คณะศิลปกรรมศาสตร์
“วันนี้เหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกันนะ เธอโอเคไหมเนี่ยฝัน”
“อืม ฉันโอเค”
เสียงพูดคุยของกลุ่มนักศึกษาหญิงดังมาจากโต๊ะหินอ่อนที่ตั้งอยู่ถัดไปสองโต๊ะ บริเวณนี้ค่อนข้างเงียบสงบเพราะอยู่ในช่วงหัวค่ำของวันซึ่งนักศึกษาส่วนมากแยกย้ายกันกลับบ้านหมดแล้ว หากทว่ายังมีใครคนหนึ่งนั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกลุ่มของพวกเธอ
และคนคนนั้นก็คือ… ฉันเอง
แว่นกันแดดสีชาถูกถอดออกพร้อมกับดวงตาคมเฉี่ยวจ้องมองไปทางนักศึกษาหญิงกลุ่มนั้น และเหมือนพวกเธอจะรู้ตัวว่าถูกมอง หนึ่งในนั้นเลื่อนสายตามาสบตากับฉันนิ่ง ๆ
เธอผู้เป็นเจ้าของใบหน้าสวยจัดตัดกับผมหน้าม้าสีดำตรงยาวสลวย แววตาเย็นชาคู่นั้นของเธอจ้องมาทางฉันนิ่งนาน
และใช่… เธอคือผู้หญิงที่ฉันกำลังตามหาตัวอยู่… นับฝัน
ริมฝีปากสีสดบิดยิ้มนิด ๆ ขณะยังคงสบตากับเธอคนนั้น สีหน้าและแววตาเย็นชาของเธอไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด สมกับคำร่ำลือที่หนุ่ม ๆ หลายคนขนานนามให้เธอว่าเป็นเจ้าหญิงน้ำแข็ง
หึ ช่างน่าสนใจดีจริง ๆ
ฉันละสายตาจากนับฝันมาที่หน้าจอโทรศัพท์แล้วกดส่งข้อความไปหาใครคนหนึ่งซึ่งเขาคืออีกคนที่ฉันตั้งใจมานั่งรอในวันนี้
.
.
หยาดฟ้า : ฉันนั่งรอนายอยู่หน้าคณะศิลปกรรมฯ นะเพลิง เดินมาหาหน่อยสิ
.
.
ข้อความถูกส่งไปเพียงครู่เดียวก็ถูกเปิดอ่าน เพลิงศูรย์ส่งข้อความกลับมาทันที
.
.
เพลิงศูรย์ : ไปทำอะไรที่นั่น ทำไมไม่มาหน้าคณะนิเทศฯ
.
.
ฉันยกยิ้มนิด ๆ สองตาเลื่อนขึ้นมองผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง เธอไม่ได้จ้องฉันแล้ว แม้จะยังแอบลอบมองกันอยู่เป็นระยะ ๆ ก็ตาม
.
.
หยาดฟ้า : ก็เดินมาไกลแล้วมันเหนื่อยอ่ะ ขอนั่งรอที่นี่แล้วกันนะ คณะมันอยู่ข้าง ๆ กันนี่ นายเดินมาหาฉันเลยนะเพลิง… ฉันรออยู่
.
.
อย่างที่ทุกคนได้อ่านนั่นแหละ เพลิงศูรย์ไม่ได้เรียนอยู่ที่คณะนี้ เขาเรียนอยู่คณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์ แต่เพราะสาเหตุบางอย่างฉันถึงจงใจมานั่งรอเขาหน้าคณะศิลปกรรมฯแทน จึงไม่แปลกถ้าเขาจะแปลกใจ
.
.
.
สิบนาทีต่อมา
หลังจากส่งข้อความคุยกันไม่นาน ร่างสูงคุ้นตาปรากฏตัวขึ้นจากทางเดินของหน้าคณะนิเทศฯ เขามองมาทางฉันด้วยสีหน้านิ่ง ๆ ตามปกตินิสัย หากทว่าจังหวะที่เพลิงศูรย์กำลังเดินเข้ามาหาฉัน จู่ ๆ เขาก็ชะงักไปพร้อมกับสายตาคมที่ละจากฉันไปทางใครอีกคนซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลกัน และเธอคนนั้นก็กำลังมองไปทางเขาเช่นกัน
“…”
ไม่ธรรมดาจริง ๆ สินะ สายตาที่สองคนนั้นใช้มองกันมันไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ มันมีความรู้สึกบางอย่างเชื่อมอยู่ในแววตาของพวกเขา ฉันสัมผัสถึงมันได้ ความผูกพันนั่น…
เพลิงศูรย์กับนับฝันงั้นเหรอ น่าสนุกดีนี่…
ฉันมองสองคนนั้นสลับกันก่อนจะหยิบแว่นมาสวมแล้วลุกขึ้นยืน เพลิงศูรย์ละสายตาจากนับฝันกลับมาหาฉัน เขาเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าเย็นชาจนน่ากลัว ดวงตาคมดำมืดจ้องมาที่ฉัน หากเป็นคนอื่นคงจะหวาดกลัวจนถอยหลังหนีไปแล้ว แต่ไม่ใช่สำหรับฉัน
“มาแล้วเหรอเพลิง ฉันนั่งพักจนหายเหนื่อยแล้วล่ะ” ฉันตรงเข้าไปควงแขนเพลิงศูรย์อย่างสนิทสนมซึ่งเขาไม่ได้ปัดป้องอะไร ทำเพียงแค่ยืนนิ่ง ๆ ปล่อยให้ฉันกอดแขนต่อไป ฉันปรายตามองนับฝันเล็กน้อย แววตาเย็นชาของเธอสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากยกยิ้มพึงพอใจก่อนจะพูดต่อ “เราไปกันเถอะ ฉันหิวจะแย่แล้วเนี่ย”
“…” เพลิงศูรย์มองฉันด้วยสายตาเย็นชาอย่างที่สุดแต่ก็ยอมทำตามโดยไม่พูดอะไร มันรู้สึกเจ็บนิด ๆ เหมือนกันนะ เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาเขาไม่เคยมองฉันขนาดนี้เลย
แต่ไม่เป็นไร ฉันไม่แคร์อยู่แล้ว เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ ฉันยอมทำได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม!
ฉันไม่ยอมไร้ตัวตนสำหรับใครเด็ดขาด โดยเฉพาะเพลิงศูรย์ คนที่สำคัญสำหรับฉัน ฉันไม่ยอมเสียเขาให้ใครแน่ ๆ ไม่มีวัน!
.
.
.
[บทบรรยาย นับกาล]
“ไง ยัยตัวแสบ เฮียแวะมารับไปหาม้าด้วยกัน”
ผมทักทายน้องสาวด้วยน้ำเสียงรื่นเริงตามอารมณ์เริงรื่น เพราะคืนนี้ที่บ้านผมมีปาร์ตี้อีกแล้ว ป๊ากับม้ากำลังเตรียมงานกันอยู่ที่บ้าน ผมเลยแวะมารับนับฝันที่คณะเพื่อกลับบ้านด้วยกัน
“เอ่อ… สวัสดีค่ะเฮียกาล งั้นพวกเราขอตัวก่อนนะฝัน” เพื่อน ๆ นับฝันยกมือไหว้ผมก่อนจะหันไปร่ำลากันแล้วเดินจากไป ผมมองตามสาว ๆ วัยตะมุตะมิด้วยหัวใจชุ่มฉ่ำพลางโบกมือลาหย็อย ๆ ไปด้วย
“แหม… เพื่อนแกนี่ตะมุตะมิทุกคนเลยนะยัยฝัน” ผมแซวยิ้ม ๆ ก่อนจะลากสายตากลับมาหาน้องสาวที่ยังคงนั่งอยู่ท่าเดิมไม่ขยับเขยื้อนสักนิด ยัยนี่เข้าฌานอีกแล้วเหรอวะ? ผมยื่นมือไปส่ายขึ้นลงตรงหน้านับฝันเบา ๆ “เป็นไรอ่ะ คนหล่อมารับสนใจกันหน่อยครับน้องสาว”
“…” ดวงตาคมเฉี่ยวแสนเย็นช๊าเย็นชาเลื่อนมามองผมนิด ๆ วูบหนึ่งผมเห็นความเจ็บปวดเจืออยู่ในแววตาฉ่ำวาวคู่นั้น คล้ายกับเธอกำลังจะร้องไห้ นับฝันรีบละสายตาหนีแล้วลุกขึ้นยืน “เฮียไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันไปเอง”
“อ้าวเฮ้ย ทำไมอ่ะ ก็ไปพร้อมกันเลยดิ” ผมดึงแขนนับฝันอย่างไม่เข้าใจสถานการณ์ เธอหันมาจ้องหน้าผมนิ่ง ๆ ก่อนจะเบี่ยงสายตาไปอีกทาง ผมเลยมองตามสายตานั้นไป
อะไรวะ… นั่นมัน…