“ขอร้อง…” นับฝันพูดแค่นั้นพร้อมกับดึงแขนออกแล้วเดินจากไปอีกทาง ผมมองตามร่างบางของน้องสาวเพียงคนเดียวด้วยหัวใจขุ่นมัวก่อนหันกลับไปมองต้นเหตุของความเจ็บปวดในแววตานับฝันอีกครั้ง
ทำไม… ทำไมสองคนนั้นถึงมาอยู่ที่นี่?! ทำไมต้องมาอยู่ต่อหน้านับฝันด้วยวะ?!
.
.
.
[เฮ้ย! เอาจริงดิเฮีย? แต่นั่นมันผิดกฎนะเฮีย]
“ผิดกฎแล้วไง หน้าตากูเหมือนคนชอบทำตามกฎเหรอ?” ผมอัดควันสีขาวเข้าปอดแรง ๆ ก่อนจะพูดต่อ “จะทำไม่ทำ พูด?”
[เฮ้อ… เข้าใจแล้ว ๆ เดี๋ยวเปิดประตูให้ แต่แค่แป๊บเดียวนะเฮีย ถ้าถูกจับได้ผมโดนเฮียเพลิงเชือดคอแน่ ๆ] ไอ้ไนซ์ทำเสียงลำบากใจใส่ พอได้ยืนชื่อไอ้เวรนั่น อารมณ์ผมแม่งก็ขึ้นทันที
“มึงกลัวไอ้เชี่ยนั่นมากกว่ากูงั้นสิ?”
ผมอัดควันเข้าปอดอีกรอบก่อนจะโยนมันทิ้งลงบนพื้นแล้วใช้ปลายเท้าบดขยี้แรง ๆ ความจริงผมไม่ค่อยชอบสูบบุหรี่นะ ปกติไม่สูบเลยล่ะ ไม่อยากทำร้ายปอดตัวเอง เพราะการสูบไอ้สารนิโคตินพวกนี้เข้าไปมาก ๆ มันจะทำให้โทรมทั้งกายโทรมทั้งใจ แล้วผมมันเป็นพวกสุขนิยมแถมยังกลัวไม่หล่อ ส่วนมากจึงมักจะคว้ามาสูบเฉพาะเวลาเครียด ๆ โดยเฉพาะตอนนี้ที่โคตรเครียดเลย
หลังจากวางสายไอ้ไนซ์ผมก็เดินออกจากบ้านแมดมาตามทางเดินของบ้านพักในโซน A บ้านแมดตั้งอยู่ในสุดของซอยนี้เพราะเป็นบ้านที่โคตรพ่อโคตรแม่วีไอพีที่สุด ส่วนบ้านวีไอพีอื่น ๆ ก็ตั้งอยู่ในซอยเดียวกันนี่แหละ แต่ห่างกันพอสมควรเพราะต้องการให้บ้านแต่ละหลังมีความเป็นส่วนตัว และบ้านที่ผมกำลังจะเดินไปหานี้เป็นบ้านที่ตั้งอยู่หลังแรกของซอย
‘FAIRY HOUSE’
แกร๊ก…
เมื่อผมเดินมาถึงหน้าประตูบ้านซึ่งมีป้ายชื่อขนาดกลางแขวนอยู่เหนือบานประตู เสียงปลดล็อกจากด้านในก็ดังขึ้นอย่างรู้จังหวะพร้อมกับใบหน้าขาว ๆ ของไอ้ไนซ์ที่โผล่ออกมาจากความมืดหลังประตู
“เข้ามาเร็ว ๆ ดิเฮีย จะยืนหล่ออีกนานมั้ย เดี๋ยวคนอื่นก็เห็นหรอก”
ผมเดินเข้ามาภายในบ้านแฟรี่ บ้านพักนักศึกษาระดับวีไอพีเหมือนกับบ้านแมดของผม แต่ต่างกันตรงที่บ้านผมดูมีคลาสกว่า หรูกว่า และประธานบ้านหล่อกว่ามาก
“ชั้นสี่ห้องริมสุดซ้ายมือ”
“เออ ดีมาก ฝากดูต้นทางให้ด้วย” ผมกำลังจะเดินไปที่ลิฟต์แต่ถูกไอ้ไนซ์คว้าแขนเอาไว้แล้วชี้ไปทางบันได
“บ้านผมดึก ๆ มีแต่คนใช้ลิฟต์นะเฮีย ถ้าไม่อยากแจ็คพอตเจอคนยืนรอหน้าลิฟต์ละก็… นู้นเลยครับ เชิญใช้บริการบันไดจะดีกว่า”
“ชั้นสี่เนี่ยนะไอ้เวร?” ผมขมวดคิ้วทวนคำ แค่คิดก็เหนื่อยแล้วว่ะ
“แล้วแต่นะ” ไอ้ไนซ์ทำหน้าอึน ๆ ก่อนจะปล่อยแขนผม ผมมองหน้ามันสลับกับบันไดอย่างโคตรชั่งใจ เอาจริง ๆ คือตอนอยู่บ้านแมดผมก็ขึ้นลงบันไดบ่อย ๆ นะ แต่นี่มันบ้านคนอื่นไง แถมยังแอบย่องเข้ามาอีก ก็แบบไม่อยากเดินโชว์ตัวโต้ง ๆ นี่หว่า
“เออ ๆ บันไดก็บันไดวะ” ผมขยี้ผมสีเทาควันบุหรี่ของตัวเองลวก ๆ ก่อนจะก้าวเท้าไปทางบันได แต่เสียงไอ้ไนซ์ก็ยังดังตามหลังมาอีก
“ว่าแต่… แน่ใจแล้วนะเฮีย”
“มึงถามกูรอบที่ร้อยแล้วนะไอ้ลำไย ถ้าไม่แน่ใจกูจะยอมโดดงานปาร์ตี้ที่บ้านมาไหม ถามใจมึงดูซิ?” ผมเหวี่ยงค้อนกลับไปหามันวงใหญ่ ไอ้นี่มันเงาะ ลองกอง ลำไยจริง ๆ ถามวนไปวนมาอยู่นั่น
“ก็แหม แอบขึ้นห้องสาวดึก ๆ แบบนี้มันแลจะโรคจิตนี่หว่า ไม่น่าใช่สไตล์เฮียนับกาลเล้ย”
“สไตล์กูมันเปลี่ยนไปตามสถานการณ์เว้ย! โดยเฉพาะสถานการณ์ไม่น่าไว้ใจจากยัยดาวจอมฉาวจอมฉกนั่น กูไม่มีวันปล่อยผ่านไปง่าย ๆ เด็ดขาด!”
เธอเปิดศึกผิดคนแล้วหยาดฟ้า… คิดจะงาบว่าที่น้องเขยของฉันเหรอ… งานนี้ได้เห็นดีกันแน่!
ถึงผมจะเกลียดขี้หน้าไอ้เวรนั่นมาก แต่ถ้าน้องสาวผมปักใจรักมันขนาดนั้น ไม่ว่าใครก็ห้ามแย่งมันไปจากยัยนั่นเด็ดขาด!
น้องข้าใครอย่าแตะ ย้ากกกกกกก!
.
.
.
[บทบรรยาย หยาดฟ้า]
ซ่า…
น้ำเย็น ๆ จากฝักบัวสร้างความผ่อนคลายให้กับร่างกายและหัวสมองของฉันมาก ความเหนื่อยล้าจากสิ่งต่าง ๆ ที่ต้องพบเจอมาตลอดทั้งวันถูกชำระล้างไปจนหมดสิ้น
ผ้าขนหนูผืนสีขาวถูกหยิบมาพันรอบตัวก่อนจะก้าวเท้าออกจากห้องอาบน้ำ กระจกเงาบานใหญ่สะท้อนภาพของผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่งอยู่ในสภาพผมเปียกโชก หยดน้ำเกาะพราวไปทั่วทั้งตัว ฉันหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาเช็ดเส้นผมลวก ๆ แล้วพัน ๆ ม้วน ๆ มันขึ้นไปกองบนศีรษะ
แกร๊ก…
ประตูห้องน้ำเปิดออกพร้อมความเย็นฉ่ำของเครื่องปรับอากาศวูบเข้ามากระทบใบหน้าและลำตัว ความหนาวสั่นทำให้ฉันห่อตัวนิด ๆ ริมฝีปากเม้มแน่นขณะเดินไปทางตู้เสื้อผ้า ภายในห้องมืดสลัวมีเพียงแสงสว่างจากโคมไฟที่ฉันเปิดทิ้งเอาไว้ส่องแสงริบหรี่
ฉันคลายผ้าขนหนูบนหัวออกแล้วยืนเช็ดผมเปียกของตัวเองอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ สายตาจ้องมองตัวเองผ่านเงาสะท้อนไปด้วย และในจังหวะที่ฉันกำลังจะปลดปมผ้าเช็ดตัวตรงหน้าอกออกเพื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า จู่ ๆ ก็รู้สึกแปลก ๆ คล้ายกับกำลังถูกจ้องมอง
อะไรกัน… ทำไมถึงรู้สึกแบบนี้นะ