ย้อนเวลาเพื่อNTR

1883 Words
ย้อนเวลาเพื่อ NTR เธอ คนอายุ40มีอะไรจะบอกคนอายุ20บ้างไหมครับ? ขุนทศ สะอึกทุกครั้งเมื่อได้เห็นคำถามไวรัลผ่านตา เขาทำได้เพียงเหม่อมองด้วยแววตาเรียบเฉย ทว่าความเจ็บแปลบพลุ่งพล่านในใจด้วยตอนนี้เขาอายุ 42 ปีผู้อยู่สถานะ Loser หรือ ผู้แพ้ โดยสมบูรณ์แบบ ร่างกายสูงโปร่งผ่ายผอมไร้เรี่ยวแรง ผมที่เคยดกหนาบางขึ้นทุก ๆ วัน แต่ยังไม่เท่ากับการอยู่ในสภาวะพนักงานออฟฟิคต๊อกต๋อย ไม่มีความมั่นคงในชีวิตนอกจากหนี้บัตรเครดิต และหมายฟ้องร้องที่ยาวเป็นหางว่าว ขุนทศได้แต่นั่งคิดว่าเพราะอะไรชีวิต ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน เพียงคนเดียวต้องมาถึงจุดนี้ได้? เพราะความไม่ใส่ใจต่อบิดาผู้เหินห่าง เพราะมัวแต่ใช้ชีวิตเสเพลช่วงวัยมหาวิทยาลัยปล่อยโอกาสให้3แม่ลูกนั่นใกล้ชิดบิดาวัยชรา จนในที่สุดมรดกที่ควรเป็นของเขากลับถูกคนอื่นชุบมือเปิบ ขุนทศยังจำได้ถึงวันเปิดพินัยกรรมว่าเขาเหมือนไอ้หน้าโง่แค่ไหน เมื่อพยายามท้วงติงถึงความผิดปกติพินัยกรรมนี้ ท่ามกลางสายตาสมเพชของยัย3แม่ลูกนั่น ยัยแม่มดทั้งสาม..เขาประมาทเมียใหม่และลูกติดผู้เป็นบิดาเกินไปจริง ๆ ทุกอย่างตอกย้ำชัดจากเหตุการณ์ไม่กี่วันก่อน เมื่อจู่ ๆ ขุนทศได้เจออดีตแม่เลี้ยงร้านกาแฟแห่งหนึ่ง แววตาดูแคลนมองเหยียดตั้งแต่หัวจรดตีนราวประกาศชัยชนะบนใบหน้าที่ดูสาวเกินอายุ “ดูซูบไปเยอะนะ” แค่คำแรกจากริมฝีปากแดงสดก็เรียกความเกลียดชังให้ยิ่งพลุ่งพล่าน “ได้ยินมาว่าต้องคอยเปลี่ยนที่ทำงานสี่แห่งในรอบห้าปีมานี้คงลำบากแย่” “ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้เพราะใครล่ะ?” ขุนทศถามกลับพร้อมอาการสั่นเทิ้มด้วยแรงโทสะ สกุณา อดีตแม่เลี้ยงยิ้มเหยียดและเดินออกไปทิ้งความเกลียดชังให้ลุกโหม “โธ่เว๊ย! อย่าให้มีโอกาสนะกูจะเอาคืนของที่ควรเป็นของกูคืนมา” ขุนทศโวยวายและเมาแอ๋ตรงเคาท์เตอร์บาร์ หากเป็นที่อื่นเขาคงถูกโยนฐานะสร้างความรำคาญไปแล้ว โชคดีที่บาร์นี้เป็นร้านของ สกล เพื่อนตั้งแต่มหาวิทยาลัย สกลนั้นรับรู้ถึงความยากลำบากของเพื่อนคนนี้จึงได้แต่ตบไหล่ปลอบใจ “เรื่องมรดกมึงผ่านไปตั้งนานแล้ว ทำใจเถอะเพื่อน” ยิ่งฟังยิ่งขับความโกรธ รู้ตัวอีกทีขุนทศกำหมัดแน่นขณะกระดกแก้วช็อตเหล้าเข้าไปอีกอึก หลายปีมานี้เขาเผชิญความขมขื่น เขาพบกับความจริงที่ว่า การไม่มีเงินคือหมาตัวหนึ่ง คำนี้มิผิดเพี๊ยนและเขารู้ซึ้งแก่ใจยิ่งกว่าใคร ระหว่างนั้นเสียงกริ่งตรงประตูบาร์ดังขึ้น พร้อมแขกกลุ่มใหม่ เดินเข้ามา ตอนแรกขุนทศไม่สนใจแขกผู้มาใหม่จนได้ยินเสียงคุ้นเคยดังทางด้านหลังจึงเหลียวไปมอง ภาพของสาวสวยสองคนที่กำลังควงแขนชายหนุ่มดูดีห้อมล้อมไปด้วยเหล่าสมุนในชุดสูท คงเป็นเหตุการณ์ทั่วไปสำหรับบาร์มีระดับย่านใจกลางเมือง สกลรีบผละจากเพื่อนสนิทออกต้อนรับแขก VIP โดยไม่ทันสังเกตแววตาขุนทศมองสาวสวยทั้งสองเขม็ง “ขอเชิญโซน VIP ด้านบนครับ” สกลเชื้อเชิญแขกเงินหนากลุ่มใหญ่ขึ้นบันไดไปชั้นลอย แต่จู่ ๆตัวขุนทศได้ปรี่เข้ายืนขวางบันไดไว้ พลางชี้หน้าไปที่สาวสวยสองคนนั่น “เห็นจากผู้ชายที่ควงมาวันนี้ สันดานเธอทั้งคู่คงไม่ต่างจากแม่เธอสินะ” คำดูถูกและสายตากร้าวเพียงพอทำให้สองสาวพี่น้องทั้ง มายและ มินตรา จำชายที่อยู่ตรงหน้าได้เป็นอย่างดี การปะทะคารมหลายต่อหลายครั้งเมื่อครั้งที่ผู้เป็นมารดาอยู่ในสถานะแม่เลี้ยงของขุนทศ ก่อนจะเป็นตัวเขาที่ขอแยกออกไปอยู่คอนโด เปิดโอกาสให้สกุณาฮุบมรดกไปได้ มาย พี่สาวผู้อยู่ในลุคผมสั้นสีแดงเพลิงกับชุดชุดเดรสสีดำเซ็กซี่คลุมไหล่บางด้วยสูทสีแดงสด หลุบมองขุนทศในสภาพเมามายยืนแทบไม่อยู่พร้อมเหยียดยิ้มเย้ยหยัน “นึกว่าใครที่แท้ก็เป็นคุณทศนี่เอง ขอโทษที่จำแทบไม่ได้สภาพคุณเหมือน homeless (พวกเร่ร่อน) ยังไงยังงั้น” “จะดูดีเท่าคนที่โกงเงินครอบครัวคนอื่นหน้าด้าน ๆ ได้ยังไงล่ะ” “หน้าด้าน.. คำนี้น่าเหมาะกับพวกขี้แพ้ที่แม้แต่พ่อตัวเองยังไม่ยกอะไรให้มากกว่ามั้ง” คำยอกย้อนดั่งสุมไฟโทสะให้ลุกโชติ สังเกตได้จากแววตาแทบกินเลือดกินเนื้อของอีกฝ่าย บรรยากาศคุกรุ่นยิ่งขึ้นกับบรรดาการ์ดขยับเข้าแทรกกลางระหว่างขุนทศและมาย ยิ่งทำให้สาวมั่นผู้ไม่ชอบหน้าอดีตโจทก์เก่ายิ่งแผดเสียงดูแคลนดังลั่น “นี่เป็นบาร์แบบไหนคะถึงได้ปล่อยคนเมามาคุกคามแขกคนอื่นแบบนี้? ถ้าคุณไม่ทำอะไรสักอย่างฉันจะฟ้องร้องร้านคุณแน่!” ความกดดันถูกโยนไปให้สกล ขณะมินตรากุมมือพี่สาวพลางส่งสายตาปรามการกระทำ สาวสวยผมยาวสีดำขลับเงางามโดดเด่นด้วยดวงตาสุกใสดูออกถึงอาการอับอายที่ขุนทศแสดงผ่านสีหน้าโกรธ ทว่าดูท่ามายไม่ยอมเลิกราง่าย ๆ เธอหันไปออเซาะแฟนหนุ่มผู้มีสถานะเป็นลูกชายนักการเมือง “คนบ้ามันดูถูกมาย วินช่วยสั่งสอนมันให้หน่อยสิคะ” หนุ่มหน้าตี๋มองขุนทศแววตาเหี้ยม ก่อนส่งสัญญาณไปยังสมุนให้ปรี่ไปกระชากร่างขุนทศท่ามกลางอาการแตกตื่นของแขกเหรื่อทั้งร้าน.. ขุนทศสลบเหมือดหลังถูกการ์ดรุมกระทืบ เขาตื่นมาด้วยความระบมเจ็บปวดทุกสัดส่วนของร่างกาย เสื้อเชิ้ตเปรอะเปื้อนด้วยเลือดและฝุ่นรวมไปถึงใบหน้าปูดบวมรุนแรง ชายผู้พ่ายแพ้พบว่าตนเองอยู่ในกองขยะมืดมิดที่เหม็นหึ่ง เขาพยายามเต็มที่จะลุกขึ้นออกไปให้พ้นจากที่นั่นทว่าทุกครั้งที่ขยับความรวดร้าวแล่นแปลบ จนต้องคลานสี่ขาเขยิบไปทีละนิดแทน เหนืออาการปวดร้าวทางกายคือความเจ็บใจแสนยับเยิน “คอยดูเถอะ ถ้ารอดไปได้..” ขุนทศพ่นความแค้นลอดจากปากเต็มด้วยลิ่มเลือด เขาจดจำถึงสายตาคนในบาร์ที่ต่างมองเขามิต่างหมาข้างถนน สาบานว่าจะไม่ลืมความอับอายนี้และหาทางเอาคืนอย่างสาสม! ขณะคลานพ้นขยะกองโตไปตามทางลูกรังแสนเปลี่ยว สองข้างทางมีแต่ต้นกกสูงท่วมหัวอย่างหนาทึบ ทันใดนั้นขุนทศมองเห็นรถตู้สีดำแล่นตรงเข้ามา วินาทีที่แสงไฟหน้ารถสาดส่องกระทบร่างโชกเลือดของเขา รถตู้คันนั้นเร่งความเร็วพุ่งเข้ามาตรงร่างขุนทศผู้พยายามกระเสือกกระสนหนีตาย ตูม! ร่างที่บาดเจ็บสาหัสกระเด็นไปตามแรงกระแทกไกลหลายเมตรขุนทศสัมผัสอาการร้าวรานเกินทานทน เขารู้ตัวว่าวาระสุดท้ายของชีวิตกำลังมาถึงในไม่ช้า ร่างกายแหลกเละกระดูกหักหลายท่อนและสำลักลิ่มเลือดออกจากปากมิขาด ระหว่างได้ยินฝีเท้าชายสองคนเดินมาดูผลงานพูดคุยกัน “อีหรอบนี้คงตายแน่ล่ะ” “เอาให้ชัวร์เถอะมึง ถ้ากูกับมึงทำงานพลาดคุณวินเอาเราสองคนตายแน่!” วิน.. ผัวนังมายน่ะเหรอ? ห้วงความคิดปั่นป่วนสมองไม่เลิก ขุนทศเห็นปืน.38ชี้เล็งมายังเขาผู้หายใจรวยริน ภาพสุดท้ายคือต้นไทรใหญ่ที่อยู่ด้านข้างมีศาลเพียงตาเล็ก ๆ ขุนทศไม่ได้ภาวนาร้องขอชีวิต ตรงข้ามเขากลับขอในสิ่งค้างคาใจมานาน หากได้ย้อนเวลากลับไปเขาจะแก้ไขมันทั้งหมด ฉับพลันเสียงปืนดังขึ้นแล้วทุกอย่างมืดมน.. ตึง ตึง ตึง เสียงกระทบอะไรสักอย่างปลุกสติขุนทศให้ตื่น ภาพแรกที่เห็นดูคุ้นตาอย่างประหลาดทั้งฝ้าลายท้องฟ้า รวมไปถึงสภาพห้องกับเตียง ขนาดหกฟุตที่นอนอยู่ตอนนี้ ขุนทศค่อย ๆ ลุกนั่งพร้อมอาการปวดศีรษะอย่างหนัก เขาจำได้ว่าเขาควรจะตายเยี่ยงหมาข้างถนนไปแล้วแท้ ๆ แต่เหตุใดจึงมาอยู่ในห้องนี้ได้? ขุนทศผู้สับสนกำลังเอามือคลึงบริเวณขมับขณะเสียงทุบประตูยังดังต่อเนื่องตามด้วยเสียงตวาด “ไอ้ทศ ไอ้ลูกตัวดี! มึงจะจงเกลียดจงชังอะไรคุณณาเขานักหนา?” ขุนทศขมวดคิ้วมุ่น เขาจำได้เสียงนี้เป็นเสียงบิดาผู้ล่วงลับของเขา ทันใดนั้นตัวเขารีบผุดลุกขึ้นตรงไปยังเคาท์เตอร์กระจกในห้องน้ำแล้วได้พบปาฏิหาริย์บังเกิดต่อหน้า ขุนทศหาได้ใช่ชายวัย40ผู้โรยราแต่กลับกลายเป็นชายหนุ่มวัย20ปี เขาเอามือลูบใบหน้ามนและลงมือตบใส่แก้ม ความเจ็บแปลบปลุกสติย้ำให้รู้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปแต่อย่างใด “นี่มันเกิดอะไรกันแน่วะเนี่ย?” คำถามมากมายผุดเต็มหัว แต่เพียงแวบเดียวเมื่อเสียงตวาดของบิดายังคงดังอยู่ ขุนทศรีบวิ่งไปเปิดบานประตูห้องนอนเห็น ชัชวาลยืนจ้องเขาราวกินเลือดกินเนื้อ บิดาวัย60เตรียมตวาดใส่ลูกชายแต่แล้วตัวเขาต้องชะงักที่จู่ ๆ ขุนทศโผเข้ากอดพร้อมอาการสะอึกสะอื้น “นี่แกเป็นอะไรไป? ปกติแกต้องยืนเถียงพ่อนี่นา” ชัชวาลทำอะไรไม่ถูก ตามที่คิดไว้คือการปะทะคารมดุเดือดกับขุนทศผู้ไม่เคยยอมใคร แต่ปฏิกิริยาของลูกชายเพียงคนเดียวที่แสดงออกมิต่างเมื่อครั้งยังเป็นเด็กน้อยผู้ชอบวิ่งมากอดเขาอยู่เสมอ ชัชวาลเอามือหนาตบไหล่ขุนทศก่อนเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน “เอาเถอะ ถ้าแกสำนึกแล้วพ่อก็จะไม่ดุแก จัคการตัวเองแล้วลงไปทานมื้อเช้าด้วยกัน อ้อ แล้วเตรียมคำพูดไปขอโทษคุณณาด้วย” ขุนทศก้มศีรษะรับคำ มองดูชัชวาลเดินลงบันไดไปพลางคิดครุ่นถึงความไม่ปกติที่เขาเผชิญอยู่ กระทั่งทฤษฎีหนึ่งเวียนมาในหัว “หรือว่า..” ขุนทศรีบวิ่งเข้าไปในห้องตรงไปยังสมาร์ทโฟนที่เป็นรุ่นเก่า โดยหน้าจอบอกวันเวลาเป็นวันที่20 กรกฎาคม ค.ศ 2015 (***ตอนขุนทศอายุ42ปีถือเป็นการปัดเศษอนาคตข้างหน้าตามอายุปัจจุบัน เพราะถ้าย้อนไปยุค90 ผู้เขียนข้อมูลไปแน่นพอ) ชายหนุ่มยืนตัวติดตรึงอยู่กับที่ ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองสามารถย้อนกลับมาช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตได้ เขาไม่อาจทราบถึงปาฏิหาริย์ใดมาช่วยเขาไว้ แต่ที่แน่ ๆ ขุนทศยังจดจำถึงชีวิตอัปยศและการตายว่าเป็นฝีมือของใคร ขุนทศยืนหัวเราะอย่างบ้าคลั่งในเมื่อได้กลับมาแก้ตัว เขาจะใช้โอกาสนี้ ‘เอาคืน’ ทุกคนให้สาสมและเปลี่ยนอนาคตให้เขากลายเป็นผู้ชนะเพียงคนเดียว!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD