อีคอน -04 คู่ปรับสมน้ำสมเนื้อ

1381 Words
คฤหาสน์หรูถูกสร้างขึ้นมาให้ดูคล้ายกับปราสาทมากที่สุด หญิงสาวเนื้อแน่นสูงแบบฉบับสาวยุโรป เดินลงมาจากรถทันทันทีที่มาถึง “นี่ลูกสาวพ่อหรือนี่ สวยจนจำไม่ได้เลย” “คุณพ่อ สวัสดีค่ะ ไม่เจอกันนานคิดถึงจังเลย ว่าแต่ทำไมไม่ไปรับหนูที่สนามบินละคะ” ประโยคหลังหญิงสาวทำหน้ามุ่ย กระเง้ากระงอดอย่างน่ารัก “พ่อติดประชุม ทิ้งไม่ได้จริงๆ แต่ไม่เป็นไรนะ ไว้พ่อจะชดเชยให้” “จริงนะ พ่อพูดแล้วนะ” “อืม ลูกอยากได้อะไรหลังจากนี้ บอกพ่อ” อเล็กกระตุกมุมปาก มองคนเป็นลูก ซึ่งกำลังมองหน้าตน ก่อนจะเลื่อนสายตาไปจ้องเขม็งอีกคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง “แฮ่ม เมเบล พ่อลืมแนะนำ ...” “จำได้ค่ะ” “หืม?” “จำได้ดี จนลืมไม่ลง” เธอเอ่ยเสียงเย็น พร้อมยิ้มหวาน “สวัสดีค่ะ คุณวินัส” ผู้เป็นพ่อลอบถอนหายใจ เขาอุตส่าห์แยกให้อยู่คนละที่ตั้งแต่เมเบลยังเด็ก นึกว่าความห่างจะทำให้ดีขึ้น เปล่าเลย ต่างฝ่ายต่างจ้องตากันจนเขารู้สึกอึดอัด “แฮ่ม..” เขายกท่อนแขนแกร่งโอบไหล่คนเป็นลูก ทว่าสาวเจ้ากลับผลักไสแล้วถอยหนี “คุณพ่อนี่ มีความอดทนสูงจังเลยนะคะ สามารถอยู่กับคนแบบนี้ได้ ตั้งหลายปี” “เฮ้..ไม่เอาน่า เพิ่งจะมาถึงแท้ๆ” “แล้วยังไงคะ?” “ก็ไม่ยังไงหรอก แต่พ่อคิดว่าลูกควรพักผ่อน” เดาว่าเขาคงจะต้องเพิ่มยาแก้ปวดหัวหลังจากนี้ เพราะดูท่าทั้งสองคนระหว่างลูกของเขา กับภรรยาเด็กไม่มีใครยอมใคร “ถ้างั้นเบลขอตัวนะคะคุณพ่อ มื้อเย็นไว้ลงมาทานข้าวด้วยค่ะ” ทันทีที่ได้ยินเสียงตัดบท อเล็กซ์ถึงกับต้องปิดเปลืองตาลง มองตามแผ่นหลังของลูกสาว ด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนใจสุดๆ ก่อนหันมามองภรรยาด้วยสายตาไม่พึงพอใจ “ยอมได้ก็ยอมนะวีนัส ผมปวดหัว” ทิ้งพร้อมประโยคคำขอที่ทำให้คนฟังขุ่นมัวมากขึ้น เรื่องอะไรมาให้หล่อนยอม สำหรับหล่อนเมเบลก็แค่เด็กเมื่อวานซืนคนหนึ่ง ที่ถ้าไม่มีพ่อเมื่อไหร่ปีกที่ว่าแข็งแกร่งบินไกลอยู่ในตอนนี้ก็คงหักโค่นลงได้ “ก็ถ้ามันทำให้คุณสบายใจ วีก็ไม่ขัดหรอกค่ะ ทำให้คุณได้ทั้งนั้น” แต่ด้วยสถานะที่เป็นรองมาตลอด ไม่ใช่นายหญิงของบ้านซะทีเดียวแบบร้อยเปอร์เซ็นอย่างที่คนนอกเข้าใจ จำต้องฝืนใจรับปากไปอย่างนั้นทั้งที่ก่นด่าอยู่ในใจ ไม่กล้าแสดงธาตุแท้ออกมาให้อเล็กเห็น เพราะเกรงว่าคะแนนที่สะสมมาตลอดของหล่อนจะร่วงลง เสียงเคาะประตู ทำลายความสุขเล็กๆ ของเมเบลซึ่งนอนขดตัวอยู่บนเตียง หญิงสาวยันตัวลุกขึ้นนั่ง เดินไปเปิดด้วยสีหน้าบึ้งตึง “มีอะไรคะ” “ต้องขอโทษนะคะที่รบกวน คุณท่านเรียกคุณหนูทานข้าวค่ะ” ทันทีที่ประตูแง้มออกพร้อมสีหน้างัวเงียของคนข้างใน แม่บ้านถึงกับกลืนน้ำลายลงคอดังอึก กลัวว่าหล่อนจะโกรธพานทำร้ายกัน แต่เปล่าเลย ร่างบางเอาแต่ยืนนิ่งเท่านั้น “แค่นี้?” “ ชะ ใช่ค่ะ” “ได้ค่ะ เดี๋ยวตามไป” โต๊ะอาหารถูกจัดเรียงอย่างใส่ใจและมืออาชีพ โดยพ่อบ้านแม่บ้านที่มากประสบการณ์ ทุกคนดูตื่นเต้น ที่นานๆทีจะมีงานใหญ่สักครั้ง เมเบลลงมาพบว่าทุกคนรออยู่ที่โต๊ะ จึงเร่งฝีเท้าที่เชื่องช้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิมอีกนิดหนึ่ง ทว่าเหมือนอาหารมากมายที่ว่าจะไม่มีค่าในสายตาเธอ เพราะทันทีที่มาถึงเธอกลับเรียกร้องหาอย่างอื่น ของที่ไม่มีอยู่บนโต๊ะ “คุณพ่อ เมเบลอยากทานโจ๊กค่ะ” คนเป็นพ่อเลิกคิ้วสูง ต่างกับเหล่าคนใช้ที่พากันก้มหน้างุด เพราะคิดว่านายหญิงที่มากเรื่องที่สุดอย่างวีนัส ไม่ได้มีคนเดียวซะแล้ว เดาได้ทันทีว่าหลังจากนี้ชีวิตพวกหล่อนคงไม่สงบสุขอีกต่อไปเป็นแน่ “จวง” “ค่ะท่าน” “มีไหม” “ได้ค่ะ รอเดี๋ยวเดียวนะคะคุณหนู จวงไปทำมาให้” “ขอบคุณค่ะ” “ลูกมานั่งนี่ พ่ออยากนั่งข้างลูก” มือใหญ่ตบเก้าอี้ตัวข้างๆ แต่หล่อนยังยืนเฉย เม้มปากมองวีนัสหน้านิ่ง อเล็กที่มองอยู่ถึงกับถอดสีหน้า “ค่ะ คุณพ่อ” หล่อนทำตามอย่างที่ว่า แต่พอนั่งลงกลับถอนหายใจแรงอย่างตั้งใจ “เฮ้อ..” “เมเบล...” “ขา.. ” “ต่อหน้าพ่อ ไม่ถอนหายใจแบบนี้..” ริมฝีปากของหล่อนยกขึ้น ความไม่พอใจแสดงออกผ่านสีหน้าในตอนนี้ ขณะเชิดหน้านั่งยืดตัว “ได้ค่ะ ต่อไปนี้เบลจะหายใจเงียบๆ เอ..หรือไม่หายใจดีคะคุณพ่อ” “เมเบล..” “ไหนว่ามีเรื่องจะคุย คุยเลยสิคะ..กว่าโจ๊กจะมา” “ได้” อเล็กซ์วางช้อนส้อมลงบนจานอย่างเบามือ เหลือบมองคนตรงข้าม ที่ตอนนี้ทำลอยหน้าลอยตา บ่งบอกให้รู้ถึงความดื้อด้านด้าน จงใจกวนประสาท และไร้มารยาทของหล่อน ส่วนหล่อนเอือมระอาสุดๆ ที่จะต้องมาเจอกับความเข้มงวดอีกแล้ว “อยู่ต่างประเทศดีๆก็ดีอยู่แล้ว ไม่เข้าใจจะเรียกหนูลงมาทำไม” ในขณะอเล็กซ์เข้าใจว่านิสัยของเธอจะเปลี่ยน หลังจากส่งไปเรียนตั้งแต่เด็ก กลับมาคราวนี้คงจะสมานฉันท์กับเมียใหม่ของเขาได้ ทว่า..สิ่งที่คิดกับสิ่งที่เป็น ต่างกันโดยสิ้นเชิง “ลูกคิดแบบนั้นจริงๆหรือ” “ค่ะ” “เมเบลคนเราต้องกลับบ้าน และที่นั่นไม่ใช่บ้านของลูก” “ถ้าอย่างนั้นคุณพ่อก็ต้องทำกับใครบางคนแบบนั้นเหมือนกันสิคะ เพราะที่นี่ไม่ใช่บ้านของเธอเหมือนกัน” “เมเบลหยุดสักทีเถอะน่า!” เขาเผลอตวาด นาทีนั้นถ้าสังเกตจะเห็นว่าดวงตาของสาวเจ้าสั่นระริกด้วยความตกใจเล็กน้อย “เรื่องที่พ่อจะพูด..” “โจ๊กมาแล้วค่ะ” แถมกล้าที่จะหักหน้าเขาต่อหน้าลูกจ้างคนอื่น โดยการเอ่ยคั่นกลาง หลังเหลือบไปเห็นแม่บ้านจวงถือถาดมาแต่ไกล “สำคัญไหมคะ ถ้าไม่..ขอเบลกินข้าวก่อนค่ะ หิว” อเล็กซ์เงียบ ยอมทำอย่างที่หล่อนขอ เพื่อที่ตัวเองและภรรยาจะได้ทานข้าวด้วยเช่นกัน และคิดว่าหลังจบมื้ออาหารค่อยคุยเรื่องนี้ใหม่ แต่เปล่าเลย ผู้เป็นลูกเหมือนจะสนุกกับการได้สร้างปัญหามากกว่าการนั่งนิ่งๆ เธอทำในสิ่งไม่เคยทำมาก่อน อย่างเช่นการกระแทกช้อนลงบนจานเสียงดัง ก้มหน้าก้มตากิน และเล่นโทรศัพท์ “อย่างน้อยลูกควรเอาเลือดแม่มาใช้บ้าง แม่ของลูกเป็นคนไทย ลืมไปแล้วหรือ?” “แล้วยังไง เมเบลก็มีเลือดของพ่อไงคะครึ่งหนึ่ง” “นี่เรา กล้าจะยอกย้อนพ่ออย่างนี้เชียวหรือ” ส่วนวีนัสตอนนี้ได้แต่ยิ้มในใจ เหลือบตามองเมเบลอย่างดูแคลน ลูกเลี้ยงกำลังจะทำให้คนเป็นพ่อโกรธ แน่นอนเป็นเรื่องที่หล่อนยินดี และควรส่งเสริมอยู่แล้ว “ไม่เอาน่าคุณ ลูกอยู่เมืองนอกมานาน อาจจะยังไม่คุ้นชิน อย่าถือสาลูกเลยนะคะ” ลูกเหรอ?! “ใครลูก ฉันไม่ใช่ลูกคุณ” สาวเจ้าสวนกลับ “แล้วก็ควรเงียบ ไม่พูด ก็ไม่มีใครหาว่าเป็นใบ้หรอกนะ” ปึง! “มันชักจะไปกันใหญ่แล้วเมเบล”” ทันทีที่เสียงตบโต๊ะดังสนั่นพร้อมเสียงตวาด หญิงสาวถึงกับชะงักค้าง ปากคาบช้อน หันมองคนใช้ทีละคน ที่ตอนนี้ตัวสั่นก้มหน้างุดกันเป็นแถบ “พ่อคะ..” “หยุดก้าวร้าววีนัสซะที พรุ่งนี้พ่อจะหาบอดี้การ์ดมาคอยดูแลลูก เวลาไปไหนมาไหนข้างนอกจะได้ไม่ต้องห่วง เก้าโมงตรงลงมาเจอพ่อที่ห้องรับแขก พ่อจะพาลูกไปเลือกด้วยตัวเอง แค่นี้แหละเรื่องที่พ่อจะพูด ที่เหลือคือเวลาว่างให้ลูกไปสงบสติอารมณ์ และเรียนรู้มารยาทเสียใหม่..หรือว่าจะเอาครูสอนเรื่องนี้ด้วย?” “คุณพ่อ!” เขาทิ้งประโยคสุดท้ายไว้แค่นั้น ก่อนจะลุกพรวดออกไปโดยมีวีนัสเดินตามหลังที่ไม่วายหันมายิ้มเยาะให้กับหล่อน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD