"นมทิมขาาา..สวัสดีค้าาา มูลี่กับมาแล้วค้าาา นมทิมขา"
"คุณป๋าขา นมทิมไปไหนนะ ไม่คิดมู่ลี่เลยค่ะ"
"ไม่หรอกครับ ป๋าว่า เราขึ้นห้องไปอาบน้ำกันดีไหมค่ะ"
ยายหนูมู่ลี่ของผม ที่ตะโกนหานมทิม ทั้งที่ยังไม่เห็นหน้านมทิมเลย ผมนี่ปวดหัวในความน่ารักของเธอจริงๆ หลังจากพายายหนูเข้าบ้านเธอก็กินอิ่มนอนหลับมาจากบาร์ เรียบร้อยแล้ว เธอได้เริ่มภาระกิจอ้อนผมเข้าให้อีกแล้ว
คุณป๋าขา วันนี้นอนกับมู่ลี่ได้ไหมค่ะ ""
"ได้ซิค่ะ แต่ต้องไปอาบน้ำก่อนนะค่ะ "
ผมที่ปล่อยให้ยายหนูมูลี่ได้ทำธุระส่วนไปตัว ส่วนผมก็เดินตรงไปห้องเพื่ออาบน้ำทำธุระส่วนตัวเช่นกัน พอผมเปิดประตูเข้ามาในห้องนอน ก็อยากพักผ่อนแช่อ่างอุ่น ที่นมได้เตรียมไว้ให้ผมเรียบร้อยแล้ว ผมที่เดินตรงไปที่อ่าง ตอนนี้พันผ้าขนหนูพันรอบเอวตัวเดียว กำลังจะก้าวขาลงไป ได้ยินเสียงดังมาทางประตู ไม่ต้องเดานะครับว่าใครมา
“คุณป๋าขา คุณป๋า อยู่ไหนคะ”
ผมได้ยินเสียงใส ๆ เดินเข้ามาในห้องผม โดยที่ผมยังไม่อนุญาตเธอเลย มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ที่สามารถกล้าเข้าห้องได้โดยไม่ต้องเคาะหรือรอให้ผมอนุญาตเธอ
“ป๋าอยู่ในห้องน้ำครับมู่ลี่ อาบน้ำเสร็จแล้วหรือครับ”
ผมที่ตะโกนออกไปถามคนยัยตุ๊กตาเคลือบแก้วของผม
“ยังไม่ได้อาบค่ะ แต่จะมาให้คุณป๋าอาบให้ค่ะ”
“เดี๋ยว..ครับ”
ไม่ทันที่ผมจะอนุญาต ให้ยายหนูมู่ลี่ของผมเข้ามา เธอก็เปิดประตูสวนพรวดเข้ามาโดยที่ผมเองจริง ๆ ก็น่าจะชินกับการระทำ ยายหนูมู่ลี่ได้แล้วแต่มันก็ไม่เคยชิน เพราะแต่นับวันเธอยิ่งโตเป็นสาวสวยขึ้นทุกวัน
ผมที่พยายามจะเว็นระยะห่างจากเธอให้มากขึ้น กว่าตอนที่เธออายุ 9 ขวบ ผมอยากจะค่อย ๆ สอนให้เธอเข้าใจ แต่ไม่มีทางที่เธอจะยอมผมเลย และผมก็ไม่เคยชนะเธอได้แม้แต่ครั้งเดียว
“คุณป๋าขา.. มู่ลี่ขออาบน้ำด้วยค่ะ”
“ได้ค่ะ งั้นมู่ลี่ลงไปแช่ในอ่างนะค่ะ เดี๋ยวคุณป๋าอาบฟักบัวแล้วกัน”
“ได้ไงค่ะ มูลี่อยากให้คุณป๋าอาบด้วยค่ะ”
“แต่เราโตแล้วนะค่ะ มูลี่”
“ไม่เอาค่ะ หรือคุณป๋าไม่รักมู่ลี่แล้วค่ะ”
“มันไม่ใช่อย่างที่มู่ลี่เข้าใจนะค่ะ”
“งั้นลงมาในอ่างกับมู่ลี่นะค่ะ”
ผมที่ยืนจ้องมองยายหนูมู่ลี่ของผม แววตาสีฟ้าขี้อ้อนเหมือนลูกแมวน้อยขึ้นไปทุกที ผมสีบอนด์ ผิวขาวเนียนของเธอ ตอนนี้มันเปลี่ยนไปมากจริง ๆ ผมไล่ความคิดบ้าบอออกไปจากหัว เลยก้าวลงอ่างไปแช่อ่าง และอาบน้ำกับยัยหนูมู่ลี่เป็นที่เรียบร้อย กว่าจะอาบกันเสร็จ ยายหนูมู่ลี่ก็เล่นน้ำสระผม นานเป็นครึ่งชั่วโมง
พออาบน้ำเสร็จ ผมก็ต้องมานั่งเป่าผมให้ยายหนูมู่ลี่ของผมเรียบร้อย
“มู่ลี่ค่ะ เดี๋ยวเป๋าผมเสร็จกับห้องเลยไหมค่ะ เดี๋ยวคุณป๋าเดินไปส่งนะค่ะ”
“ไม่เอาคะ คืนนี้มู่ลี่จะนอนกับคุณป๋าค่ะ นะ นะ นะค้า..”
“ก็ได้ครับ งั้นคืนเราเขานอนกันเลยนะครับ ดึกมากแล้ว”
“รับทราบค่ะ คุณป๋า”
ผมที่เปิดไฟสลัวแค่พอมองเห็น ผมนอนมองหน้า ยายหนูมู่ลี่ที่ตอนนี้ตัวโตขึ้นทุกวัน ผมแอบกลัวว่าวันหนึ่ง เธอจะจากผมไปกับคนที่เธอรัก ซึ่งผมเองไม่อยากจะเสียเธอให้ผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น ผมกลัวว่ายายหนูมู่ลี่ของผม จะเสียใจและเจ็บปวดจากความรัก แต่ก็นั่นแหละชีวิต ต่อให้ผมจะเลี้ยงดูเธอมาอย่างไร ก็คงเลี้ยงได้แค่ร่างกายของเธอ ใบหน้าที่สวยงามนี้ไม่เหมาะกับคราบน้ำตา หรือความเสียใจ
“มู่ลี่ค่ะ ป๋าจะไม่ปล่อยมู่ลี่ให้ใครทั้งนั้น”
แสงแดดอ่อนๆ ในบ้านไร่ เสียงนกร้องบินกระทบหน้าต่าง ทำให้ผมตื่นก่อนยายหนูที่นอนอุตุอยู่บนเตียง วันนี้เป็นวันเสาร์ยายหนูของผมได้พักผ่อนเต็มที่ ซึ่งวันนี้ผมก็มีเข้าไปตรวจงานในไร่ส้มด้วย ผมจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว ก่อนจะลุกจากเตียงผมยังไม่ลืมที่จะจูบหน้าผากยัยหนูมู่ลี่เบา ๆ ผมไม่อยากจะรบกวนเวลาที่แสนสุขของยายหนูมู่ลี่ ผมกำลังนั่งจิบกาแฟอยู่บนโต๊ะอาหาร บรรยากาศโปร่งโล่งสบาย ในยามเช้าเป็นบรรยากาศที่ผมโปรดปรานที่สุด ผมกำลังจะสั่งนมทิม ว่าให้บอกยายหนูด้วยว่าผมไปไร่ส้มจะได้ไม่งองแง แต่ยังไม่ทันได้อ้าปากพูดอะไร
“คุณป๋าขา.... คุณป๋า”
เสียงยายหนูมู่ลี่ตื่น และยืนอยู่ตรงบันได หัวฟูฟ่อง ผมถึงกับหลุดขำ พาลให้คนข้างบนทำหน้างอ เป็นม้าหมากรุกส่งมาให้ผม แต่เธอเดินลงมาที่ห้องอาหาร และก็นั่งตรงข้ามกับผมแต่ไม่ยอมพูดอะไร เหมือนมีอะไรจะพูดกับผมเป็นนัย ผมเลยตัดบทถามยายหนูมู่ลี่ไปก่อนเลย
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคนสวยของป๋า ทำไมลงมาแบบนี้ละค่ะ”
“ก็มูลี่ตื่นมาไม่เห็นคุณป๋าแล้วค่ะ ก็เลยรีบลงมาหาคุณป๋าก่อนค่ะ”
“แล้ววันนี้วันเสาร์ทำไมไม่พักผ่อนค่ะ”
“มู่ลี่อยากอยู่กับคุณป๋าคะ”
“ก็อยู่ด้วยกันแทบทุกวันไม่เบื่อหรือค่ะ”
“ใครบอกคุณป๋าแบบนั้นค่ะ มู่ลี่จะอยู่กับคุณป๋าทั้งชีวิตเลยค่ะ นมทิมเห็นด้วยใช่ไหมค่ะ”
“ก็ต้องเห็นด้วยซิค่ะ แต่วันนี้เรามีนัดกันนะค่ะ คุณหนูลืมไหม”
“นัดของเราหรอค่ะนมทิม เอ้อออ ..คิด คิด นัดอะไรน๊า...”
“ไม่ต้องแกล้งคนแก่ ทำเป็นลืมนะค่ะ วันนี้สัญญากับนมว่าจะลองกับข้าวให้คุณป๋าทานเป็นมื้อกลางวันให้คุณราฟาเอลไงค่ะ”
“ฮืมมม มู่ลี่จำได้แล้วค่ะ งั้นวันนี้คุณป๋าจะไปไหนค่ะจะกลับมาบ้านกี่โมงค่ะ”
“วันนี้ป๋าจะเข้าไปที่ไร่ส้มเราซักหน่อยครับ เห็นว่าถึงฤดูต้องใส่ปุ๋ยใส่ยาแล้วต้องดูแลเป็นพิเศษ”
“คุณป๋ากับมาทานข้าวกลางวันพร้อมมูลี่นะค่ะ”
“ได้ครับ”
“เย้ เย้ มูลี่รักคุณป๋าที่สุดในโลกเลยค่ะ งั้นมู่ลี่ไปอาบน้ำก่อนนะค้าเดี๋ยวลงมานะค้า”
ยายหนูมูลี่ของผม ตอนี้ที่เดินออกไปจากโต๊ะอาหารแบบสบายอารมณ์ ขึ้นไปจัดการตัวเอง ผมก็เตรียมตัวเข้าไร่ โดยให้แอลเตรียมรถให้ผม เป็นโฟวิวสี่ประตู สีดำ คล้ายรถแข่งวิบากก็ไม่ต่างกันเท่าไร
“คุณราฟาเอลค่ะ นมขออนุญาต พาหลานสาวมาอยู่ด้วยซักคนนะคะ”
“ได้ซิครับ แล้วอายุเท่าไหร่ละครับนม”
“10 ปีค่ะ แม่ของมันก็เพิ่งเสียไปค่ะ”
ผมได้ฟังคำพูดของนมทิม ทำให้มองย้อนขึ้นไปที่ชั้นสองและนึกถึงยายหนูมู่ลี่ของผม ที่เธอเองก็ประสบพบเจอไม่ต่างกัน หลังจากนั้นผมก็พยักหน้า เป็นเชิงบอกนมทิมว่าอนุญาตให้เอามาอยู่ด้วยได้ ผมตอนนี้ที่เดินก้าวเท้ายาว ๆ ไปขึ้นรถที่แอลจอดรอผมที่หน้าบ้านเพื่อเข้าไปที่สวน ขณะที่ผมขึ้นรถก็ได้ถามไถ่เรื่องงานจากแอลทั้งเรื่องการส่งออก และเรื่องที่บาร์และคลังอาวุธท้ายไร่
“แอลงานที่ท้ายไร่เป็นอย่างไรบ้าง ได้ตัวคนทำหรือยัง”
“ได้แล้วคับนายขอมูลทั้งหมดผมส่งไปให้นายหมดแล้วคับ ส่วนตัวคนทำมันชื่อไอ้เข้มคับเป็นมือปืนรับจ้างกระจอกทั่วไปคับไม่ได้มีอะไรน่ากลัว ผมให้ลูกน้องจับมัดไปไว้ที่โกดังห้องใต้ดินท้ายไร่เรียบร้อยแล้วครับนาย แต่มันอึดไม่ยอมพูดอะไรเลยเอาแต่แหกปากว่าจะเผาไร่เราคับ”
ผมได้เดินทางมาถึงไร่ตรวจสอบงานหลายอย่าง และได้นั่งรถเข้าไปที่ท้ายไร่ เพื่อสอบสวนไอ้คนที่มันกล้ามายุ่งกับสินค้าของผม
แอ๊ด... เสียงประตูโกดังค่อยเปิดออก ผมค่อยๆย่างกรายเดินลงที่ห้องใต้ดิน ตามทางมีเพียงแสงไฟสลัวที่พอมองสิ่งรอบข้างได้บางส่วน และมีเพียงผมที่สามารถเข้าออกได้เท่านั้น ห้องที่สามารถมองเห็นคนที่มัดอยู่นอกห้องมันไม่ต่างอะไรจากห้องทรมานหรือสอบสวนนักโทษเลยก็ว่าได้ อุปกรณ์อาวุธครบมือและพร้อมจะเชือดคนตรงหน้า ผมเข้าไปนั่งและดูทีท่าว่ามันคงโดนซ้อมมาตั้งแต่เมื่อคืน แต่ไม่ยอมปริปากพูดอะไรแม้แต่คำเดียว
สำหรับผมถือเป็นเรื่องธรรมดามากที่จะยอมทำให้ใครซักคนเปิดปากพูด ผมเลยเดินตรงไปในห้องที่จำมัดมัดอยู่และให้มันได้มองเห็นใบหน้าของผม ผมมองมันด้วยความเย็นชาและสแยะยิ้มที่น่าสยองสำหรับมัน
“ฉันให้โอกาสแกแค่อีกครั้งเดียว ถ้าแกยอมพูดว่าใครส่งแกมาฉันจะไม่ฆ่าแม่กับลูกสาวของแก”
“มึงรู้ได้ไงว่ากูมีลูกสาวในเมื่อ เจ้านายสัญญากับฉันว่าจะส่งลูกสาวฉันไปต่างประเทศ”
“มึงอย่าลืมซิว่ากูเป็นใครและทำอะไรได้บ้าง คนยังไอ้กำนัลนะหรอ มันจะทำอะไรได้ ถ้ากูจะสั่งคนไปเก็บมันทั้งพ่อทั้งลูก และทำให้เป็นอุบัติเหตุแค่นี้เรื่องก็เงียบ มันง่ายซะอีก ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ แอลยื่นโทรศัพท์ให้มันฟังซิ ว่าใครอยู่ในสาย”
“พ่อค่ะ พ่อ หนูกลัวค่ะ ตอนนี้หนูอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ พวกมันจับหนูมา ฮื่อๆ พ่อค่ะ”
“นก นก ลูกไม่เป็นไรลูก เดี๋ยวพ่อไปช่วยลูกเอง ไม่ต้องกลัวนะลูก”
“หมดเวลาสนุกกันแล้ว งั้นแกไม่ต้องบอกฉันหรอกนะ ว่าเพราะอะไรแกถึงทำเพราะฉันเปลี่ยนใจไม่อยากจะรู้แล้ว ฉันสั่งเก็บลูกแกกับแม่แกไปพร้อมแกเลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องเหลือตอมาแก้แค้นฉันได้อีก เพราะดูแล้วต่อให้ลูกน้องฉันซ้อมแกจนตายแกคงไม่พูด ฉันเข้าใจ”
“ไม่ ไม่ ไม่ กูยอมมึงแล้ว อย่าทำอะไรครอบครัวกูเลย กูบอกแล้ว ฮื่อ กู ขอร้อง”
“งั้นมึงก็พูดมาก่อนที่กูจะเปลี่ยนใจ”
“ไอ้กำนัลมันจ้างฉันมาสืบ ว่ามีอะไรหลังไร่ เพราะมันคิดว่าต้องมีสิ่งผิดกฎหมายแน่นอน เพราะถ้าไม่มีมันก็จะยัดเยียดให้แกผิดแล้วโดนจับ ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะจริงๆ เพราะฉันเองโดนบังคับมัน มันจำลูกสาวกับแม่ฉันไปเป็นตัวประกัน และบอกถ้าฉันทำ มันจะส่งลูกสาวฉันออกนอกประเทศ เพื่อให้ปลอดภัย พ่อเลี้ยงฉันขอโทษ อย่าทำอะไรฉันกับลูกเลย ฮื่อ ฉันกราบละ ฮื่อ”
“มึงฟังกูนะ ลูกของมึงอยู่ในมือกูแม่ของมึงก็เช่นกัน ทั้งสองปลอดภัยแน่นอนถ้าอยู่กับกู กูจะปล่อยมึงไปบอกไอ้กำนัลว่าระวังตัวให้ดีเพราะกูได้หมายหัวมันไว้แล้วเช่นกัน ถ้าไม่อยากเป็นศพทั้งพ่อทั้งลูก อย่ามายุ่งกับกู”
ผมฟังความจริงจากปากของของไอ้เข้ม ที่ตอนนี้โดนซ้อมจนแทบจะจำหน้าไม่ได้ ผมจงใจปล่อยมันกลับหาไอ้กำนัล และผมเองก็คงไม่ปล่อยให้ใครมาบุกถึงถิ่น โดยไม่ทำอะไรแน่นอน
เวลาล่วงเลยไปผมทำงานในไร่ส้มจนเกือบลืมเวลาเพราะวันนี้มีนัดไปทานข้าวกลางวันกับยัยหนูมู่ลี่ของผม ผมแค่คิดถึงตาสีฟ้าบ้องแบ้วก็หลุดยิ้มขำออกมาได้ทันที ยายหนูมู่ลี่และนมทิม ที่ตอนนี้กำลังลงครัววุ่นวายทำกับข้าวที่เจ้านายชอบ
“คุณหนูค่ะ วันนี้นมจะให้คุณหนูเป็นแม่ครัวและคนปรุงนะค่ะ นมสั่งให้เด็กเตรียมเครื่องไว้ให้แล้วค่ะ”
“รับทราบค่ะนมทิม”
ระหว่างที่ใส่วัตถุดิบต่างในเมนูต้มยำกุ้งน้ำข้น เสียงหัวเราะสดใสและเสียงคนที่กำลังถามนมทิมเป็นต่อยหอยอยู่นั่นก็คือแม่ยัยหนูมู่ลี่ผู้ร่าเริงนั่นเอง
“นมนิมค่ะ ช่วยชิมให้ทีได้ไหมค่ะ ว่าเปรี้ยวไปไหมค่ะ”
“ไหนค่ะนมช่วยชิมให้ค่ะ มา ค่ะ ซู้ดด.. ไม่นะค่ะ อร่อยแล้วค่ะ เก่งมากค่ะคุณหนู”
“นมค่ะ เมนูอีกอย่างที่เป็นของโปรดของ ป๋าคือไข่เจียวหมูสับค่ะ”
“โอ้ว เก่งมากค่ะคุณหนูจำได้ด้วย นมคิดว่าจำไม่ได้”
“โหว้ ไม่มีทางที่จะลืมทุกอย่างที่คุณป๋าชอบ มู่ลี่จำได้หมดเลย”
ระหว่างที่ผมกำลังเร่งเดินทางออกจากไร่ส้ม เพื่อกับมาให้ทันข้าวเที่ยง ตามสัญญาที่ให้ไว้กับยายหนูมู่ลี่ ที่ตอนนี้ยังไม่ได้ยินเสียงรถของผมได้แล่นมาถึงหน้าบ้านแล้ว ผมจึงเดินลงรถไปเงียบ ๆ และไปแอบยืนฟังเสียงเจื้อยแจ้ว ของยายหนูมู่ลี่ที่เอาแต่พูดถึงเมนูโปรดของผม ไม่ได้หยุดปากเลย ผมได้แต่ยืนอมยิ้มในใจไม่รู้ว่าจะได้มีเธออยู่ไปอีกนานแค่ไหน เพราะตอนนี้เธอก็อายุ 15 ปีแล้ว
“คุณป๋าขา...มาตั้งแต่เมื่อไหร่ค่ะ ทำไมไม่ได้ยินเสียงรถเลยค่ะ ฟอด ฟอด จุ๊บ”
ยายหนูรีบวิ่งตรงมาหา มาหอมแก้มผมทั้งสองข้างพร้อมกับจุ๊บปากที่เธอทำเป็นประจำ ผมก็ได้กอดตอบยายหนูมู่ลี่ที่น่ารัก ตาสีฟ้าเป็นประกาย รอยยิ้มบนปากสีชมพูระเรื่อ มันน่ารักจริง ๆ
“คุณป๋ากับมาไม่นานหรอกค่ะ แต่ทันได้ยินเสียงคนนินทาป๋านะค่ะ”
“ป่าวนะค่ะ ไม่ได้นินทาคุณป๋านะค่ะ แค่หนูบอกนมทิม ว่าหนูจำทุกเมนูที่ป๋าชอบได้หมดเลยค่ะ”
“โอ้โฮ จริงหรือค่ะ แล้ววันนี้มีอะไรให้ป๋าทานบ้างค่ะ ป๋าหิวข้าวมากเลยค่ะ”
“วันนี้มีต้มยำกุ้งน้ำข้น แล้วก็ไข่เจียวหมูสับ น้ำพริกปลาทูกับผักสดแบบที่คุณป๋าชอบเปะเลยค่ะ
“ว๊าววว ป๋าท้องร้องเลยนะค่ะ”
“งั้นมู่ลี่ขอไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊ปเดียว นะค่ะ คุณป๋า รอมู่ลี่นะค่ะ”
“โอเคครับ เดี๋ยวป๋าเข้าไปล้างเนื้อตัวเหมือนกันครับ”
ผมที่ล้างเนื้อตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว มานั่งรอยายหนูมู่ลี่แต่งตัวเพื่อทานข้าวกลางวัน ผมทำงานบนไอเพดเพลินที่โต๊ะอาหารสายตาของผมก็เหลือบไปเห็นยายหนูมู่ลี่ใส่ชุดน่ารักสีขาว เข็มขัดรัดเอวสีน้ำตาล เดินลงบันได ยิ้มกว้างมาให้ผม ไม่ต้องบอกนะครับเธอส่งเสียงใสมาก่อนตัวซะอีก
“คุณป๋าขา หนูมาแล้วค่ะ”
“ไม่ต้องวิ่งนะค่ะ เดี๋ยวหกล้มอีกนะ เรายิ่งโก๊ะอยู่”
ตั้งแต่เที่ยงวันนั้นผมไม่ได้ออกไปไหนเลยต้องหอบงานกับมาทำที่บ้านซะส่วนใหญ่เพราะผมเองก็ติดยัยหนูมู่ลี่ของผม แทบไม่ห่างกายกันเลยตั้งแต่มีเธอเข้ามาในชีวิต...ทบไม่ห่างกายกันเลยตั้งแต่มีเธอเข้ามาในชีวิต....