EP 01 ตระกูลผู้มั่งคั่ง
คฤหาสน์หลังใหญ่โตมโหฬารของตระกูล
'วงศ์วัฒนากูล'
คุณคมสันแต่งงานใหม่กับคุณโสภาเมื่อสองปีที่แล้ว หลังจากที่ได้เสียคุณหญิงแพรวชมพูไปเมื่อหลายปีก่อน เขาก็ไม่เคยได้มีความสุขจริงๆสักครั้งในชีวิต ได้แต่เฝ้าคิดถึงอยู่อย่างนี้ถึงแม้ว่าจะมีภรรยาคนใหม่ก็ไม่สามารถแทนที่ได้ ชายวัยหกสิบปียืนมองรูปภาพของภรรยาสุดที่รักในดวงใจที่แขวนติดไว้หน้าห้องด้วยความรักยิ่ง ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
"คุณพี่ตื่นแล้วเหรอคะ วันนี้โสทำข้าวต้มกุ้งร้อนๆของโปรดของคุณพี่เลยค่ะ"
คุณโสภาภรรยาวัยสี่สิบต้นๆแต่เธอยังดูเป็นสาว หันไปมองเด็กรับใช้สั่งให้ยกอาหารขึ้นโต๊ะ
"อันที่จริงคุณไม่ต้องลำบากเข้าครัวทำเองก็ได้นะ"
คมสันเอ่ยวาจาอย่างช้าๆ รู้สึกแปลกใจกับการกระทำของภรรยา เพราะตั้งแต่โสภาเข้ามาอยู่ที่นี่ก็นับครั้งได้ที่เธอจะเข้าครัวลงมือทำอาหารเอง
"ลำบากอะไรกันคะเรื่องแค่นี้เอง โสเต็มใจทำเพื่อคุณค่ะ"
เธอยิ้มให้กับสามี แต่หารู้ไม่ว่าในข้าวต้มชามพิเศษนี้มียาพิษผสมอยู่ด้วย หลังจากที่คมสันเซ็นโอนที่ดินแถวพัทยาทำเลย่านการค้าพัทยาใต้ให้เธอกว่าหนึ่งร้อยไร่มีมูลค่ากว่าร้อยล้าน และในพินัยกรรมยังระบุถึงจำนวนเงินสดที่เธอกับลูกสาวจะได้รับอีกห้าสิบล้าน แค่นี้ก็พอให้เธอได้สบายไปทั้งชาติแล้ว
"แล้วนี่แก้วตายังตื่นเหรอ"
คมสันถามหาลูกสาวของภรรยาขึ้นชื่อว่าเป็นลูกเลี้ยงของเจานั่นเอง
"อ้อ...พอดีว่ายัยแก้วออกไปมหาวิทยาลัยแต่เช้าแล้วค่ะ"
โสภาพยายามตีหน้าให้เนียนที่สุด แท้ที่จริงแล้วน้อยลูกสาวของเธอยังไม่กลับมาเลยตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
"ขยันดี ผมชอบ"
ชายวัยหกสิบคลี่ยิ้มจางๆก้อนจะตักข้าวต้มกุ้งตรงหน้ากินอย่างไม่คิดอะไร โสภาแอบมองตามทุกคำที่สามีตักข้าวต้มเข้าปากแล้วแอยิ้มกริ่มในใจ
เรือนคนใช้ถัดเยื้องจากคฤหาสน์หลังใหญ่ราวสองร้อยเมตร มีเด็กสาวคนหนึ่งในชุดเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นแบบสบายๆ กำลังยืนรีดผ้าอย่างจะมักเขม้น แบ่งแยกตะกร้าที่รีดเสร็จเรียบร้อย และอีกสองตะกร้าพูนที่ยังรอให้เธอลงมือจัดการ
"ยังไม่ไปทำงานอีกเหรอน้ำขิงสายแล้วนะ"
เสียงหญิงแก่วัยเจ็ดสิบพูดขึ้นหลังจากที่กลับมาจากบ้านใหญ่
"จ้ะป้า เดียวน้ำขิงรีดตัวนี้เสร็จก็จะไปอาบน้ำแล้วค่ะ"
เธอหันไปไปมองป้าอังกาบก่อนจะยิ้มแล้วติบกลับไปอย่างไม่เร่งรีบ เวลาเข้างานสิบโมงเช้าและนี่ก็เพิ่งจะแปดโมงครึ่งเอง ยังไงเธอก็ต้องไปทันอยู่แล้ว
น้ำขิง ณัชชา สาวน้อยวัยสิบแปดปี
เธอเพิ่งเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกได้ราวสี่เดือนแล้ว เธอทราบมาว่าคุณตฤณผู้มีพระคุณของเธอ เขาส่งเสียให้เล่าเรียนมาโดยตลอด และในตอนนี้เธอก็โตพอที่จะทำงานเพื่อหาค่าเทอมเองได้แล้ว จึงไม่อยากรบกวนเขาอีก แค่มีที่ให้คนไร้ญาติขาดมิตรอย่างเธอได้มีที่ซุกหัวนอนก็ดีแค่ไหนแล้ว และเดือนนี้ก็เป็นเดือนที่สองที่ณัชชาได้ปฏิเสธเงินจากเขา ถึงแม้การทำงานในร้านขายโดนัทของเธอจะได้เงินเดือนละเจ็ดพันไม่มากไม่มายอะไร แต่ก็เพียงพอให้เธอใช้อย่างประหยัดและเก็บออมเอารวมไว้กับเงินที่เหลือจากผู้มีพระคุณที่เขาส่งมาให้ทุกเดือน
"เดี๋ยวคืนนี้น้ำขิงกลับดึกหน่อยนะคะต่อโอทีถึงสี่ทุ่มเลย"
เด็กสาวในชุดเดรสสีฟ้าอ่อนยูนิฟอร์มร้านโดนัทเดินออกมาจากห้องนอน ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้ป้าอังกาบเหมือนดังเช่นทุกวันที่เคยทำ
ระหว่างที่เธอเดินผ่านตึกใหญ่ ณัชชาก็พยายามทำตัวให้ลีบแบนที่สุด เธอมักจะใช้สายตาสอดส่ายมองหาคุณโสภาและแก้วตาเป็นประจำ เพื่อการอยู่รอดของตัวเอง ถ้าสองแม่ลูกพบเห็นเธอเข้าก็มักจะมีเรื่องให้เธอต้องไปสายทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เธอยังเรียนอยู่ หรือทำงานแล้วก็ตาม
"ฟู่ววว...รีบไปดีกว่าเรา"
เธอพ่นลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อไม่พบสองคนนั้นในบริเวณนี้ ณัชชาจึงรีบก้าวเท้าให้เร็วที่สุดเพื่อตรงไปยังรั้วประตูหน้าบ้าน ก่อนจะโบกเรียกแท็กซี่แล้วออกไปทันที
ในระหว่างทางที่ณัชชานั่งอยู่บนรถแท็กซี่เธอมักจะมองเหม่อออกไปข้างทางคิดถึงใบหน้าของของผู้มีพระคุณ เท่าที่เธอจำได้เขาทักจะชอบทำสีหน้าเรียบนิ่งไม่เคยยิ้มให้เธอเลยสักครั้งแม้แต่กางตาเขายังไม่แลมอง เธอเคยแอบคิดว่าเขานั้นคงเกลียดเธอ เขาพาเธอมาเลี้ยงดูทั้งที่ไม่ได้อยากจะทำเป็นเพราะมารดาของเธอได้ขอร้องเอาไว้ แต่ในวันนี้เขาไม่ต้องมาส่งเสียเลี้ยงดูเธออีกต่อไป ณัชชาตั้งมั่นว่าจะทำงานและเก็บเงินมาคืนให้เขาทุกบาททุกสตางค์ ใบหน้าหวานเชิดขึ้นอย่างหยิ่งผยอง
"ขออณุญาตครับนาย"
เสียงของลูกน้องคนสนิทดังขึ้นจากทางด้านหลัง ในขณะชายหนุ่มผู้เป็นนายกำลังยืนทอดมองออกไปข้างนอกของวิวห้องทำงานที่มีผนังรอบด้านเป็นกระจกใส มองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองลอนดอน
"ว่าไง ได้เรื่องไหม"
ผู้เป็นนายถามเสียบเรียบโดยที่เจาก็ยังไม่หันหลังกลับมามองลูกน้องคนสนิท
"คุณน้ำขิงออกจากบ้านไปทำงานแล้วครับ"
ตฤณยักข้อมือของตัวเองเพื่อดูเวลา ในตอนนี้เป็นเวลาแปดโมงเช้า เวลาของประเทศอังกฤษเดินช้าเวลาไทยประมาณหกชั่วโมง ซึ่งตรงประเทศไทยเป็นเวลาบ่ายสองโมง
"สั่งให้คนของเราเฝ้าไว้ แล้วมารายงานฉันว่าวันนี้น้ำขิงเลิกงานกี่โมง" เขาสั่งนอตันซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทด้วยเสียงเรียบเช่นเดิม
"ครับนาย"