TOBB ♡ CHOMPOO
5 : ลองเลยไหม?
บทสนทนาเวลาพักเรียน มีแต่เรื่องประกวดหาดาวโรงเรียน ตี๋ การ์ตูน ลิญาต่างก็มานั่งเล่นที่ห้องเรียนที่ห้องฉันกับเค้ก ใบสมัครไม่ได้ถูกแจกจ่าย แต่เป็นผลโหวตของทุกคนที่ต้องเขียนชื่อส่งให้หัวหน้าห้องของแต่ละห้อง
แน่นอนว่าฉันเลือกเค้กกับตี๋
“ชมน่าจะเสนอชื่อนะ”
การ์ตูนที่นั่งข้างหน้าฉันพูดขึ้น แต่ลิญากลับหันมามองแค่ครู่เดียวก็เมินหน้าหนีไป
“ไม่เอาหรอกตูน คนเก่ง ๆ ในห้องเราก็มีเยอะนะ แต่คนน่าจะโหวดให้เค้กเยอะที่สุดแหละ”
เค้กค่อนข้างมีหน้าตาที่สวย ผลการเรียนก็อยู่ในระดับดีมาก คนในห้องต้องเลือกตัวแทนที่จะไม่ทำให้ขายหน้าใช่ไหมล่ะ
“แล้วเค้กจะแสดงอะไร”
ตี๋เดินมาจากไหนไม่รู้ นั่งแหมะลงที่นั่งของลิญาสามคนนั้นเลยเบียดกัน สายตาของการ์ตูนก็สื่อบอกว่ารำคาญ
“ไม่รู้สิ ปอกมะม่วงโชว์มั้ง”
คำตอบของเค้ก ทำให้ใครบางคนถึงกับขำพรืดออกมาอย่างดัง พอหันไปดู ก็พบว่าเป็นอีกหนึ่งสาวที่เด่นไม่แพ้เค้ก แล้วเธอกับเค้ก ก็แข่งกันทุกอย่างเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เธอชื่อลันตา
“จะโชว์อะไร ใช้สมองคิดหน่อยสิ”
น้ำเสียงของลันตาดูหมิ่นมาก ๆ เจตนาของเค้กคือเราพูดเล่นกันในกลุ่มเพื่อนเฉย ๆ นะ เธอน่าจะเข้าใจอะไรผิดไป
“ที่พูดมาคือมีสมองแล้วเหรอ”
การ์ตูนเป็นฝ่ายโต้คารมกลับคืน ลำพังเค้กเอง สู้ไม่ได้แน่ เพราะปกติเค้กจะไม่ชอบความยุ่งวุ่นวาย แต่ถ้าเป็นการ์ตูน เธอสู้ตายไม่ว่าจะปะทะฝีปาก หรือ ฝีมือ การ์ตูนไม่ได้เป็นดั่งการ์ตูนในนิยาย ทีวีเหมือนชื่อของเธอหรอก
“ไม่ใช่เรื่องของหล่อน”
ลันตาตวัดสายตามองการ์ตูนอย่างเหยียดหยาม
“มันก็ไม่ใช่กงการอะไรของหล่อนเหมือนกัน”
การ์ตูนลุกขึ้นตบโต๊ะอย่างดัง เธอกำลังจะเดินตรงไปทางที่ลันตานั่ง แต่แม่นั่นก็รีบเดินออกจากห้องไปแล้ว
“สาระแนไม่เข้าเรื่อง”
การ์ตูนเดินตามออกไป โดยมีตี๋ผุดลุกวิ่งตามไปอย่างเร็ว
บางทีการ์ตูนก็นิ่งเกิน บางทีก็ร่าเริง คนแบบนี้จะเป็นคนที่คิดมากตลอดเวลา เป็นคนที่ไม่ชอบแสดงความรู้สึกแท้จริงเท่าไหร่ เรียนด้วยกันเข้าปีที่สาม ยังไม่รู้เลย ว่าตัวตนจริง ๆ ของการ์ตูนเป็นยังไง
“แล้วชมคิดว่าเค้กจะแสดงอะไรดี”
“ชมว่าเค้กถนัดอะไรก็ทำเลย ชมแนะนำเค้กไม่ได้หรอก”
“ชมน่ารักจัง”
“อะไรนะ... ”
“เปล่าจ้ะ วันนี้เราไปซื้อหนังสือกันไหม ไปสองคนพอ”
เห็นไหมว่าชวนเสียตังค์ แต่ไม่เคยให้ออกตังค์ มันลำบากคนไปด้วยแค่ไหน
“ชมว่า..... ”
“หยุด! ห้ามปฏิเสธ”
เค้กชี้หน้า แล้วค่อย ๆ เคลื่อนปลายนิ้วมาเขี่ยแก้มของฉันอย่างแผ่วเบา ฉันมองตามสักพักก็ถอยใบหน้าออกห่าง สายตาของเค้กมันหวานเกินไป มันทำให้ฉันรู้สึกไม่ดีถ้าจ้องนาน ๆ
“ชมจะเข้ามหาลัยที่ไหนเหรอ คิดไว้ว่าจะสอบคณะไหน”
เค้กถามอย่างตื่นเต้น เพราะพวกเราก็อยู่ปีสุดท้ายของระดับมัธยมแล้ว ควรคิดได้แล้วว่าตัวเองจะเลือกสอบคณะอะไร
แต่ฉันยังไม่ได้คิดเรื่องพวกนี้เลย
“ชมว่าจะเรียนวารสาร เค้กล่ะ”
ฉันโกหกคำโต โอ้อวดไปก่อน ฉันไม่อยากคิด เพราะกลัวว่าจะผิดหวัง การเงินที่บ้านไม่ได้มีพร้อมซับพอร์ตทั้งสองคน
อย่างที่บอก แค่พี่พู่คนเดียว บางเดือนแม่ก็ต้องไปหาหยิบยืมคนอื่น
“เค้กจะเข้านิเทศ เค้กชอบการแสดงที่สุด”
ดวงตาเปล่งประกายเมื่อยามพูดถึง เค้กดูสดใส เหมาะกับกล้อง หน้าก็สวย หุ่นก็ดี ทั้งยังเรียนเก่งมีความรู้ความสามารถ ไม่ยากเลยสำหรับเค้กที่จะสอบเข้าที่ไหนสักที่
ฉันแค่คิดไว้ ว่าในอนาคตจะกู้ทุนมาร่ำเรียนก่อน แต่พอศึกษามาคร่าว ๆ รู้เลยว่าเราเองไม่เหมาะกับทุนนั้นเลย
“ชม เข้าร้านนี้ก่อนสิ”
เค้กดึงแขนฉันเข้าร้านรองเท้าในห้างแห่งหนึ่ง หลังเลิกเรียน เค้กก็ชักชวนให้เดินมาขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อเข้าเมืองมาห้างแห่งนี้
“ชมชอบคู่ไหน”
เค้กถามขึ้น หลังจากพนักงานขายหยิบส้นสูงขนาดสี่นิ้วหลากหลายสี หลายสไตล์มาบริการลูกค้าอย่างเค้ก
ทำไมทุกคู่ ดูสวยไปหมด
“ชมชอบสีชมพู”
ฉันชี้ไปทางซ้าย เค้กยิ้มรับแล้วพูดบางอย่างที่ทำเอาฉันอึ้งรอบสองในวันนี้
“เค้กก็ชอบชมพู”
เธอหมายถึงรองเท้าใช่ไหม ฉันไม่อยากคิดมากกับคำพูดของเธอเลยนะ เลยได้แต่ยิ้มให้พี่พนักงานคนนั้นแหย ๆ
“เอา38สองคู่ค่ะ”
เค้กบอกพนักงาน
“ไม่นะ.... ”
คำพูดฉันขาดหาย เมื่อมือบางมาปิดปากกั้นเสียงของฉันไม่ให้เล็ดลอด
“วันเสาร์ชมต้องใส่มางานวันเกิดแม่เค้กนะ เดี๋ยวเค้กพาไปดูชุด”
ฉันไม่ค่อยได้พูดหรือแสดงความคิดเห็นอะไรนัก เพราะพูดไป เค้กก็ทำหูทวนลมอยู่ดี
ส่วนวันเกิดคุณแม่ เนื่องจากเราสนิทกัน เค้กเลยพาฉันไปที่บ้านของเธอบ่อยครั้ง และ แม่ของเธอยังเคยมานั่งทานข้าวที่ร้านแม่ฉันอีก แต่คนที่ไม่ได้มีฐานะแบบเดียวกัน จุดกึ่งกลางมันต้องมี แม่เค้กเอ็นดูฉันก็จริง แต่ก็แค่ผิวเผินเท่านั้น เค้กต่างหากที่มักจะให้ฉันมีส่วนร่วมกับเธอทุกอย่าง
ซึ่งบางที มันก็อึดอัดนะ
“แค่นี้ก็เรียบร้อย”
เค้กพูดพลางเช็คของในมือฉัน ทั้งยังกำชับอีก ว่าให้ใส่ไปที่บ้านของเธอวันงาน เดี๋ยวเธอให้คนรถมารับ
“แน่ใจนะ ว่าไม่ให้เค้กไปส่ง”
เธอจับมือของฉัน ในขณะที่รถไฟฟ้าได้ร้องเตือนว่าตอนนี้เรากำลังจะถึงตรงไหนของสาย
“ชมต้องซื้อของก่อนเข้าบ้านนะ”
“ไว้เจอกันพรุ่งนี้ที่โรงเรียน”
ร่ำลากันเสร็จ ฉันก็เดินลงบันไดมาเพื่อจะมุ่งหน้าไปตลาด
แต่เจ้ากรรมนายเวรที่มาในรูปแบบพี่โหดก็มายืนดัก
เขาเป็นอะไรกับฉันนักเนี่ย ว่างมากเรอะ?
“ไปไหนมา”
พี่ต๊อบถามเสียงเรียบ
“ไปเดินเล่นกับเพื่อน”
“ให้ตังค์กินขนม ไม่ได้ให้ซื้อของพวกนี้”
พี่ต๊อบยื่นมือมาคลี่ปากถุงดูของข้างใน
“ชมไม่ได้จ่ายเองซะหน่อย”
ฉันถอนมือกลับ เดินเลี่ยงเขาแต่เขาก็มาเดินเคียงข้างอยู่ดี
“ซื่อบื้อจริงปะเนี่ย”
พี่ต๊อบจะเอายังไงกับฉันแน่นะ ไม่ดุก็ว่า ฉันจะเป็นยังไงทำไมเขาถึงเดือดร้อนจัง
“อะไรของพี่”
“พึ่งบอกชอบไปเจ็ดชั่วโมงที่แล้ว”
เขาจับข้อมือฉันไว้
“แล้วยังไง ชมต้องดีใจหรืออะไร?”
“ถามจริง???”
“ทำไมอะ ก็ชมไม่ได้ชอบพี่”
ตรงไปซะเลย ในเมื่อเขาเป็นคนตรง บอกตรง ๆ นี่ล่ะ เผื่อว่าจะได้เลิกตามอย่างคนโรคจิตสักที
“อือ... ”
เขาครางรับ
เขาเข้าใจใช่ไหม ว่าฉันไม่ได้คิดอะไรกับเขา
“แล้วทำไมยังตาม มือเนี่ยก็ด้วย เมื่อไหร่จะปล่อย”
ฉันหยุดตรงริมถนน คนที่เดินสวนกันไปมา คงมองว่าเรากำลังทะเลาะกันเหมือนพ่อลูกคู่หนึ่ง เพราะฉันใส่ชุดนักเรียน พี่ต๊อบเองก็แต่งตัวด้วยกางเกงขายาว เสื้อเชิ้ต
เขาแก่แล้ว เป็นพ่อน่ะ ถูกที่สุด!
“ทำไมจะตามไม่ได้ แล้วทำไมต้องปล่อยมือ”
เขายียวนฉันใช่ไหม มึนอะไรขนาดนี้ฮะ
“ก็ชมบอกว่าไม่ได้ชอบพี่ไง”
ฉันมองเขาเขม็ง เขาเองก็ก้มมามองจนหน้าเราแทบจะชนกัน
“มีปัญญาทำให้ชอบได้ จะลองเลยไหมล่ะ?”
เขายักคิ้ว
ใครจะอยากลอง บอกฉันที ทำไงดีกับความมึนของพี่ต๊อบ!