นี่ฉันมาถึงจุดนี้ได้ยังไง…
จุดที่ต้องจ่ายค่ารถไฟฟ้าให้กับไอ้บ้าโรคจิตที่เดินตามติดชีวิตฉันไม่หยุดแบบนี้เนี่ย
“…” ฉันเหลือบตามองร่างสูงที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากฉันมากนัก ท่าทางของเขาดูตื่นตาตื่นใจพอสมควร ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหมอนี่ไม่เคยขึ้นรถไฟฟ้าจริง ๆ น่ะ จะรวยอะไรเบอร์นั้นถึงขนาดไม่เคยนั่งรถสาธารณะเลยหรือไงกัน
“เธอจะไปไหนต่ออ่ะ” นับกาลถามฉันเมื่อรู้ตัวว่าถูกมอง ฉันกลอกตาขึ้นและดึงสายตากลับมาที่ประตูกั้นระหว่างผู้โดยสารกับประตูรถไฟฟ้าซึ่งแล่นมาจอดเทียบท่าเรียบร้อยแล้ว ฉันไม่ตอบคำถามเขาและก้าวเข้ามาภายในรถไฟฟ้าโดยไม่รอเขาด้วย นับกาลรีบวิ่งตามเข้ามาทันที สีหน้าเขาดูตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะ อย่างกับเด็กเพิ่งหัดเที่ยว
เนื่องจากเวลานี้เป็นช่วงหัวค่ำทำให้ผู้โดยสารค่อนข้างแน่นขนัด ฉันแทรกตัวมายืนริมประตูอีกฝั่ง นับกาลแทรกตามมาด้วย เขาใช้ร่างกายสูงใหญ่บดบังฉันเอาไว้จากผู้โดยสารคนอื่น และแน่นอนว่าการกระทำของเขาทำให้ระยะห่างระหว่างเราสองคนอยู่ใกล้กันจนเกินพอดี
“ถอยออกไปหน่อยได้มะ อึดอัด”
“ถอยไม่ได้แล้วดิ คนเยอะ มันเบียด” เขาตอบหน้าตายขณะแผงอกแกร่งแนบชิดกับไหล่ของฉัน จังหวะที่รถไฟฟ้าเลี้ยวโค้งนับกาลก็เซเข้ามาหาฉันตามแรงโน้มถ่วง กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ จากตัวเขาทำฉันมึนหัวไปชั่วขณะ… ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ
“นะ นี่! ยืนดี ๆ หน่อยสิ” ฉันกระซิบเสียงวีนใส่เขา พยายามใช้สายตาเหวี่ยงแรงจิกกัดเผื่อเขาจะสำนึกบ้าง แต่นับกาลก็คือนับกาล ผู้ชายหน้าหนาหน้ามึนและอึนที่สุดในสามโลก!
“ก็คนมันเยอะ เขาเบียดมา ฉันทรงตัวไม่อยู่”
“นายก็จับราวไว้สิ… อ๊ะ!” ฉันพูดยังไม่ทันจบรถไฟฟ้าก็เข้าโค้งอีกรอบ คราวนี้เป็นตัวฉันเองที่เสียหลักเซไปหาร่างสูง นับกาลใช้แขนข้างที่เว้นว่างจากการจับราวมาตวัดรอบเอวฉันเอาไว้ เขาพยุงฉันด้วยมือข้างเดียวทำให้ร่างกายของเราแนบชิดกันมากกว่าเดิม
“…”
ฉันช้อนใบหน้าขึ้นสบตากับเขา ระยะห่างระหว่างใบหน้าของเราใกล้กันมาก มันใกล้จนแทบจะสัมผัสกันเลยล่ะ ไม่รู้ว่าฉันเผลอสบกับดวงตาคมเข้มพราวระยับคู่นั้นนานเท่าไหร่ จนกระทั่งได้ยินเสียงประกาศสถานีต่อไปฉันถึงรีบดันตัวเองออกจากวงแขนของเขา
[สถานีต่อไป…]
ฉันหมุนตัวเข้าหาประตูรถไฟฟ้าเพื่อเตรียมจะเดินออก ขณะหัวใจที่เคยสงบนิ่งมาโดยตลอดเกิดภาวะแปลก ๆ ขึ้นกะทันหัน
ตึกตัก… ตึกตัก…
ทำไมมันเต้นแรงจัง… บ้าจริง… แกต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ หยาดฟ้า!
.
.
.
หลังจากลงจากรถไฟฟ้าโดยมีร่างสูงเดินตามมาติด ๆ ราวกับเด็กเดินตามผู้ปกครอง ฉันก็เลิกสนใจเขาแล้วรีบเดินกลับบ้านให้เร็วที่สุด ความจริงระยะทางจากสถานีรถไฟฟ้ามาถึงมหาวิทยาลัย H มันไม่ได้ไกลกันมาก ฉันจึงเลือกที่จะเดินมากกว่านั่งรถรับจ้างน่ะ
“เพิ่งรู้เหมือนกันแฮะว่ามหาลัยเราอยู่ใกล้รถไฟฟ้าแค่นี้เอง ปกติเธอเดินทางแบบนี้ประจำอยู่แล้วเหรอ” จู่ ๆ นับกาลก็ชวนคุยทำลายความเงียบขึ้นมา ฉันเหลือบตามองเขานิด ๆ พลางแอบคิดในใจว่าเราสนิทกันถึงขั้นเดินคุยกันได้แบบนี้แล้วเหรอ “ปกติเวลาฉันไปไหนมาไหนจะใช้รถส่วนตัวตลอด พอได้ลองมาใช้รถไฟฟ้าแบบนี้ดูบ้างมันก็สนุกดีเหมือนกันแฮะ”
สนุกเหรอ? นี่เขากำลังอวดรวยใส่ฉันหรือเปล่าน่ะ เหอะ!
ฉันใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีก็เดินมาถึงเขตบ้านพักนักศึกษา ซึ่งบ้านแฟรี่อยู่ในโซน A โซนของบ้านระดับ VIP ตั้งอยู่โซนในสุดของเขต กว่าจะเดินเข้าไปถึงโซนนั้นได้ก็ต้องผ่านโซนต่าง ๆ ทุกระดับคลาส
“นายควรเดินให้ห่างจากฉันไว้นะ” ฉันพูดโดยไม่มองหน้าเขา นับกาลเร่งฝีเท้าเข้ามาใกล้พลางขมวดคิ้วใส่
“ทำไมอ่ะ ทำไมต้องเดินห่าง ๆ ด้วย”
“เพราะฉันไม่อยากตกเป็นข่าวซุบซิบกับนายไง” ฉันตอบก่อนจะเลื่อนสายตาไปทางกลุ่มนักศึกษาที่กำลังนั่งสังสรรค์กันอยู่หน้าบ้านพัก คนพวกนั้นหันมามองฉันกับนับกาลเป็นตาเดียว แถมยังหันไปซุบซิบกันอีกต่างหาก และถ้านับกาลยังเดินตามฉันในระยะประชิดแบบนี้ พรุ่งนี้เตรียมตัวเป็นข่าว Gossip ในมหาวิทยาลัยได้เลย
“แล้วไง ใครแคร์?”
“ฉันนี่ไงแคร์!” ฉันหันไปแว้ดใส่เขาเสียงเบา ให้ตายดิ นี่เขาถามมาได้ยังไงว่าใครแคร์ ถ้าฉันไม่แคร์ฉันจะพูดทำพระแสงอะไรเล่า!
“แค่เป็นข่าวกับฉัน เธอจะแคร์ทำไม ทำเป็นไม่เคยฉาวไปได้” คำพูดลอย ๆ เหมือนไม่คิดอะไรของเขา เปรียบเสมือนหมัดน็อคฉันกลางอากาศเลยล่ะ!
“ฉันจะฉาวกับใครมันก็เรื่องของฉัน แต่ต้องไม่ใช่กับนาย!”
ไม่รู้ทำไมต้องรู้สึกโกรธด้วย ทั้งที่ปกติก็ไม่เคยสนใจคำพูดพล่อย ๆ ของใครอยู่แล้ว แต่พอเป็นผู้ชายคนนี้ฉันกลับไม่ชอบ บ้าชะมัด!