- 1 อาทิตย์ผ่านไป -
วันนี้เป็นวันศุกร์สุดสัปดาห์มาเบลล์ก็มาโรงเรียนเหมือนกับทุกๆวันแต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือสายตาของเพื่อนๆในห้องเรียนที่มองเธอแปลกไปในตาของทุกคนมีเพียงคำดูถูก ต่อว่า สมน้ำหน้าอยู่ในนั้นโดยเฉพาะ จีน่า
“ เบลล์เธอยังไม่จ่ายค่าเทอมเหรอ เห็นอาจารย์เขาคุยกันนะ ” จีน่าเพื่อนไม่สนิทเอ่ยถามและจ้องมองเธอด้วยสายตาเหยียดหยามอย่างปิดไม่มิด
“ อือ เราติดต่อแม่ไม่ได้นะ ” มาเบลล์เอ่ยบอกตามความเป็นจริงอย่างไม่นึกอายเพราะเธอเลยจุดอายมามากแล้ว
“ เหรอ งั้นเธอควรลาออกจากที่นี่นะพวกเรามาเรียนจ่ายเงินกันทุกคนแถมแต่ละปีครอบครัวฉันก็สมทบทุนให้กับโรงเรียนหลายแสนบาทถ้าเธอไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมเธอไม่ควรได้เรียนต่อที่นี่ “ จีน่าเอ่ยขึ้นสังคมคนรวยที่ต่างคนต่างเอาเงินมายัดให้กับโรงเรียนเพื่อซื้อทั้งสังคม ความสะดวกสบายและหน้าตาทางสังคมให้กับลูกหลาน แม้กระทั่งมาเบลล์เองเธอก็จ่ายให้ทุกปีเหมือนเพื่อนๆทุกคน
” ออกไป เก็บกระเป๋าของเธอแล้วเดินออกไปจากที่นี่ซะ “ จีน่าชี้ไปยังมาเบลล์และเอ่ยปากไล่ราวกับตัวเองเป็นเจ้าของโรงเรียนก็ไม่ปาน
” ใช่ เธอควรออกไป ออกไป! ออกไป! ออกไป!” เสียงของเพื่อนๆในห้องโห่ร้องขับไล่เธอเหมือนหมู เหมือนหมา สองขาเรียวสาวเท้าถอยหลังหนีด้วยความตื่นตกใจจนแผ่นหลังชนเข้ากับกำแพงห้อง ดวงตาสีเทากลมโตที่เก็บน้ำตาเอาไว้นานปลดปล่อยให้หยาดน้ำสีใสไหลรินอาบแก้มต่อหน้าเพื่อนๆทั้งห้อง มือเรียวเล็กที่กำลังสั่นเทาเก็บหนังสือเรียนเข้ากระเป๋า ก่อนจะสะพายกระเป๋าเดินออกจากห้องเรียนไปท่ามกลางเสียงดูถูกและเย้ยหยัน สองเท้าเล็กที่สวมรองเท้านักเรียนสีดำสาวเท้าเร็วๆจะเข้าลิฟต์ทว่าเธอจะต้องหยุดฝีเท้าลงเมื่อได้ยินเสียงเรียก
“ มาเบลล์ ”
“ ฮึก..ค่ะคุณครู ” เธอตอบรับพร้อมเสียงสะอึกสะอื้น
“ เออ…ครูเอาหนังสือพักการเรียนมาให้นะ ฝากไปให้ผู้ปกครองด้วยแต่เธอยังกลับมาเรียนได้ปกติหลังจากชำระค่าเทอมแล้ว “ ซองสีขาวถูกยื่นไปตรงหน้ามาเบลล์รับมันมาใส่กระเป๋านักเรียนแล้วหมุนตัวเข้าลิฟต์ไปทันที ปลายนิ้วชี้กดไปที่ชั้น L ร่างบางทรุดกายลงนั่งกอดเข่าร้องไห้เธอคิดอะไรไม่ออก ทำอะไรไม่ถูกแล้วในตอนนี้มันดับมืดไปทุกทางผู้เป็นแม่ที่เคยเป็นความหวังกลับมาทำลายอนาคตของเธออย่างงั้นเหรอ…
“ ฉันไม่ได้เรียนหนังสือต่อแล้วใช่ไหม ฮืออ.. ” เธอเอ่ยพึมพำคนเดียวอยู่ในลิฟต์ โชคยังดีที่ตอนนี้เป็นช่วงเช้านักเรียนทุกคนต่างกำลังเรียนในวิชาแรกกันอยู่มีเพียงเธอที่ต้องสะพายกระเป๋าเดินออกจากโรงเรียนไปพร้อมกับคำดูถูก ดูแคลนจากเพื่อนๆ
ครืน! ครืน! ซ่า!
ทว่าในขณะที่เธอกำลังเดินอยู่ริมถนนเสียงคำรามบนท้องฟ้าดังสนั่นหวั่นไหวไม่นานเม็ดฝนก็พากันตกลงมาพวงแก้มขาวเนียนเปียกไปด้วยหยาดน้ำตาและเม็ดฝนจะแยกไม่ออก
ร่างบางในชุดนักเรียนมัธยมปลายเปียกชุ่มไปทั้งตัวมือถือราคาแพงที่อยู่ในกระเป๋าดับวูบลงไปมันคงพังไปพร้อมๆกับความรู้สึกของเธอในตอนนี้
นานนับชั่วโมงที่มาเบลล์เดินอยู่บนฟุตบาททางกลับบ้านของเธอจนร่างบางมายืนอยู่นอกรั้วบ้านดวงตาคู่สวยมองบ้านหลังใหญ่ที่เธอเคยมีความสุขอยู่ในนั้นภาพของพ่อที่เธอรักฉายชัดขึ้นในความรู้สึกทุกมุมบ้านมันมีแต่เสียงหัวเราะพูดคุยของเธอกับพ่อ ร่างบางเปียกโชกก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปในบ้านภายในยังเงียบเชียบเหมือนอย่างทุกวัน
เธอพาร่างตัวเองเดินตรงไปยังรูปภาพผู้เป็นพ่อที่แขวนไว้ตรงผนังบ้าน
” แด๊ดข๋า หนูคิดถึงแด๊ดจังเลย ฮึก!..ฮือ!.. หนูคงไม่ได้เรียนต่อแล้ว ฮือ…” เธอปล่อยโฮออกมาในมือกำชายเสื้อนักเรียนเอาไว้แน่น ต่อให้เธอคิดหาทางออกยังไงมันก็เหมือนจะตันไปทุกทางอุปสรรคครั้งนี้มันยากที่จะให้เด็กอายุ 17 ปีอย่างเธอมาแก้ปัญหามันได้ด้วยตัวเอง
ภายในบ้านก็โล่งจนแทบไม่มีอะไรแล้วแม้แต่โซฟาสุดหรูที่เคยนั่งพูดคุยกันก็ถูกขนออกจากบ้านไปแล้ว ทุกค่ำคืนที่เธอกำลังหลับฝันด้านล่างจะมีคนเข้ามาขนทรัพย์สินออกไป หากคืนไหนที่เธอยังไม่หลับเธอทำได้เพียงเอาหูแนบกับประตูแอบฟังเสียงไม่กล้าแม้แต่จะเปิดประตูออกมาดู
มาเบลล์เปิดกระเป๋าเป้ที่เปียกชุ่มและหยิบมือถือออกมาดูพบว่ามันเปียกและเปิดไม่ติดแล้วมันคงพังไปแล้วจริงๆ
บรื้น! บรื้น!
เอี๊ยด..!
ทว่าในขณะที่เธอกำลังนั่งจมอยู่กับความทุกข์เสียงรถสองคันขับเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน มาเบลล์ไม่รอช้ารีบลุกออกไปดูมันเป็นมุกดาแม่ของเธอจริงๆ
“ แม่ค่ะ แม่ไปไหนมาหนูโทรแม่ไม่เคยรับสายหนูเลยแม่ไม่โทรกลับ แม่ไม่จ่ายค่าเทอมให้หนูจนเขาพักการเรียนหนูแล้ว ฮือ….ทำไม่แม่ถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้คะ “ เธอร้องไห้โฮพร้อมเอ่ยถามแม่หลายต่อหลายคำถาม
” หยุดพูดแล้วขึ้นไปเก็บเสื้อผ้าฉันขายบ้านหลังนี้ไปแล้ว “ มุกดาทำราวกับไม่ได้ยินในสิ่งที่ลูกถามและเอ่ยบอกลูกด้วยน้ำเสียงเย็นชา
” ขาย! แม่จะบ้าเหรอค่ะนี่บ้านของเรานะแม่ขายได้ยังไง ! “ มาเบลล์ตะโกนเสียงดังลั่นใส่แม่เธอทั้งตกใจ ผิดหวัง เสียใจจนสับสนไปหมด
เพี๊ยะ!
ผ่ามือบางฟาดไปที่แก้มนวลของลูกสาวจนมาเบลล์หน้าหันไปตามแรงตบ มือเล็กๆยกขึ้นมาทาบแก้มตัวเองด้วยความเจ็บปวด เธอกัดฟันร้องไห้เงียบๆกับครั้งแรกที่แม่กระทำรุนแรงกับเธอ
เจ็บที่กายคงไม่เท่ากับเจ็บที่ใจของเธอในตอนนี้!
“ แกอย่ามาขึ้นเสียงใส่ฉันอีกไปเก็บเสื้อผ้า ” ปลายนิ้วชี้ของมุกดาจิ้มไปยังหน้าผากของลูกสาวก่อนจะออกแรงผลักจนมาเบลล์แทบหงายหลัง
ปัง!
มาเบลล์มีคำถามมากมายอยากจะถามแม่ให้รู้เรื่องเธอก็ไม่ทันจะได้ถามอะไรเมื่อเห็นชายอีกคนเปิดประตูลงจากรถมา เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชายคนตรงหน้าคือใคร เขามากับแม่เธอได้ยังไง เป็นอะไรกับแม่ของเธอกันแน่ คำถามที่เธอไม่กล้าถามและเป็นคำถามที่เธอคงไม่ได้คำตอบ
“ ลูกสาวเธอก็สวยดีนี่ ” น้ำเสียงทุ้มต่ำของชายตรงหน้าเอ่ยพูดกับมุกดาก่อนจะจ้องมองมาเบลล์เขามองทะลุเสื้อนักเรียนที่เปียกชุ่มเข้าไปถึงเนื้อใน มาเบลล์เห็นถึงสายตาหยาบโลนนั้นเธอรีบหันหลังวิ่งขึ้นห้องนอนของตัวเองไปด้วยความกวาดกลัว ร่างบางเข้าไปนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ในห้องน้ำเสียงที่ผ่ามือแม่ฟาดไปที่ใบหน้าของเธอยังดังก้องอยู่ในหู
“ ฮือ….. ” มาเบลล์ยกมือสองข้างของตัวเองขึ้นมาปิดหูพร้อมร้องไห้เสียงดังอยู่ในห้องน้ำเธอไม่อยากได้ยินเสียงแห่งความเจ็บปวดนั้นเลย แต่หูและความรู้สึกเจ้ากรรมดันจดจำมันไม่ลืม แก้มนวลที่แม่เคยหอมวันนี้มันมีรอยนิ้วมือทั้งห้าของแม่ประทับอยู่ ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆเปลี่ยนไปแม้แต่ความรู้สึกระหว่างแม่ลูก อีกทั้งแม่ยังพาใครที่ไหนก็ไม่รู้มาเหยียบบ้านหลังนี้ ที่โชคร้ายและแย่ไปกว่านั้นคือแม่กลับขายบ้านที่เคยอบอุ่นหลังนี้ไปแล้ว
“ แม่ใจร้ายกับหนูทำไมคะ แม่ไม่รักหนูแล้วใช่ไหม..? ”
มันเป็นคำถามแสนเจ็บปวดที่เธอถามโดยไม่มีคู่สนทนาอยู่ด้วย มาเบลล์เด็กสาวในวัย 17 ปีหอบร่างกายที่แสนจะเหนื่อยล้าไปอาบน้ำแต่งตัว และเดินออกมาเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าตามคำสั่งของแม่ก่อนจะลากกระเป๋าออกจากห้องนอนมาเบลล์เดินไปยังห้องทำงานของผู้เป็นพ่อ เธอเปิดเซฟที่คิดว่าภายในคงมีอัญมณีมีค่าแต่ด้านในเซฟกลับว่างเปล่าไม่มีอะไรในนั้นเลย เรียวคิ้วสวยขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย มันทำให้เธอรู้แล้วว่าทุกอย่างมันจบลงแล้วและสิ่งที่พ่อเธอสร้างสมมามันหมดแล้ววันนี้
“ เสร็จหรือยัง ” มุกดาเดินขึ้นมาตามลูกสาว เธอใช้น้ำเสียงที่ดูเหมือนจะหงุดหงิดรำคาญเอ่ยถามลูกสาว
“ แม่คะ ของๆแด๊ดในนี้ละคะ ”
“ ไม่ใช่เรื่องของแกรีบเอากระเป๋าไปขึ้นรถ ” มุกดาออกคำสั่งกับลูกสาวอีกครั้ง มาเบลล์ที่ทำอะไรไม่ได้เดินออกจากห้องทำงานไปและไม่ลืมที่จะหยิบกรอบรูปบนโต๊ะทำงานของพ่อติดมือไปด้วย
ร่างบางนั่งตัวแข็งทืออยู่บนรถตู้คันที่เธอใช้เป็นประจำ หลังพวงมาลัยก็ยังมีชายอีกคนนั่งมองเธอผ่านกระจกมองหลังด้วยรอยยิ้มมุมปาก จนมาเบลล์ทนต่อสายตาลามกไม่ได้ลุกออกจากที่นั่งไปนั่งยังเบาะในสุดแม่จะพาเธอไปไหน บ้านใหม่จะเป็นยังไง การเรียนของเธอต้องจบแค่นี้ใช่ไหมคำถามมากมายที่เธอเอาแต่ถามตัวเอง จนกระทั่งรถค่อยๆขับเคลื่อนออกจากบ้านมาเบลล์มองออกไปนอกรถด้วยความอาลัยอาวรณ์ความสุขและความทรงจำดีๆเธอจะทิ้งมันไว้ที่นี่ ดวงตาสีเทาคู่นั้นมีแต่น้ำตาสีใสที่ไหลออกมาไม่ยอมหยุด
ใจหายเหมือนกันนะลาก่อนความสุขของมาเบลล์
ใจดวงน้อยเอ่ยคำลาก่อนที่รถจะเคลื่อนออกนอกรั้วบ้านหลังใหญ่ไป ส่วนรถอีกคันที่ขับเข้ามาพร้อมกับแม่ของเธอก็คงเป็นคนของเจ้าของบ้านใหม่สิน่ะ
- 45 นาทีต่อมา -
รถตู้ขับมาจอดยังบ้านเดี่ยวหลังเล็กกระทัดรัดมาเบลล์ลงมาจากรถมองเข้าไปในบ้านใหม่ที่ไม่ได้สบายเท่าไหร่นัก มันเป็นบ้านมือสองที่สภาพค่อนข้างโทรมรอบๆบ้านยังมีบ้านที่มีคนอาศัยติดกันแต่หลังที่อยู่ตรงหน้าเธอเหมือนจะโทรมกว่าหลังอื่นๆ
“ เอากระเป๋าเข้าไปเก็บสิ ส่วนเรื่องเรียนแกก็ไปเรียนต่อ กศน เอาก็แล้วกัน ” มุกดาเอ่ยบอกลูกสาวเพียงคนเดียวเสียงเรียบ
“ แม่คะ หนูไม่เข้าใจอะไรสักอย่างแม่ช่วยอธิบายให้หูฟังหน่อยได้ไหมคะ “ เธอสงสัยในความคิดและการกระทำของแม่มากเหลือเกินจึงตัดสินใจเอ่ยถามออกไป
“ จะต้องเข้าใจอะไรอีกขายบ้าน ย้ายบ้าน ออกจากโรงเรียนไฮโซนั่นแล้วมาเรียน กศน มันจะไปเข้าใจยากตรงไหน ” มุกดาไม่คิดจะอธิบายอะไรให้ลูกฟังเลยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับทุกๆอย่างที่เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ
พรึบ!
“ ไปสิจ๊ะหนูเบลล์เข้าบ้าน ” ชายคนขับรถจับไปที่แผ่นหลังเล็กของมาเบลล์และเอ่ยบอก ทำให้มาเบลล์ต้องรีบพาตัวเองหลบสัมผัสของเขาอย่างไวด้วยความรู้สึกรังเกียจทั้งหมดที่มี เธอรังเกียจผู้ชายคนนี้มากเหลือเกิน มุกดาที่เห็นทุกอย่างกลับปิดปากเงียบไม่เอ่ยพูดอะไรออกมาเลยแม้จะเห็นสายตาเศร้าสร้อยของลูกสาวแต่เธอก็ไม่ได้สนใจและไม่คิดสงสาร
^^