“กรี๊ด! อีหยาด! อีบ้า! แกด่าฉันเป็นหมาเหรอ!!” นิ้วเรียวสั่น ๆ ชี้มาอย่างเกรี้ยวกราด หนังหน้าที่ตึงเพราะโบท็อกของหล่อนยิ่งตึงมากกว่าเดิมจนกลัวว่ามันจะระเบิดใส่ เห็นแล้วสยองชะมัด!
“ตบมันเลยพราว! อีนี่ต้องโดนจัดหนัก ๆ จะได้หายปากดีบ้าง!” ชะนีตัวข้าง ๆ ยุแยงข้างหู สีหน้ามาดร้ายชัดเจน สมแล้วที่คบกันได้
อ้อ ฉันลืมแนะนำตัวสินะ ชื่อของฉันคือ ‘หยาดฟ้า’ เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา ๆ ที่เกลียดความวุ่นวาย และเกลียดผู้ชายที่สุด ฉันมีเหตุผลในการเกลียดนะ แต่ยังไม่บอกตอนนี้ เอาไว้อ่านไปเรื่อย ๆ ก็จะรู้เองแหละ
กลับมาที่เรื่องปัจจุบันก่อน ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ผมสั้นตรงหน้าฉันคือ ‘พราวดาว’ ศัตรูหมายเลขหนึ่งของฉันเอง จริง ๆ ฉันไม่ได้เป็นคนตั้งนะ แต่เพราะโดนยัยนี่ตามราวีไม่เลิก ฉันเลยมอบตำแหน่งอันแสนมีเกียรตินั้นให้หล่อน
“ที่นี่ที่สาธารณะ จะทำอะไรก็คิดให้ดี ๆ นะ สื่อโซเชี่ยลสมัยนี้มันไปไวมาก เธอคงไม่อยากเป็นเน็ตไอดอลชั่วข้ามคืนหรอกใช่ไหม?” ฉันจ้องตาข่มขวัญพราวดาว ยัยนี่ตัวเล็กกว่าฉันนิดเดียว ถ้าจะตบกันจริง ๆ ก็ถือว่าไม่เสียเปรียบกัน ฉันเห็นดวงตาอาฆาตพยาบาทของเธอหลุกหลิกมองรอบ ๆ ตัวเล็กน้อย รอยยิ้มผู้ชนะผุดขึ้นมุมปากฉันทันที “ดังชั่วข้ามคืนก็ดีนะ ข่าวคงไปถึงหูท่านประธานเรสกรุ๊ปเร็วดี”
“อย่าไปฟังมันนะพราว! มันเอาพ่อเธอมาขู่ให้กลัวไปงั้นแหละ ตบมันเลยสิ!” ยัยชะนีตัวอื่น ๆ ส่งเสียงยุแยงพราวดาวไม่เลิก ยัยนั่นมองหน้าเพื่อน ๆ อย่างกลัวเสียหน้าก่อนจะตวัดสายตามาดร้ายกลับมาทางฉัน ดูเหมือนยันนี่จะยุขึ้นซะด้วย เหอะ!
“กล้าเอาพ่อฉันมาขู่เหรอ แกก็น่าจะรู้ดีนี่ว่าพ่อรักฉันโอ๋ฉันมากแค่ไหน” ริมฝีปากสีสดเหยียดยิ้มใส่ฉัน
เอาล่ะ… ตอนนี้อารมณ์ฉันมันเพิ่มเลเวลขึ้นเรื่อย ๆ แล้วล่ะ
“ก็อย่างว่าล่ะนะ ‘ลูกนางบำเรอ’ อย่างแกมันจะไปรู้อะไร” สายตาดูแคลนและรอยยิ้มสมเพชนั่นกำลังทำให้ความอดทนของฉันขาดสะบั้น และฉันจะไม่ยอมยืนโง่ ๆ ให้ยัยนี่ก้าวร้าวแม่บังเกิดเกล้าฉันแน่ ๆ
งานนี้ต้องมีตบ!
เพี๊ยะ!
และฉันถือคติที่ว่า… เปิดก่อนได้เปรียบ!
“กรี๊ดดดด! อีหยาด! แกตบฉันเหรอ!!” พราวดาวยกมือขึ้นกุมข้างแก้มแล้วหันกลับมาจ้องกันตาถลน พวกเพื่อน ๆ นางทำหน้าเหวอไปตาม ๆ กัน คงคาดไม่ถึงว่าฉันจะเป็นฝ่ายตบก่อนสินะ
“ถ้าลามปามแม่ฉันอีก มันจะไม่จบแค่ตบแน่!” ฉันชี้หน้าเอาเรื่อง
“แก! วันนี้ฉันไม่ปล่อยแกแน่! ตบมัน!!”
ทันทีที่เสียงแหลมเล็กตะโกนสั่ง พวกบ่าง ค่าง ชะนีทั้งหลายก็พากันกรูเข้ามาหวังจะทำร้ายฉัน แต่อย่าคิดว่าฉันจะยืนง่อยรอเชียวนะ บอกแล้วไงว่าคนอย่างหยาดฟ้าสู้ยิบตาอยู่แล้ว!
พลั่ก!
เพี๊ยะ!
“กรี๊ดดด!
เสียงการต่อสู้ยื้อยุดดังแข่งกับเสียงกรีดร้องก้องไปทั่ว ตอนนี้มันชุลมุนไปหมด ฉันถูกเล็บคม ๆ ของคนหลายคนรุมจิกไปทั่ว พวกนั้นพยายามเข้ามาล็อกฉัน แต่ฉันดิ้นหนีได้ตลอดและพลิกเกมมาจัดการจนร่วงไปหลายคน
ความโกลาหลภายในผับเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น เหล่านักท่องราตรีแตกฮือเป็นวงกว้าง ทุกคนถอยห่างและไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งหรือคิดจะช่วยฉันสักคน แม้ว่าฉันจะถูกพวกอีแร้งรุมทึ้งอยู่ก็ตาม
“ตำรวจมา!! ตำรวจมาโว้ย!! หนีเร็ว!!” เสียงตะโกนดังมาจากไหนไม่รู้ แต่มันได้ผลชะงัด พวกอีแร้งที่กำลังรุมทึ้งฉันรีบปล่อยมือออกก่อนจะวิ่งหนีไปคนละทิศละทาง ทิ้งให้ฉันยืนจวนเจียนจะล้มอยู่ตรงนั้น
หมับ!
“ตามมานี่!”
อยู่ ๆ ข้อมือฉันถูกใครไม่รู้คว้าไปจับ เขาลากฉันให้เดินตามขึ้นบันไดของผับผ่านชั้นลอยมายันชั้นสามซึ่งเป็นส่วนที่ห้ามคนนอกขึ้น และเพราะผมเผ้าฉันมันยุ่งเหยิงแถมยังแสบเนื้อแสบตัวไปหมด ฉันเลยมองเห็นแต่ด้านหลังของเขาคนนั้นแบบราง ๆ พอจะรู้แค่ว่าเขาเป็นผู้ชายที่ตัวไม่สูงมาก ผิวขาว เจาะหูเท่ ๆ และผมสีเทาควันบุหรี่แสนคุ้นตา
“เธอนี่มัน… ยัยตัวร้ายชัด ๆ เลยว่ะ!”
คำพูดที่ไม่รู้ว่าด่าหรือชมดังมาจากปากของเขาคนนั้น เขาพาฉันมาหยุดยืนภายในห้องห้องหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายห้องทำงานแต่ก็กึ่ง ๆ ห้องนอนเช่นกัน เพราะมันมีเตียงใหญ่ ๆ ตั้งอยู่มุมสุดของห้อง แสงสว่างจากไฟดวงเล็ก ๆ บนโต๊ะทำงานส่องกระทบมาทางเราสองคน ร่างสูงเดินไปกดเปิดสวิตช์ไฟจนห้องทั้งห้องสว่างวาบขึ้น ฉันจึงมองเห็นเขาคนนั้นได้อย่างชัดเจน
“นี่นาย…” ฉันชี้หน้าเขาด้วยความนิ่งอึ้ง คาดไม่ถึงว่าผู้ชายตรงหน้าจะกลายเป็นคนที่ฉันเพิ่งจะสาปส่งไปหมาด ๆ
“อ้าว ๆ อึ้งเลยดิ เห็นหน้าคนหล่อแค่นี้ถึงกับอึ้งเลย” ผู้ชายที่มั่นหน้าได้โล่ขนาดนี้ฉันเคยพบเจออยู่ไม่กี่คนหรอก และเขาคือหนึ่งในนั้น…
ใช่แล้ว… หมอนี่คือนับกาล ประธานบ้านแมดคนนั้นไง!
“ทำไม… ทำไมถึงเป็นนายอ่ะ! นายมาอยู่นี่ได้ไง แล้ว…”
“นอนคุยกันไหม ถ้าจะถามเยอะขนาดนั้น”