ปัง! ปัง!
เสียงปืนดังมาแต่หลังสองนัดติด เฉี่ยวใบหูอังกูรเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด มือใหญ่ขวาบีบมือเล็กของภรรยาแน่น ส่วนอีกมือจูงลูกชายที่วิ่งไม่คิดชีวิตสลับกับหมอบคลาน สับขาเป็นระวิง
'หยุดเถอะเสี่ย ยังไงก็หนีไม่พ้นหรอก'
ชายฉกรรจ์ชุดดำไม่ต่ำกว่าสิบคนวิ่งไล่หลัง ถือปืนคนละกระบอก หนึ่งในนั้นตะโกนข้ามมา ใช้ปลายกระบอกชี้หน้า เตรียมลั่นไก
‘มิเชล พาลูกหนีไป’
‘ไม่ค่ะ!’
‘มิเชล! อย่าดื้อคุณก็เห็นหรือ มันยิงจริงๆ'
‘ฮือๆ ไม่นะคะ อังกูร ฉันจะไม่ทิ้งคุณเด็ดขาด ถ้าจะตายก็ตายด้วยกัน'
‘แต่ลูกของเรา...'
ทั้งคู่เหลือบมองผสานกับดวงตาสีสนิม ที่ตอนนี้แดงก่ำน้ำตาคลอเบ้า มือเล็กขยุ้มเสื้อคนเป็นแม่ไว้แน่น ซุกหน้าหลบหลัง ด้วยความหวาดกลัวสูงสุด
'เขายังเด็ก จะตายไม่ได้'
ปัง!!
‘อังกูร!!!! ไม่!!!!'
ทันทีที่เสียงปืนดัง ดวงตาของมิเชลขยายกว้าง เสียงหวีดร้องดังลั่นไปทั้งบริเวณ
‘พ่อ!!!!'
ช้างเท้าหน้าถูกยิง ล้มลงต่อหน้าต่อตา เข่าคู่ของเขาล้มพับกระแทกถนน ขบกรามเข้าหากันเป็นเส้นสันปูด ระบายความเจ็บปวดออกมาผ่านไรฟัน ราวกับภาพนั้นคือภาพช้าจงใจให้เห็นชัด
ขณะนั้นสายตาคู่คมกริบยังเปี่ยมไปด้วยความห่วงหาอาทรลูกและเมีย อังกูรเงยหน้ามองภรรยา สลับกันกับศัตรูข้างหลัง ตวัดสายตาไปยังท่าเทียบเรือใกล้ๆ เมื่อเห็นเรือลำหนึ่งกำลังแล่นมา ความหวังสุดท้ายก็เริ่มก่อตัวขึ้นทันที
‘พาลูกหนีไปซะมิเชล ตอนนี้เลย ก่อนที่มันจะเดินมาถึง’
‘แต่ว่า...’
‘นี่คือคำสั่ง’
เดิมทีภรรยาของเขาเป็นคนดื้อดึง ด้วยความดื้อของหล่อนทำเขาต้องกัดฟันกรอด ขณะคนเป็นลูกทำได้แค่มองพ่อกับแม่เถียงกัน เขามีความหวาดผวาไม่แพ้กันเลยกับคนเป็นแม่ ระบายความกลัวโดยการขยุ้มชายเสื้อผู้เป็นแม่แน่น ตอนนี้สถานการณ์อยู่ในช่วงคับขัน ไม่เหมาะอย่างยิ่งในการใช้ความคิดแบบยาวนาน นาทีนี้ต้องตัดสินใจด้วยเศษเสี้ยววินาทีเท่านั้น แน่นอนเขาเลือกที่จะให้ลูกมีชีวิตต่อ..
'มิเชล ได้โปรด..ลูกจะต้องเติบโตเขาไม่ได้รู้เรื่องด้วย '
คำพูดของสามีกลอกหู ความหงุดหงิดปนเข้าใจบังเกิด จนกระทั่งทนแรงกดดันต่อไปไม่ไหว เด็กชายถูกหิ้วปีกไปเพราะมารดา ในตาพร่ามัวของอังกูรจึงได้เห็นภาพนั้นราวกับเป็นภาพช้าอีกครั้ง เขาคลี่ยิ้ม ก่อนร่างกายจะกระตุกและนอนคว่ำหน้าก็ตอนท้ายทอยถูกกระสุนเจาะอีกนัดหนึ่ง
ปัง!
ชนิดวิญญาณหลุดออกจากร่างแบบไม่ต้องทรมานนาน!
.
แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก
เสียงลมหายใจหอบถี่ บ่งบอกให้รู้ว่าคนที่แบกเขาอยู่นั้นกำลังเหน็ดเหนื่อย และคงจะหมดแรงลงในอีกไม่ช้าหากไม่ถึงจุดหมายปลายทางสักที มิเชลวางลูกลง นั่งประจันหน้ากับเขาในท่าคุกเข่า ยื่นมือเรียวบางไปกุมแก้ม
‘อีคอนฟังแม่นะ แม่จะต้องกลับไป... กลับไปช่วยพ่อของลูก บางทีอเล็กอาจจะเปลี่ยนใจไว้ชีวิตเขา ที่ลูกเห็นน่ะ มันคือการยิงขู่เท่านั้น ฉะนั้น..’
‘ไม่ฮะ ไม่เอา...ผมไม่โดด’
คราวนี้คงถึงเวลาที่เด็กหนุ่มแสดงความต้องการของตัวเองบ้างและร้องไห้ขึ้นมาจริงๆ แล้ว เมื่อเข้าใจทุกถ้อยคำสั่งของคนเป็นแม่ เหลือบมองเรือที่กำลังจะแล่นผ่าน ส่ายหน้าเป็นพัลวัน
‘อีคอน... ลูกต้องทำ นั่นคือหนทางรอดสุดท้ายของเรา ไม่ต้องห่วงแม่ แม่จะไม่ยอมตายจนกว่าลูกจะโต แต่พ่อนี่สิน่าเป็นห่วง เพราะเขาไม่เหลือใครเลย ฉะนั้นอีคอน ลูกต้องโดด..'
'ไม่ครับ... ผมกลัว'
‘โธ่ลูกจ๋า..แม่สิต้องกลัว กลัวลูกจะเป็นอะไรไป ได้โปรดเถอะนะลูก ทำเพื่อแม่สักครั้ง’
สายตาคู่คมสีเทา ช้อนมองลูกชายด้วยความแน่วแน่ ใช้วาจากล่อมทั้งๆที่มันไม่จริงสักนิด หล่อนโกหกลูก เพียงแค่ต้องการให้ลูกรอด แต่หล่อนไม่ต้องรอดก็ได้ รู้อยู่เต็มอก หากหนีกันสองคน อย่างไรก็ต้องถูกตามล่าอยู่ดี สู้ให้ลูกที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวของหล่อนไปตายเอาดาบหน้าเสียดีกว่า
‘ไม่ฮะ ไม่เอา’
‘โดดซะอีคอน’
เสียงเข้มนั้นย้ำอีกครั้ง เด็กชายใช้ตาสีสนิมจ้องมองหน้าแม่เขม็ง เสมือนเป็นรางบอกเหตุให้รู้ว่า นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้เห็นแม่
‘ถ้างั้น..เราจะเจอกันอีกไหมฮะ’
แต่ก็ยังอยากจะได้คำพูดที่ทำให้สบายใจอยู่ดี
‘เจอสิจ๊ะ เจอแน่นอน’
อาศัยจังหวะเด็กน้อยเผลอ ผลักเขาลงไปในเรือ หล่อนยืนมองลูกอยู่พักก่อนจะหมุนตัววิ่งหลับไปหาสามีพร้อมน้ำตา
‘แม่!!’
โชคดีจุดที่อีคอนตกลงไป เป็นกองตาข่ายอวนซึ่งไม่ได้ทำให้เขาเจ็บตัวสักเท่าไหร่
เสียงตะโกนเรียกดังกึกก้องนานน้ำทะเล กังวานลอยละล่องมาถึงหูคนเป็นแม่จนหล่อนต้องข่มตาลงริมฝีปากสั่นระริก ส่วนเขากว่าตั้งหลักมายืนได้ก็พบว่าเรือได้พาเขามาไกลจากตรงนั้นมากแล้ว แต่ก็ยังได้ยินเสียงปืนลอยมา
ปัง! ปัง!
ย่ำยีหัวใจเด็กคนหนึ่งสลายไป