หลายวันต่อมา..
อีคอนยังคงลักกินขโมยกินอยู่เช่นนั้น ช่างน่าเห็นใจอเล็กซ์เปรียบเสมือนฝากปลาย่างไว้กับแมว ความเคยชินของหญิงสาวมีขึ้นมาบ้าง แต่ความเกลียดชังยังคงอยู่ และดูคล้ายว่า คนที่ทำเรืื่องบัดสีบัดเถลิง ราวกับไม่เกรงกลัวฟ้าดินลงโทษ ก็ลืมไปเสียแล้วว่า เขานำพาสิ่งนี้ใส่เธอ
ทำดุจสามีภรรยากันจริงๆ ที่พักหลัง แทบจะไม่กลับไปนอนที่ห้องตัวเองซะแล้ว
เสียงนาฬิกาปลุกดังส่งเสียงดังอยู่ใกล้ร่างสูง คนตั้งเวลา แต่คนที่ตื่นกลับเป็นหญิงสาวที่นอนอยู่ข้างๆ หล่อนนอนหันหลังให้ กะพริบตาปริบ แสร้งทำเป็นหลับไม่ได้ยินเสียงนั้น
เมื่อดังหลายครั้งเข้า ร่างสูงจึงตื่นแล้วเอื้อมมือไปปิด ก่อนพลิกตัวหันมายังเธอ แกล้งหวดแขนไปก่ายพาด ดึงร่างบางเข้ามากอด ซุกซนด้วยการซุกหน้าระดมจูบซอกคอหอมกรุ่น ซึ่งนั่นทำให้สาวเจ้าตัวแข็งทื่อ ทำอะไรไม่ถูก
“ตื่นก่อนนาฬิกาปลุก ทำไมไม่ปลุกผม”
หือ.. เขารู้เหรอ
“อย่า..”
เปล่าประโยชน์ที่จะเล่นละครต่อ เมเบลห่อไหล่ตัวเองแน่น ดิ้นขลุกขลักหลังเขาจับได้ จูบหนักๆ ตรงหัวไหล่ ต่ำลงมาตามแผ่นหลัง
“อันที่จริง ผมตั้งนาฬิกาปลุกเผื่อไว้ประมาณชั่วโมงนึง ...ผมว่าเรามา...”
“ ไม่! ”
รีบตอบหน้าตาตื่นเตรียมขยับหนี ทว่าท่อนแขนนั้นแข็งแรงจนเกินไป ชายหนุ่มหลุดหัวเราะ
“รีบปฏิเสธนี่ รู้หรือ ผมจะพูดอะไร ผมหมายถึงเรามานอนคุยกันสักหน่อยดีกว่า..”
“ไม่จริงหรอก คนอย่างนายเชื่อได้ที่ไหน”
ริมฝีปากคนฟังกระตุกเล็กน้อย
“เชื่ออยู่แล้ว..”
“ถ้างั้นก็ปล่อยฉันสิ..”
“เชื่อว่าผมจะทำลายคุณจริงๆ โดยไม่รู้สึกเห็นใจ”
เมเบลขนลุกซู่ ไม่คิดว่าเขาจะสวนหล่อนทันควันด้วยประโยคนี้
ร่างบางกัดปากจนเจ็บ แม้ว่าร่างกายของเธอและเขาจะเบียดเสียดกันไปมาจนนับไม่ถ้วนแล้วนะหรือ เขาจะไม่เห็นใจกันได้จริงๆใช่ไหม อยู่ๆขอบตาของเธอก็ร้อนผ่าว
“ฉันรู้อยู่แล้วว่านายใจร้าย แต่ไม่ต้องย้ำมากก็ได้ แค่นี้ฉันก็รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่ามากพอแล้ว”
คราวนี้เป็นเขาที่เงียบกริบ ชายหนุ่มกลั้นหายใจ ประโยคตอกกลับมาของเธอทำให้เขาหายใจไม่ออก พลิกตัวเปลี่ยนเป็นนอนหงายด้วยความไม่สบอารมณ์ อันที่จริงเดิมเนื้อแท้ใช่ว่าจะเป็นคนชั่ว สิ่งที่ทำลงไปคือความจำเป็นทั้งนั้น เพียงแต่ไม่รู้เมื่อไหร่ที่เขาถลำลึก เกิดติดใจหล่อนขึ้นมา รู้ตัวอีกทีตอนนี้ขาดหล่อนไม่ได้ เหมือนคืนไหนไม่มีเซ็กซ์ ก็ไม่ต่างกับการอดข้าวทั้งวัน
ร่างบางชะงัก กระชับผ้านวม เมื่อเขาผละท่อนแขนหนักอึ้งปล่อยให้เป็นอิสระ
“กลับไปได้แล้ว ก่อนที่ทุกคนจะตื่น แล้วเห็นว่านายออกมาจากห้องของฉัน”
เมเบลสั่งเสียงห้วน เพราะนอนหันหลังให้เขา จึงไม่มีโอกาสได้เห็นหางตาที่มองมา ไร้จะคาดเดา มันเหมือนมีความรู้สึกผิดอยู่นัยๆ ทว่าเพียงแวบเดียวเท่านั้นก็กลับมาเป็นอย่างเก่า พลางกระตุกยิ้ม
“คุณว่า คนที่ทำหน้าที่ดูแลคุณหนูของบ้านตลอดเวลานี่ สามารถเล่นละครตบตาได้กี่ฉากต่อวันนะ ถ้าเกิดจะไม่ให้ใครจำได้”
“อะ อะไร........”
เมเบลขมวดคิ้ว งงกับประโยคคำถามของเขา ที่ในใจสังหรณ์ว่าเป็นเรื่องไม่ดีแน่
“ก็...”
หมอนี่มันร้าย ไม่ปล่อยหล่อนให้มีโอกาสได้ร้ายกว่าหรอก ในเมื่อจุดอ่อนแอของผู้หญิงถูกทำร้ายไปแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จะหาอะไรไปต่อรองได้ แพร่งพรายออกไปก็มีแต่เสียกับเสีย จะมีทางเลือกให้หล่อนสักกี่ทางกัน และเขามักใช้ไพ่ใบนั้นมาทำร้ายหล่อน
“คุณลองคิดตามผมนะ ..”
เขาพลิกตัวกลับมากอดเธอ กระชับวงแขน รั้งหล่อนให้เข้าไปแนบชิดอกแกร่ง
หล่อนเลยจำใจต้องเงียบ ตั้งใจฟังที่เขาพูด
“ถ้าผมไม่กลับห้อง ไม่ลุกจากเตียง เล่นจ้ำจี้กับคุณยันพระอาทิตย์ขึ้น อาบน้ำพร้อมคุณแล้วใส่ชุดเดิม ....”
แต่ไม่ทันที่เขาจะได้พูดจบ เสียงแหลมเจ้าหล่อนเผลอโพล่งขัดกลางคันเสียก่อน
“ ไม่! ” หญิงสาวกัดฟัน “ฉันไม่ตลกกับนายด้วยหรอกนะ กลับไปเดี๋ยวนี้”
เธอใช้หางตาเหลือบมอง ทั้งที่รู้ยังไงก็ไม่เห็นเพราะนอนหันหลัง แต่อยู่ๆ ชายหนุ่มเงียบไปจนเธองง ไม่นานก็พูดโยคหนึ่งที่ทำให้หัวใจหล่อนกระตุก
“ยังไม่หายคิดถึงเลย.. อย่าเพิ่งไล่กันสิ”
“นายว่าไงนะ..”
เสียงของหล่อนอ่อนลง
“ก็ได้ยินนี่ ขอนอนแบบนี้อีกสักหน่อย ส่วนจะออกไปยังไง เดี๋ยวผมจัดการเอง คุณไม่ต้องกังวล”
ส่วนเสียงของเขาอู้อี้ แทบฟังไม่ได้ศัพท์
“นี่ได้บอกให้ฉันอย่ากังวลอย่างนั้นเหรอ”
“....ใช่”
“จะบ้าไปแล้วเหรอ คนที่นี่หูตาไวอย่างกับสับปะรด”
“ก็บอกแล้วไงไม่ต้องกังวล ผมจะจัดการเอง”
หญิงสาวขบริมฝีปากจนเจ็บ นอนตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่ใช่แค่คำพูด แต่ร่างกายของเขาก็มีส่วนร่วมด้วย เบียดเสียดเข้ากับก้นของเธอ จนรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่กำลังตื่นตัว
“นี่นาย.. ”
“อีกรอบนะ”
“.....!!!”
เป็นประโยคคำถามที่ไม่ได้รู้คำตอบ เมื่อร่างทั้งร่างของเขาเด้งขึ้นมา คร่อมตัวเธอ
หญิงสาวรับรู้ได้ถึงสีหน้าของตัวเอง ที่มันตลกซะจนน่าขำ ก็แหงสิ.. นี่มันไม่ใช่รอบที่สองหรือสาม หากนับตั้งแต่เขาย่องเข้ามาที่นี่ แต่เป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่อาจรู้เพราะเธอไม่ได้นับ
ท้ายที่สุด หล่อนก็รับรู้ถึงความเผด็จการที่มีมากกว่าใครๆ อาจจะมากกว่าบิดาของเธอด้วยซ้ำ เมื่อนึกย้อนไปยังอดีต สมัยวัยเด็กที่มักถูกบังคับ เพื่อให้ได้ดั่งใจเขา ถูกตีกรอบและผลักไสให้เธอเข้าไปอยู่ในนั้นโดยไม่คำนึงถึงความต้องที่แท้จริง และสภาพจิตว่าหล่อนต้องการมันหรือเปล่า
หากแต่นั้น..เมื่อโตขึ้น หล่อนก็ได้ดี อย่างที่มันควรเป็น เป็นคุณหนูเมเบลที่ใครต่อใครชื่นชม ด้วยความสามารถชั้นสูง ที่แทบจะไม่มีคำว่าขาดตกบกพร่อง
แต่เขา.. คนบนร่างเธอ เผด็จการบังคับก็เพื่อทำลาย หาได้หวังดีเฉกเช่นพ่อของเธอไม่ แม้ว่านั่นจะเป็นการตีกรอบเพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้กับตัวเองก็เถอะ!
ซึ่งสิ่งนี่แหละที่ทำให้หล่อนต้องยอม เพราะว่าเรื่องนี้หลุดออกไป เข้าหูของพ่อและคนอื่นๆ ไม่ใช่เพียงเพราะพ่อที่ฆ่าหล่อนด้วยความโกรธจัด เหตุทำให้วงศ์ตระกูลต้องอับอาย แต่เป็นหล่อนต่างหากที่จะต้องทำให้ตัวเองตาย เนื่องจากทนอยู่กับความอับอายไม่ได้!
“อา.. ข้างในของคุณ มันรู้สึกดีชะมัด”
จึงทำได้แค่นอนน้ำตาไหล ปล่อยให้เขาทำจนกว่าจะสาแก่ใจของเขา