อีกคอน -09 หลักฐานชิ้นแรก

1566 Words
​หลังพากันกลับมาถึงคฤหาสน์หลังเดิม ต่างคนก็ต่างแยกกันไป วีนัสเป็นคนแรกที่เดินเข้ามาหาเธอ หล่อนดักรออยู่ระหว่างทางเดินกลับห้องก่อนแล้ว ใช้แผ่นหลังพิงเสาปูน แขนกอดอก ริมฝีปากเหยียดยิ้มจงใจจะยั่วโมโห “มีอะไร” เมเบลสะบัดเสียงถาม สีหน้าไม่สบอารมณ์ “จะมาหาเรื่องอะไรกันอีก” “ไวไฟจริงๆนะแม่คุณ เพิ่งกลับมาจากเมืองนอกไม่กี่วันแท้ๆ ก็ออกลายซะแล้ว ฉันชักจะเป็นห่วงอเล็กซ์ขึ้นมาซะแล้วสิ เขาจะต้องปวดหัวขนาดไหนกันนะ ถ้าวันหนึ่งลูกสาวสุดที่รักตั้งท้องขึ้นมา...” ทันทีที่แม่เลี้ยงพูดจบ เธอก็เหยียดยิ้มกลับคืน “ปากเหม็นแต่เช้าเลยนะคะ ว่างเหรอ?” ประโยคหลังยานคาง จิกตามองเข้าไปในตาคมกริบ ซึ่งเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา “ถึงได้มีเวลามาสอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่นได้” อันที่จริง นั่นเป็นสิ่งเดียวที่แทงใจดำ ความตั้งใจแรกหลังก้าวลงจากรถ กะว่าจะรีบขึ้นห้องเพื่อกินยาคุมฉุกเฉิน กลับต้องแวะกลางคัน หลังเจอสุนัขระหว่างทาง วีนัสขึงตาขึ้น ไม่คิดจะยอมแพ้ “เอ๋...เมื่อคืนค้างกับใครคนไหนนะ ถึงได้กลับมาเกือบจะเที่ยงในสภาพนี้” หล่อนมองหัวจรดปลายเท้าต้องการยียวนกวนโทสะ และเหมือนกำลังจะได้ผล เพราะเมเบลเริ่มจะทนไม่ไหว “บอดี้การ์ดฝรั่งนั่น หรือ...เพื่อนตำรวจรุ่นพี่ล่ะ” “เงียบซะวีนัส..ก่อนที่ฉันจะฆ่าเธอ” หญิงสาวกดเสียงต่ำ และทันทีที่หลุดคำนั้น วีนัสเหมือนจะตกใจไม่น้อย “แสดงว่าที่พูดนี่...เรื่องจริงหรือ” “วีนัส!” “ฮ่าๆๆ ฉันว่าแล้วเชียว แกมันเด็กใจแตก” “บอกให้หยุดไงวีนัส” “ว้าย!” ไม่พูดเปล่าคราวนี้ขยุ้มหัวด้วย คนไม่ได้ตั้งตัวอย่างแม่เลี้ยงถึงกับหงายหลัง “กับพ่อ ความสำคัญของแกฉันไม่รู้อยู่ระดับไหน แต่กับฉัน..แกมันก็แค่ผู้อยู่อาศัย จำไว้!” “นี่แกกล้า..” “เตือนเป็นครั้งสุดท้ายนะวีนัส อย่าได้ยุ่งเรื่องของฉันอีก ไม่อย่างนั้น..ฉันจะไม่ทำแค่นี้” หล่อนแย่งพูด หลังปล่อยเส้นผมพร้อมดันร่างแม่เลี้ยงไปถอยไป ถือโอกาสตอนอีกฝ่ายเสียหลักเดินออกมา ไม่สนใจความสติแตก กรีดร้องเสียงดังลั่นขณะมองตามแผ่นหลังเดินเร็วระลิ่ว “สักวันเถอะมึง” ฟู่ว... เสียงถอนหายใจพรืดใหญ่ บ่งบอกให้รู้ตอนนี้เจ้าของกำลังตกที่นั่งลำบาก กลายเป็นคนไว้ทุกข์ เพราะถูกพรากอิสรภาพและความสุขไป ซึ่งยังงงกับเหตุการณ์ที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นไปแล้วบ้าง ผู้ชายคนนั้นทำเธอ ผ่านการไว้ใจของเธอ ผ่านการไว้ใจของพ่อเธอ ที่ทำทีเข้ามาสมัครเป็นบอดี้การ์ด เขาไม่ใช่คนธรรมดา ดูยังไงก็ไม่ใช่คนธรรมดา ถึงได้กล้าที่จะขู่ฆ่าพ่อ อีกนัยยะหากเป็นคนธรรมดาจริง จะหลุดรอดจากการตรวจประวัติจากพ่อของเธอหรือ อเล็กจัดเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลสูงสุดระดับแนวหน้าของวงการค้าเพชรคนหนึ่ง ภายใต้บทบาทของผู้บริหารที่มีแต่คนนับหน้าถือตาเป็นจำนวนมาก เท่าที่หล่อนจำความได้ เขาไม่เคยตกอับหรือลำบากมากก่อนเลย ธุรกิจไม่เคยมีปัญหาหรือเสี่ยงล้มละลายให้เห็น เทียบกันแค่นี้ก็คงพอ เพราะคงไม่มีผู้ประกอบการที่ไม่ระวังตัวเองที่ไหนพากิจการตัวเองรอด ไต่ระดับกลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ไม่มีใครรู้จักอย่างเช่นทุกวันนี้ ดังนั้นการที่ใครคนหนึ่งสามารถเข้ามากระทำย่ำยีเธอ ผ่านเกราะแห่งความปลอดภัยกันแบบนี้ได้ นั่นหมายความว่าเขาคนนั้นจะต้องเป็นคนไม่ธรรมดา! “ทำยังไงดี..” เมเบลพึมพำ หลังเดินวนไปวนมาเป็นหนูติดจั่นอยู่สักพักใหญ่ แล้วทรุดตัวนั่งปลายเตียงเพราะความเหนื่อย พลางปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มลงมา บีบอุ้งมือเข้าหากันจนแน่น เอาแต่โทษตัวเอง ด้านของอีคอน ชายหนุ่มร่างใหญ่ที่ไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไหร่นักกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังเสร็จจากการรายงานผู้เป็นนาย ถึงสาเหตุลูกสาวของเขาไม่กลับบ้านเมื่อคืนก็เดินตัวปลิวกลับมายังห้องพักตัวเองทันที คฤหาสน์หลังมหึมาที่มีห้องเล็กห้องใหญ่มากมายหลายห้อง ห้องของเขาถูกจัดให้อยู่ชั้นล่างสุด เขาเลือกมุมหนังสือเป็นมุมโปรดที่สุดของห้อง ถูกแยกออกมาจากห้องนอนของเขาซึ่งอยู่ติดกันกับห้องนั่งเล่นอีกที จุดนั้นนอกจากจะมีทั้งโต๊ะและโซฟาแล้ว ยังมีหนังสือเบ็ดเตล็ด ที่ถูกจัดวางระเบียบให้หยิบอ่านง่ายๆ อีคอนถอดสูทออก ปลดกระดุมเสื้อคลายร้อนไปหลายเม็ด หลังรู้สึกว่ามันรัดตัวเขาให้อึดอัดจนหายใจไม่ค่อยสะดวก พาดลงกับพนักโซฟาตามด้วยร่างของเขา ใช้โอกาสนี้ติดต่อกลับไปยังบ้านที่เกาะ ที่จากมาแค่ไม่กี่วัน (พี่คอน!!!) “ไง สาวน้อย” เสียงหวานลอดปลายสายได้รอยยิ้มแรกจากเขา หลังกดโทรไปไม่กี่อึดใจหล่อนก็รับ บ่งบอกให้ว่ารู้ทางนั้นเองก็รอการติดต่อกลับไปของเขาเช่นกัน (โห กว่าจะโทรมานะพี่ รู้ไหม ฉันนี่หูชาแทบหนวก ) “หืม..ทำไมหรือ?” (ก็แม่นะสิบ่นหาแต่พี่ คงคิดถึงพี่มาก สั่งให้ฉันโทรหาพี่ ฉันก็บอกว่าไม่เอาหรอก เกรงใจ ไม่รู้ว่าพี่ทำอะไรอยู่ รอให้พี่โทรมาเองจะดีกว่า เผื่อพี่กำลังยุ่ง พอพูดแบบนี้แกก็หัวเสียทุกทีเลย หาว่าฉันเข้าข้างพี่ แล้วก็พาลมาทะเลาะกับฉัน) “ขนาดนั้นเชียว เอาน่า แต่ก็ยุ่งจริงๆนั่นแหละ ขอบใจนะที่เข้าใจกัน” (นี่ คิดจะนินทาข้า ก็ให้มันน้อยๆหน่อยนังเดือน ข้าได้ยินนะ) รอยยิ้มที่สองรองลงมา คือเสียงโวยวายจากยายแม้นที่เล็ดลอดเข้ามาในโทรศัพท์ (มาพอดีเลยพี่ จะคุยไหมจ๊ะ แต่ระเบิดลงอย่าหาว่าฉันไม่เตือนนา ทรงนี้ไม่รู้ไปกินรังแตนที่ไหนมาอีก) “ไม่เป็นไร..” (นังเดือน แหม ได้ทีเอาใหญ่ เดี๋ยวก็โดนข้าหยิกเนื้อเขียวซะหรอก โน่น...ไปโน้นเลย ไปเก็บผ้าเข้าบ้าน ฝนกำลังจะตก ...ฮัลโหล) ทันทีที่ได้ยินเสียง อีคอนกลับยิ้มเจื่อน เพราะเอาเข้าจริงๆ กลับกลายเป็นพูดไม่ออก “ครับป้า สบายดีไหมครับ” (เออสบายดี แต่ไม่ยักจะรู้แฮะ จากบ้านข้าขับรถไปที่นั่นใช้เวลาตั้งสองวัน) “โธ่ป้า อุตส่าห์มีเวลาคุยกันทั้งที ไม่ประชดกันแบบนี้สิครับ” น่าแปลก ทั้งที่ประโยคเหล่านั้นที่ออกมาจากยายแม้นไม่ได้ไพเราะหวานหู ยังทำให้เขายิ้ม อาจจะเป็นเพราะความชิน และรู้สึกว่าคำพูดขวานผ่าซากเหล่านี้แท้จริงแล้วแสนจะจริงใจมากกว่าคนจำพวกปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอเสียอีก (เออ ข้าขอโทษว่ะ คงเป็นห่วงเอ็งมากไป ว่าแต่ทำไมเพิ่งโทรมาวะ) “ขอโทษทีครับป้า ผมเพิ่งว่าง” (แล้วเป็นไง ที่นั่นเขารับเอ็งเข้าทำงานไหม) “ครับ ตอนนี้ผมก็ทำงานอยู่” (งั้นหรือ.. แล้วดูท่าทางเขาใจดีกับเอ็งไหมวะ) ชายหนุ่มหุบยิ้ม ไม่คิดว่าประโยคคำถามนี้จะกระตุกใจเขา น้ำเสียงคนถามแหบแห้งเต็มไปด้วยความเป็นห่วงอย่างใจจริง คงไม่สบายใจเป็นแน่หากรู้ความจริงเกี่ยวกับสาเหตุที่เขาจากมา อีคอนกลืนก้อนเจ็บลงคอจนลูกกระเดือกเขยื้อน ตัดสินใจตัดบทสนทนาก่อนที่มันจะบานปลายไปมากกว่านี้ เขาเองก็ใช่คนที่จะเย็นชากับใครก็ได้ บางครั้งบทจะอ่อนไหวก็ใจเกือบสลายเช่นกัน “ใจดีครับป้า เรื่องนี้ป้าไม่ต้องห่วงนะครับ” (ไม่ให้ห่วงได้ไง ฉันเป็นคนเลี้ยงแกมานะ) “ครับป้าผมรู้ และผมจะไม่มีวันลืม ถ้าอย่างนั้นไว้ผมจะโทรไปใหม่นะครับ” (ฮึก...เอ็งต้องกลับมาเยี่ยมข้าบ่อยๆนะโว้ยไอ้คอน เอ็งอย่าทิ้งข้านะ) “ไม่ทิ้งหรอกครับ ไม่ทิ้งแน่นอน ผมสัญญา” หลังวางสายจากย้ายแม้นไปแล้ว คราวนี้ก็ถึงเวลาที่เขาจะต้องเครียดบ้าง เนื่องจากต้องวางแผน มีแผนหนึ่งก็ต้องมีแผนสำรองเกิดมีความผิดพลาดขึ้นมา ปัญหาหลักคือเขายังเป็นห่วงคนที่เกาะนี่สิ จะทำอย่างไรจะสำเร็จ และเร็วทันใจอย่างใจนึก การฆ่าคนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แถมการจะเอาทุกอย่างกลับคืนมาดูเหมือนจะยากด้วย แต่แล้ว.. จังหวะกำลังนั่งเงียบ คิดอะไรเพลินๆ อยู่ดีๆก็มีเรื่องหนึ่งไหลเข้ามา เป็นเหตุการณ์ก่อนหน้า เขาค่อนข้างจะมั่นใจ สาเหตุที่พ่อแม่เขาตายมันต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อคืนมีหลักฐานชิ้นหนึ่งปักอยู่บนติ่งหูสวยของเมเบล จี้เพชรนั้นที่หล่อนใส่เขาจำได้ มันเป็นของแม่เขา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD