บทที่ 1 ค่าตอบแทนพิเศษ 1
"ห้าพัน"
"......"
"หนึ่งหมื่น"
"....."
"หมื่นห้า"
หญิงสาวผมยาวในชุดทำงานเสื้อนอกสีดำขลิบขอบขาวกับกระโปรงสั้นที่เข้ารูปในสีเดียวกันสงเสียงมาอย่างอ่อนใจ ตาชั้นเดียวของเธอมองชายที่นั่งเอนกายอ่านหนังสืออยู่อีกด้านของโต๊ะอย่างวิงวอน
เธอยังเห็นหน้าเขาได้ไม่ชัดเนื่องจากมีหนังสือเล่มใหญ่ปิดบังใบหน้าไว้ แต่ที่เห็นแล้วก็คงเป็นคิ้วที่เรียวสวยสมส่วนกับผมแสกกลางที่ยาวประบ่าเธอเดาคร่าวๆว่าเขาต้องหล่อถึงไม่มากก็น้อยแต่หล่อแน่ๆ เพียงแต่เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นที่เธอมาร้านหนังสือนี้ในค่ำคืนนี้
"สองหมื่น"
"พี่ขอร้องล่ะ ช่วยครอบครัวพี่ด้วย"
เสียงหวานออดอ้อนยังคงเสนอราคามาอย่างไม่ลดละแต่อีกฝั่งก็ยังคงนั่งเอนกายพลิกหนังสืออ่านหน้าถัดไป จนเธอ..
"งั้นสามหมื่นรวมตัวพี่ด้วย"
เหมือนคำนี้จะเรียกความสนใจจากเขาได้อยู่บ้าง คิ้วสวยข้างหนึ่งเลิกขึ้นพร้อมชำเรืองมองเธอที่อยู่ตรงข้าม เริ่มจากใบหน้ากลมของเธอ ต่อมาก็หน้าอกขนาดพอเหมาะที่ซุกซ่อนในเสื้อนอกสีดำ สายตานั้นมองอย่างประเมินค่าและเป็นนัยแต่ไม่ว่าจะยังไงมันก็ยังเป็นสายตาที่เย็นชาและไร้อารมณ์ จนเธอต้องย้ำมาอีกครั้ง
"ใช่พี่หมายความตรงตัวนอกจากเงินแล้วพี่ทำนั่นกับเราก็ได้ ขอแค่ช่วยน้องชายพี่ได้ก็พอ"
คนเย็นชาผู้นั้นพยักหน้าเบาๆเชิงเข้าใจจากนั้นก็พลิกหนังสืออ่านหน้าต่อไปแล้วกล่าวมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"มีผัวยัง"
"ม่ ไม่ ยังไม่มี"
พี่สาวหน้ากลมตอบออกมาแผ่วเบาเหมือนนางจะกระดากอยู่หน่อยๆ
เขาพับหนังสือแล้ววางลงกับโต๊ะที่เป็นเหมือนเค้าท์เตอร์ของร้าน และนี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้าร้านมาที่เธอจะได้เห็นหน้าเขาแบบชัดเจน
'หล่อจริงด้วย'
หน้าเรียวยาว จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วเรียวสวยได้ส่วน ตาคมสีออกฟ้า ผมดำขลับแสกกลางประบ่า ใบหน้าละมุนและอ่อนหวานแต่เย็นชาและที่แปลกประหลาดกว่า พอเธอสบตาเขาจะรู้สึกมึนงงหวิวๆอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกับจะวูบ
จากนั้นเขาลุกขึ้นยืนซึ่งทำให้เห็นส่วนสูงได้ชัดเจนแล้วพยักหน้าส่งสัญญาณไปทางหลังร้าน
"ตอนนี้เลย ?"
เธอถามกลับอย่างตกใจเพราะโดยปกติค่าจ้างมักจะต้องจ่ายตอนจบงานแต่ถึงอย่างนั้นก็ลุกขึ้นตามแต่โดยดี เธอมองแผ่นหลังที่เดินนำทางนั้นอีกรอบ
เขาเป็นคนร่างสูงสวมเสื้อยึดคอกลมสีขาวกางเกงยีนส์ค่อนข้างเก่าและไม่สวมรองเท้า ทั้งรูปร่างท่าทางไม่เหมือนชื่อเสียงที่เธอได้ยินมาแต่อย่างใดแต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่มีทางเลือก เพราะถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างครอบครัวเธอคงไม่พ้นคืนนี้แน่
สาวหมวยหน้ากลมถอนหายใจยินยอมรับชะตา เธอรู้ดีว่าจะต้องทำอะไรที่หลังร้าน เธอเคยได้ยินหรือเห็นตามข่าวอยู่บ่อยๆว่าพวกหมอผีมักจะขอค่าตอบแทนเป็นร่างกายแต่ก็ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะเกิดขึ้นกับตัว
ร้านหนังสือแห่งนี้เป็นตึกแถวสองคูหาตั้งอยู่ในตลาดเก่า พอเข้ามาในร้านก็จะพบเค้าท์เตอร์สำหรับชำระเงินและใกล้ๆกันก็จะมีโต๊ะไม้ยาวไว้ให้สำหรับลูกค้านั่งอ่านหนังสือ
บรรยากาศภายในร้านจะใช้ไฟแสงเหลืองอ่อนให้ความรู้สึกที่อบอุ่นรับกับตู้ไม้ที่ตั้งยาวเป็นแถวตอนลึกไปจนสุดร้าน จัดได้ว่าเป็นร้านหนังสือที่ค่อนข้างใหญ่และหาได้ยากในปัจจุบันเต็มที
ลัดดาเดินตามชายร่างสูงผ่านชั้นหนังสือชั้นแล้วชั้นเล่า และยิ่งเข้าไปลึกเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกเวียนหัวมากขึ้นทุกที จนกระทั่งมาถึงชั้นหนังสืออันสุดท้าย
ชายหน้าหวานหันมาพร้อมชี้มือไปทางเก้าอี้ไม้ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว โดยใกล้ๆกันจะมีบันไดไม้เก่าที่ไว้ขึ้นสู่ชั้นถัดไป
เธอถอนหายใจอีกครั้งอย่างจำยอมพร้อมถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกวางพาดกับพนักพิงเก้าอี้
'เป็นไงเป็นกัน'
ลัดดาบอกกับตัวเองแบบนั้นพร้อมกับใช้มือปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวออกทีละเม็ดก่อนที่จะนั่งลงกับเก้าอี้ไม้
ชายหน้าหวานร่างสูงที่เย็นชาดีดนิ้วเสียงดังหนึ่งทีเพื่อเรียกสายตาจากเธอตาคมสีฟ้าที่มองแล้วชวนเวียนหัวคู่นั้นขมวดคิ้วตั้งคำถามมาจนเธอรู้สึกเอะใจ
"ไม่ใช่แบบนี้เหรอ"
ความรู้สึกร้อนผ่าวจับที่ใบหน้าอัตโนมัติพร้อมกับความอายชนิดที่อยากแทรกแผ่นดินหนีจนต้องทำท่าจะติดกระดุมตามเดิมแล้วถามมาอย่างแก้เก้อ
"แล้วให้พี่เข้ามาหลังร้านทำไม"
คนร่างสูงนั้นยิ้มมุมปากเหมือนขบขันแต่ไม่ตอบแล้วหันไปทางบันได
"จอหม่อง จอหม่องมีลูกค้า"
เขาตะโกนผ่านบันใดไม้ไปทางชั้นสองของร้าน
"เออ...."
"รอแปป"
มีเสียงออกทุ้มต่ำตอบรับมาจากชั้นบนตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่ลงบันใดมาอย่างเร่งรีบจนลูกค้าสาวต้องมองตาม เพียงอึดใจก็ปรากฏชายหนุ่มในเสื้อแขนกุดสีดำที่อวดให้เห็นกล้ามแขนที่แน่นตึง ใบหน้าเหลี่ยมกรามแน่นเด่นชัดคิ้วหนาดวงตาเรียวลึก ริมฝีปากได้รูปไม่บางไม่หนาเกินไป ผมหยักโศกถูกเสยไปด้านหลัง ดูจากโครงหน้าแล้วเหมือนจะไม่ใช่คนไทยแท้นักแต่ก็จัดว่าหล่อกันไปคนละแบบ
ดวงตาสีน้ำตาลของเขามองมาทางเธอ พร้อมรอยยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร
"ตกลงค่าจ้างเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ"
"เรียบร้อย...สามหมื่น"
แต่เป็นหนุ่มหน้าหวานที่รีบตอบมาแทนและเหมือนจะไม่ครบถ้วนด้วยจนเธอต้องรีบฟ้องออกมา
"รวมตัวพี่ด้วย"
"เฮ้ยย
ไอ้พรายเอาอีกแล้วเหรอ เดี๋ยวก็โดนแม่หยาลงโทษหรอก"
"แม่หยาไม่รู้ ถ้ามึงไม่บอก"
พรายหน้าหวานตอบมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบพร้อมยกนิ้วแตะริมฝีปากเชิงให้อีกฝ่ายพูดเบาๆจากนั้นทั้งคู่ก็แหงนขึ้นมองเพดานเหมือนจะจับสัญญาณจากสิ่งที่อยู่ชั้นบนมากกว่า
"กูเตือนแล้วนะ"
จอหม่องพูดมาอย่างแผ่วเบา
"เออ เริ่มกันเลยจะรีบนอน"
จากนั้นพรายหน้าหวานก็หันมาพยักหน้าให้เธอ
"เล่าให้จอหม่องฟังจะได้เริ่มทำพิธีกัน"
ลักษณะลัดดาในตอนนี้เหมือนกำลังถูกสอบปากคำจากสองหนุ่มรูปงาม ทั้งคู่ยืนมองเธอที่นั่งหลังตรงอกเชิดบนเก้าอี้ไม้โดยมีแสงไฟสีเหลืองอ่อนให้ความสว่างอย่างโรแมนติก
เหตุการณ์มันเริ่มเมื่อสามวันก่อนตอนนั้นเป็นช่วงเวลาเกือบเที่ยงคืน บ้านพี่เป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นพี่จะนอนชั้นล่างส่วนทั้งน้องชายและพ่อแม่ของพี่จะนอนชั้นบน คือห้องของพวกเขาจะอยู่ติดกัน ในระหว่างที่พี่กำลังเคลิ้มๆใกล้หลับพี่ก็ได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากในครั้ว ตอนนั้นก็คิดว่าน้องพี่คงจะลงมาหาอะไรกินจึงไม่ได้สนใจอะไร แต่พอเวลาผ่านไปเสียงมันกลับดังขึ้นเรื่อยๆมีทั้งเสียงกะทะหรือถ้วยชามตกแตก พี่เลยคิดว่ามันไม่ปกติแล้วในใจตอนนั้นคิดว่าอาจเป็นแมวหรือสัตว์อะไรสักอย่างแอบเข้ามาในบ้าน พี่ก็เลยแอบย่องไปดูโดยพยายามทำให้เสียงเบาที่สุดด้วยกลัวว่าไอ้สิ่งนั้นมันจะแอบหนีไป
และทันทีที่เปิดไฟ
พี่ก็เห็นก็เป็นน้องชายพี่กำลังนั่งยองๆอยู่บนเค้าท์เตอร์ครัว สองมือของมันกำลังจ้วงข้าวในหม้อข้าวขึ้นมากิน มันเป็นการกินแบบที่พี่ไม่เคยเห็นมาก่อน คือจ้วงเสร็จก็ยัดเข้าปากเคี้ยวสามทีแล้วก็กลืนเลยจากนั้นมืออีกข้างก็ยัดเข้าปากต่อเคี้ยวสามทีแล้วก็กลืน เชื่อไหมน้องพี่มันทำอย่างนี้สลับไปมาจนข้าวหมดหม้อจากนั้นก็เลอเสียงดัง แล้วมันก็กระโดดลงพื้นวิ่งสี่ขาเหมือนกับลิงผ่านหน้าพี่ไป มันกระโจนขึ้นบันใดทีละสี่ห้าขั้นเพียงแป็ปเดียวก็มีเสียงปิดประตูห้องดังปั้ง
ตอนนั้นพี่คิดว่ามันคงหิวจัดหรือละเมอจึงไม่ได้สนใจอะไร พอคืนถัดมาเวลาเดียวกันพี่ก็ได้ยินเสียงกุกกักในห้องครัวอีกแต่คราวนี้เสียงมันไม่ดังเท่าวันก่อน พี่คิดว่าคงเป็นน้องชายพี่อีกแน่และก็ไม่ผิดคราวนี้น้องพี่มันนั่งยองๆอยู่หน้าตู้เย็น
"รู้ไหมมันทำอะไร"
จ่อหม่องหน้าคมรีบส่ายหน้า
มันกินน้ำในตู้เย็น มันเปิดฝากระดกกินทีละขวดพอหมดขวดมันก็หยิบขวดใหม่มากินต่อ มันกินอย่างนี้จนหมดตู้จากนั้นก็เหมือนเดิม เลอออกมาเสียงดังแล้วก็วิ่งสี่ขาขึ้นชั้นสองไป
และอาการพิลึกของมันจะเกิดขึ้นเฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้นตอนนั้นพี่คิดว่ามันโดนผีสิงแน่ๆ
คืนที่สามพี่ก็รอฟังเหมือนเดิม ตอนนั้นมันเป็นเวลาห้าทุ่มสิบนาทีพี่ก็ได้ยินเสียงดังจากในครัวอีกครั้งคราวนี้พี่รีบวิ่งออกไปดูว่ามันจะกินอะไร ผิดคาดคราวนี้น้องพี่มันไม่ได้กินอะไรแต่มันหยิบมีดขึ้นมาสองเล่มจากนั้นก็วิ่งสี่ขาขึ้นชั้นสอง เพียงแต่...
"แต่อะไรครับ"
จอหม่องรีบซักต่อพร้อมขมวดคิ้วใช้ความคิดซึ่งผิดกับอีกคนที่ยืนเอนกายอ่านหนังสือฟังด้วยท่าทางสบายๆ
มันไม่ได้วิ่งเข้าห้องตัวเองแต่มันวิ่งเข้าไปในห้องพ่อแม่พี่ พอไปถึงก็เห็นมันนั่งยองๆท่าเดิมอยู่บนเตียงทั้งสีหน้าและแววตาไม่ว่าจะดูยังไงมันไม่ใช่น้องชายพี่แน่ๆ จากนั้นมันก็เอามีดทั้งสองเล่มมาลับสีกัน มันมองหน้าแม่สลับกับหน้าพ่อเหมือนกับมันกำลังตัดสินใจว่าจะเลือกใครก่อนดี
"เฮ้ย ป่องเป็นไรวะพี่ดูมึงมาหลายคืนแล้วนะ" พี่ตะโกนถามทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นอะไร มันไม่ตอบแต่มันหันมามองพี่แล้ววิ่งสี่ขาผ่านตัวพี่กลับเข้าห้องมันไป เชื่อไหมตอนนั้นพี่ใจไปอยู่ตาตุ่มเข่านี้อ่อนจนล้มไปนั่งกับพื้น
.
.
.
.
ในระหว่างที่ทางหลังร้านกำลังตกอยู่ในความเงียบหลังจากฟังเรื่องราวอันแปลกประหลาด
กรี๊งงงงงกร่องงง
เสียงกระพวนที่แขวนไว้กับประตูหน้าร้านก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงบานประตูที่ถูกเปิดออก
ใบหน้ากลมผมหน้าม้าปรกหน้าผากกับหมวกไหมพรมสีแดง ตากลมที่ซุกซนคู่นั้นชะโงกหน้ามองเข้ามาในร้าน
"อ้าว พวกพี่ไปทำไรกันหลังร้าน"
เสียงสดใสตะโกนมาอย่างคุ้นเคยและไม่รอคำตอบ เด็กสาวตากลมในเสื้อแขนยาวสีเลือดหมูเดินเข้ามาทันทีจนชายร่างสูงหน้าหวานถึงกับถอนหายใจพร้อมใช้คำพูดที่ผลักใสและเย็นชา
"ร้านปิดแล้วตัวเล็ก มาวันหลัง"
"ปิดแล้วหนูก็เข้าได้"
เธอตอบกลับมาอย่างไม่สะทกสะท้านพร้อมกับเดินฉับๆเข้ามา จากนั้นก็ชะโงกหน้าผ่านชั้นหนังสือ ดวงตากลมซุกซนมองไปที่ลูกค้าสาวที่นั่งบนเก้าอี้ สายตาเธอมองไปยังกระดุมของเสื้อเชิ้ตที่ถูกปลดออกจนเห็นเนินอวบขาวเนียน จากนั้นก็เลื่อนไปทางจอหม่องสุดล่ำ แล้วก็.......หนุ่มร่างสูงผมประบ่าที่กำลังยืนกอดอกมองเธออย่างเบื่อหน่ายเป็นลำดับสุดท้าย
พรายหน้าหวานมาดเซอร์ยกมือขึ้นกุมขมับ
ดวงตาที่เคยกลมนั้นตอนนี้เปลี่ยนเป็นสระอิพร้อมกับยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะคิกคักแล้วบิดตัวดุ๊กดิ๊กไปมาด้วยจินตนาการที่สุดจะอีโร
"สามพีเลยเหรอพี่ เดี๋ยวนี้เลิกกินกันเองแล้ว?"