ทางด้านคนที่เพิ่งถูกตำหนิกลับไม่สามารถนอนพักผ่อนได้อย่างที่ควรจะเป็น พริ้งพลอยนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงเป็นเวลาหลายชั่วโมง เธอพยายามข่มตาให้หลับเพราะไม่อยากคิดมาก ยิ่งช่วงนี้กำลังเร่งมือทำธีสิสส่งอาจารย์ที่คณะอยู่ด้วย
เธอควรปล่อยสมองให้โล่งปลอดโปร่งให้ได้มากที่สุด มันควรจะเป็นเช่นนั้น ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้ภาพในหัวมีแต่ใบหน้าดุดันของโรมที่ยืนจ้องเธออยู่ตรงบันไดเมื่อสามชั่วโมงที่แล้ว
“บ้าจริง ทำไมต้องคิดมากด้วยนะ”
ทำอย่างกับไม่เคยถูกเขาต่อว่าอย่างนั้นแหละ
โรมก็เป็นแบบนี้มาตลอด เขาไม่เคยพอใจเวลาอยู่ใกล้เธอ หาเรื่องไม่เข้าหูมาพูดกระทบกระทั่งทุกครั้ง ขนาดแค่ใส่กระโปรงนักศึกษาสั้นเหนือเข่านิดหน่อยก็ถูกเขาเรียกไปอบรมยกใหญ่ ฟาดงวงฟาดงาเหมือนเธอเป็นเด็กสามขวบที่จะสวมใส่อะไรก็ต้องผ่านสายตาผู้ใหญ่ก่อนเสมอ
พริ้งพลอยเคยนึกสงสัยว่าเหตุผลใดที่ทำให้โรมต้องมาจู้จี้จุกจิกเธออยู่ตลอดเวลา แต่คิดแล้วคิดอีกก็ไม่สามารถหาเหตุผลมารองรับเรื่องราวน่ารำคาญใจเหล่านี้ได้ คงมีเพียงเหตุผลเดียวที่เธอพอจะคิดออกและสันนิษฐานถึงความน่าจะเป็นไปได้มากที่สุดก็คือ
โรมต้องการแสดงอำนาจว่าอยู่เหนือเด็กกำพร้าอย่างเธอ
หลายครั้งที่เขาหยิบยกเรื่องภูมิหลังของเธอมาเป็นประเด็น ไม่ว่าจะเป็นวันแรกที่เธอก้าวเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้บ้างล่ะ ข้าวของเครื่องใช้ราคาแพง หรือแม้แต่เงินทองที่ส่งเสียให้เธอเล่าเรียนบ้างล่ะ เขาพูดย้ำไปย้ำมาราวกับจะทวงบุญคุณ ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเลยด้วยซ้ำ เพราะถึงอย่างไรเธอก็ไม่มีวันลืมว่ามีวันนี้ได้เพราะความเมตตาของสองพี่น้อง
“นอนไม่หลับ เฮ้อ”
พริ้งพลอยถอนหายใจยกมือก่ายหน้าผาก เธอตัดสินใจลุกจากเตียงเดินไปเปิดไฟให้ห้องนอนสว่างโร่ขึ้นอีกครั้ง นั่งลงที่โต๊ะทำงาน หยิบสมุดสีฟ้าเล่มกะทัดรัดที่ไว้จดชีวิตประจำวันขึ้นมาวางบนโต๊ะ ปลายนิ้วเรียวยาวคลี่หน้ากระดาษเปิดอ่านทีละหน้า ทุกตัวอักษรที่บรรจงเขียนอย่างตั้งใจทำให้เธอสามารถมองเห็นภาพในอดีตได้ชัดเจนมากขึ้น
พริ้งพลอยเปิดอ่านเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงหน้าที่คั่นเอาไว้ด้วย
ดาวกระดาษดวงเล็ก ภาพการ์ตูนแสนน่ารักพร้อมข้อความน่าประทับใจทำให้เธอเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
โรมเคยเป็นพี่ชายที่น่ารักของเธอ เมื่อครั้งที่เธอยังเป็นน้องสาวตัวน้อยของเขา แต่พอเธอเริ่มโตขึ้นเขาก็เปลี่ยนไป จากพี่ชายใจดีกลายร่างเป็นผู้ชายเอาแต่ใจชอบสั่งให้เธอทำแบบนั้นแบบนี้ พอไม่ทำตามก็แสดงอารมณ์เกรี้ยวกราด กดดันคนรอบตัวจนเธอต้องเป็นฝ่ายยอมในที่สุด
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ พริ้งพลอยอยากได้พี่ชายคนเดิมกลับคืนมา มันคงจะดีไม่น้อยถ้าเขายังปฎิบัติต่อเธอเหมือนเดิมทุกอย่าง
เพล้ง!
เสียงดังโครมครามจากนอกห้องทำลายช่วงเวลาการอ่านบันทึกของพริ้งพลอย ร่างบางรีบลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งไปที่หน้าประตู เอาหูแนบกับบานประตูเพื่อฟังว่าเกิดอะไรขึ้น เธอไม่ได้ยินอะไรเลยนานเป็นนาที แต่เสียงที่ดังเมื่อครู่ก็ทำให้รู้สึกกังวลอยู่ดี พริ้งพลอยสวมเสื้อคลุมตัวบางเดินออกจากห้อง บรรยกาศด้านนอกเงียบและมืด อาศัยแสงสว่างจากดวงไฟนอกบ้านที่สาดส่องผ่านหน้าต่างพอให้มองเห็นทางเดินรำไร
เธอเดินลงบันไดไปยังห้องรับแขก ภายในห้องปิดไฟมืดไร้เงาผู้ชายกลุ่มใหญ่ที่พูดคุยเสียงดังตอนเธอเพิ่งกลับถึงบ้าน
หรือพวกเพื่อนพี่โรมจะกลับไปแล้ว
พริ้งพลอยพยายามมองหาต้นตอของเสียงที่ทำให้เธอต้องตัดสินใจเดินลงมาข้างล่าง ทุกอย่างปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วเสียงที่ได้ยินมาจากไหน หญิงสาวขมวดคิ้วเดินหารอบๆ ห้อง จังหวะที่ถอดใจเตรียมจะเดินกลับขึ้นห้องไปนอน หางตาคู่สวยเหลือบไปเห็นเงาตะคุ่มๆ ที่โต๊ะสนุ๊กมุมหนึ่งของห้อง พริ้งพลอยทำใจดีสู้เสือก้าวขาไปสองก้าว คว้าไม้เบสบอลที่วางอยู่ไม่ไกลมือกำไว้แน่น เงานั้นจะเป็นใครเธอไม่รู้ แต่อย่างน้อยก็ขอให้มีอาวุธติดมือตั้งรับสักนิดก็ยังดี
“อ๊ะ โรม เจ็บค่ะ”
เสียงผู้หญิงนี่นา…
พริ้งพลอยเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง ขยับสองเท้าเข้าไปใกล้ตำแหน่งอันตรายมากขึ้น คราวนี้แสงไฟส่องสว่างพอทำให้มองเห็นอะไรชัดเจนมากยิ่งขึ้น ร่างของผู้หญิงคนหนึ่งถูกจับตรึงติดกำแพง ขณะที่ร่างสูงใหญ่ของผู้ชายที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดีกำลังใช้สองมือบีบคอหล่อน พร้อมกระแทกกระทั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ร้องอีก ร้องดังๆ!” น้ำเสียงเหี้ยมโหดตะโกนสั่ง
“เจ็บ อ๊ะ” พริ้งพลอยเห็นสีหน้าของผู้หญิงคนนั้นเหมือนจะขาดใจอยู่รอมร่อ “โรมคะ พอแล้ว”
จากตรงที่ยืนแอบฟัง พริ้งพลอยได้ยินเสียงหยาบโลนของทั้งคู่ชัดยิ่งกว่าดูหนังในระบบไอแมกซ์ซะอีก เธอหันหลังวิ่งหนีออกจากห้อง อัตราการเต้นของหัวใจแรงกระหน่ำแทบหลุดออกจากอก นึกโกรธตัวเองที่ไม่ยอมหลับยอมนอนแล้วลงมาข้างล่างยามวิกาล เพราะความวิตกกังวลเกินเหตุแท้ๆ เลยต้องมาเห็นภาพไม่ควรเห็นแบบนี้
พริ้งพลอยพิงแผ่นหลังแนบบานประตูยืนหอบหายใจถี่ๆ เนื้อตัวสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง สองมือสองเท้าเย็นเฉียบ เม็ดเหงื่อผุดปรายรอบกรอบหน้าหวาน เธอสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกสติที่แตกกระเจิงกลับคืน
ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศช่วยบรรเทาความตื่นเต้นลงได้มาก นานหลายนาทีกว่าหัวใจจะกลับมาเต้นในจังหวะปกติ
พริ้งพลอยนั่งลงบนปลายเตียง ภาพๆ นั้นยังติดตา โรมที่เธอรู้จักว่าดุแล้ว แต่ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะโหดร้ายถึงขนาดทำรุนแรงกับผู้หญิงคนนั้น
น้ำเสียงเหี้ยมโหดของเขาเหมือนปีศาจร้ายที่พร้อมกระชากวิญญาณของใครสักคนไปบดขยี้ให้แหลกคามือ พริ้งพลอยยกมือปิดหูสองข้าง เสียงหยาบโลนของโรมและผู้หญิงคนนั้นดังก้องอยู่ในโสตประสาท
“ลืมไปให้หมดพริ้งพลอย ลืมเดี๋ยวนี้!”
ตลอดทั้งคืนพริ้งพลอยพยายามสั่งตัวเองให้ลืมภาพและเสียงที่เธอเห็นคาตามาทั้งหมด