราะเธอเคยให้เหตุผลกับผมเอาไว้ว่า การริเริ่มสร้างอารยะธรรมของมนุษย์ในยุคดึกดำบรรพ์นั้น เป็นเรื่องที่มหัศจรรย์และน่าทึ่งมากกว่าการพัฒนาในยุคใดๆไปเสียอีก “เพราะพวกเขาคือราก คือต้นแบบของอารยะธรรมในสังคมมนุษย์ ยุคอื่นๆหลังจากนั้นก็แค่ต่อยอดมาจากฐานอารยะธรรมเดิม ไม่ใช่เรื่องที่น่าทึ่งหรือน่าตื่นตาใดๆเลย” เจนเคยบอกกับผมไว้เช่นนี้... น่าเสียดาย ที่การไล่ล่าและปราบปรามคนร้ายในครั้งนี้ทำให้เวลาในโลกเดิมของผมต้องจบลงอย่างน่าอนาถ ซึ่งผมก็ได้แต่ถอนหายใจและยืนทำใจอยู่นานพอสมควรเลยทีเดียว กว่าจะตัดสินใจก้าวขาเดินตรงไปข้างหน้าอย่างคนที่ไร้ซึ่งจุดมุ่งหมาย ผมรู้ตัวดีว่าชีวิตเดิมได้ตายลงไปแล้ว และเวลาของผมบนโลกใบเดิมก็จบสิ้นลงไปด้วยเช่นกัน ผมยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นมาได้เสมอ เพียงแต่สิ่งที่ผมยังไม่เคยรู้ก็คือ ในโลกหลังความตายที่ผมกำลังเผชิญหน้าอยู่นั้น ต้องเดินต่อไปบนเส้นทางไหน และจุดหมายของถนนสายนี้จะไปสิ้นสุดลงสู่ที่ใด… ผมเดินทางต่อไปอีกนานเพื่อลดความฟุ้งซ่านที่มีอยู่ภายในใจ ท่ามกลางความว่างเปล่า ผมไม่รู้สึกร้อน ไม่หนาว และไม่หิว มีเพียงความเงียบและไร้ซึ่งสรรพสำเนียงรอบข้างที่ทำให้ผมเริ่มหวั่นกลัว แต่ก็ยังไม่กล้าปริปาก ได้แต่แข็งใจเดินต่อไปเรื่อยๆ อย่างคนที่ไร้จุดมุ่งหมายเขามักจะทำกัน นานพอสมควร กว่าทิวทัศน์สองข้างทางจะปรากฏสู่สายตา ตอนนี้ผมกำลังเดินผ่านทิวเขาประหลาด ที่แวดล้อมไปด้วยโตรกหินผาอันน่าสะพรึงกลัวและลาดชันแบบสุดๆ พายุที่เต็มไปด้วยละอองน้ำแข็งพัดผ่านมาตลอดทาง คล้ายจะช่วยเพิ่มอุปสรรคให้กับเหล่านักเดินทางที่ยังไม่ทราบชะตากรรมเช่นเดียวกันกับผม ผมค่อยๆก้าวผ่านเข้ามาในทางเดินสุดคับแคบ ยิ่งเดินก็ยิ่งสูงขึ้นไปเรื่อยๆคล้ายกำลังเดินวนในแนวสปริงเพื่อขึ้นตรงสู่ยอดเขา น่าแปลกใจที่มีคนเดินนำอยู่เบื้องหน้าท่ามกลางฝนหิมะบางๆที่โปรยมาไม่ขาดสายส่งผลให้การสัญจรไปมาของพวกเราเริ่มยากขึ้น เมื่อถึงตอนนี้ เพื่อนร่วมทางก็เริ่มปรากฏกายออกมาทีละคน แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาเหล่านั้นก็ทยอยร่วงหล่นลงไปในความมืดมิดที่ด้านล่าง โดยที่เรายังไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์ใดๆต่อกันแม้กระทั่งการพูดคุย คนเหล่านั้นพยายามยื่นมือขึ้นมาไขว่คว้าอากาศและอ้อนวอนให้ผมช่วยเหลือ ในขณะที่ผมพยายามทรงตัวเองให้รอดอยู่บนทางเดินคับแคบราวเขาวงกตบนยอดเขาอันสูงชัน เวลานี้มันคือวินาทีแห่งความเป็นความตาย ผมจำเป็นต้องเอาตัวรอด ไม่มีเวลาที่จะสนใจใครแทบทั้งสิ้น หากช่วยแล้วต้องตกลงไปด้วยกันในหุบเหวลึก ผมขอเลือกที่จะเอาตัวรอดเพียงลำพังคนเดียวยังจะดีเสียกว่า… ยิ่งเดินวนขึ้นสู่ที่สูง อุณหภูมิรอบกายก็ยิ่งหนาวเหน็บ ปากและฟันของผมกระทบกันจนเกิดเสียง มือและเท้าเริ่มชาลงเพราะโดนหิมะกัด แรงยึดเกาะค่อยๆลดประสิทธิภาพลงไปทีละน้อย ทุกครั้งที่แตะฝ่ามือลงไปบนผนังผาหิน ผมต้องใช้เรี่ยวแรงไม่น้อยในการดึงฝ่ามือออก เพราะคราบน้ำแข็งและละอองหิมะทำหน้าที่ไม่ต่างไปจากกาว คอยยึดผิวหนังของผมเอาไว้แน่นจนกลายเป็นแผลถลอกเล็กๆ กระจายเต็มอยู่ทั่วฝ่ามือ มีจังหวะหนึ่งที่ผมพยายามดึงมือออก ประกอบกับทางเดินที่แคบลงเรื่อยๆทำให้ร่างของผมเริ่มโอนเอนไปมาอย่างน่าหวาดเสียว สุดท้ายแล้วก็พลัดตกจากช่องทางเดิน เมื่อทุกอย่างดำเนินมาจนถึงตอนนี้ แม้จะทราบชะตากรรมของตัวเองดีแค่ไหนก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจหาย ด้วยไม่รู้ว่าใต้หุบเหวอันดำมืดนั้นมีอะไรให้ผมต้องผจญภัยเพิ่มขึ้นมาได้อีกบ้าง ไม่รู้ว่าชะตาของผมยังไม่ถึงคราว หรือเป็นเพราะเหตุผลกลใดกันแน่ มือกำยำข้างหนึ่งของใครบางคนจึงยื่นลงมาช่วยผม เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะยึดตัวเองเอาไว้ด้วยฝ่ามือเพียงข้างเดียว แล้วเสียสละมืออีกข้างหนึ่งเพื่อช่วยชีวิตผม ทั้งๆ ที่ตัวเองก็กำลังนอนอยู่หมิ่นเหม่ใต้โตรกหินผาที่แหลมคมในท่าทีที่ขยับตัวได้ยากยิ่ง… “ขอบคุณมาก ขอบคุณจริงๆ” เขาไม่ตอบ แต่พยายามดึงร่างผมขึ้นไปด้านบนอย่างสุดกำลัง ใบหน้าคมเข้มภายใต้หนวดเครารุงรังนั้นดูบิดเบี้ยวเหยเก ด้วยต้องใช้เรี่ยวแรงอย่างมหาศาลในการฉุดผู้ชายที่มีรูปร่างพอๆ กันขึ้นไปสู่พื้นที่ปลอดภัยทางด้านบน น่าทึ่งที่เขาผู้นี้ทนอากาศหนาวเหน็บอยู่ได้โดยไม่ต้องสวมอะไรเลย ผมแปลกใจมากที่เห็นเขาเปลือยกายไปทั่วทั้งร่าง แต่ในเสี้ยววินาทีนี้ ความเป็นความตายของตนเอง ย่อมสำคัญกว่า เสียงชายปริศนาคำรามลั่นจนก้องไปทั่วหุบเขา เพราะต้องใช้พละกำลังแทบทุกส่วนในการดึงตัวผมกลับขึ้นไปให้ได้ ซึ่งในที่สุด เขาผู้นั้นก็ทำได้สำเร็จ ผมพยายามตะเกียกตะกายพาตัวเองขึ้นสู่ด้านบนอย่างทุลักทุเล ในขณะที่ร่างของเขากลับลอยละลิ่วสวนทางลงไปยังหุบเหวเบื้องล่างนั้น “ไม่นะ…รีบจับมือผมเอาไว้ จับไว้…” ผมพยายามอย่างยิ่งที่จะไขว่คว้ามือเขาขึ้นมาเพื่อเป็นการตอบแทน แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนตั้งตัวแทบไม่ทัน แม้จะตกอยู่ในอันตรายจนถึงชีวิตแต่เขากลับดูปลงตก รอยยิ้มสุดท้ายของเขาที่ส่งมาให้ผมเต็มไปด้วยความเข้มแข็งและยอมรับในชะตากรรมโดยดุษฎี ก่อนจะสั่งเสียผมสั้นๆด้วยถ้อยคำกังวานที่สะท้อนก้องไปจนทั่วหุบเหวนั้น… “แสงสว่างคือจุดหมาย เจ้าจงเดินทางเข้าสู่แสงสว่าง เชื่อข้า…” ผมพยักหน้าตอบรับเขาทั้งน้ำตา ก่อนจะกลั้นใจพาตัวเองวิ่งไปสู่อุโมงค์แสงสว่างที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าตามคำสั่งเสียของเพื่อนใหม่ ที่เพิ่งจากกันไปทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เริ่มต้นทำความรู้จัก ผมไม่ทราบหรอกว่าไอ้แสงบ้าๆ นี่มันมาจากที่ไหน มันอาจจะเป็น Wormhole* ที่พาดวงวิญญาณของผมทะลุไปที่ไหนได้สักแห่งในห้วงจักรวาลนี้ หรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้ ซึ่งผมเองก็พร้อมที่จะเสี่ยง เพราะเชื่อในคำพูดของชายคนนั้นเข้าอย่างสนิทใจ…

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

เกาทัณฑ์ เงาจันทร์ จูบ

read
1K
bc

ระบบสร้างผู้กล้า

read
1K
bc

ผู้เล่นเอาชีวิตรอด

read
1K
bc

King! เกิดใหม่อีกครั้งกับการแย่งชิง

read
1K
bc

บุตรเขยเด่นพิเศษ

read
23.2K
bc

เทพมารตกสวรรค์

read
1.1K
bc

ลึกซ่อนราชันย์

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook