ตอนที่ 60 — ตัวคั่นเวลาหรือหัวใจ
เสียงเปียโนคลอเบา ๆ
ในร้านอาหารฝรั่งสไตล์ยุโรป
แสงไฟสีอุ่นจากโคมแก้ว
สะท้อนหิมะขาวที่โปรยอยู่ด้านนอก
พายณรีย์นั่งตรงข้ามคนิน
มือเรียววางอยู่บนโต๊ะข้างแก้วไวน์ที่ยังไม่ถูกแตะ
คนินมองเธอเงียบ ๆ
นานจนพายเริ่มรู้สึกถึงแรงสายตานั้น
เธอหลบตา มองออกไปทางหน้าต่าง
ที่มีไอหิมะเกาะอยู่
>“คุณพาย...”
เสียงของคนินทุ้มต่ำ แผ่วเบา แต่ชัดเจน
>“ผม ...ผมอยากถามเรื่องคุณนาริตะ...”
พายรีบพูดแทรกขึ้นทันที
>“พายไม่อยากพูดถึงเขาแล้วค่ะ”
เธอเงยหน้ามองเขา
น้ำเสียงหนักแน่นกว่าที่คนินคาดไว้
>“ความสัมพันธ์ระหว่างพายกับเขา...
จบลงไปนานแล้วค่ะ”
คนินนิ่ง
พายสูดลมหายใจลึก
แล้วพูดต่อด้วยเสียงเรียบแต่มีแรงสั่นในอก
>“นาริตะ....พยายามติดต่อพายมาตลอด
หลายเดือนที่ผ่านมา แต่ไม่ใช่เพราะเขารักพาย...”
“เขาเพียงแค่เสียศูนย์ เพราะผู้หญิงที่เขารักจริง ๆ
— เอมิกะ — เธอเลือกไปคบกับนักธุรกิจต่างชาติ”
เธอหัวเราะเบา ๆ อย่างขมขื่น
>"พายไม่อยากกลับไปอยู่ในวังวนแบบนั้นอีกแล้ว
คนที่เลือกจะจากไปวันนั้น..
... ก็ไม่ควรย้อนกลับมาเมื่อสูญเสียใครอีกคน”
บรรยากาศบนโต๊ะเงียบลงอีกครั้ง
มีเพียงเสียงลมหิมะข้างนอกที่กระทบกระจกเบา ๆ
คนินมองเธออย่างเข้าใจ
แต่ในแววตานั้นมีบางอย่างที่คล้ายกับความกลัว
เขาวางช้อนในมือลงช้า ๆ แล้วเอ่ยเสียงแผ่ว
>“แล้วผมล่ะครับ...?”
>“ตอนนี้... ผมกำลังเป็น ตัวคั่นเวลา
ของคุณอยู่หรือเปล่า”
พายชะงัก เงยหน้าขึ้นสบตาเขา
หัวใจเธอเต้นแรงจนแทบได้ยิน
คนินพูดต่อ น้ำเสียงตรงและจริงจัง
>“ผมรู้ว่าคุณยังมีเรื่องในใจ..
ยังไม่พร้อมจะเริ่มใหม่...ก็ได้ ผมเข้าใจ...”
>“แต่ผมแค่อยากรู้... ว่าทุกครั้งที่คุณหันมามองผม
มันคือเพราะคุณรู้สึก...
หรือเพราะอยากให้ใครบางคนเห็น”
พายนิ่งไปนาน
ความเงียบในระหว่างนั้นหนักเสียยิ่งกว่าเสียงใด
เธอก้มหน้าลง มองฝ่ามือตัวเอง ก่อนจะพูดช้า ๆ
>“คุณคนิน...พาย..อยากบอกว่า ...
พายยังไม่แน่ใจ...แต่ทุกครั้งที่อยู่ใกล้คุณ
หัวใจมันเต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว...
แบบนี้จะเรียกว่าอะไรดีคะ..?”
แววตาคนินอ่อนลงทันที
เขายิ้มบาง ๆ — รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเข้าใจ
และความอ่อนโยน
>“ผมไม่ต้องการคำตอบตอนนี้หรอกครับ”
>“แค่รู้ว่าคุณไม่โกหกหัวใจตัวเอง...
ผมก็พอใจแล้ว”
พายเงยหน้าขึ้นช้า ๆ
ในดวงตาคู่นั้นสะท้อนภาพของชายที่เธอไม่แน่ใจ
ว่าเป็นเพื่อนร่วมงาน
หรือคนที่กำลังจะกลายเป็นมากกว่านั้น
หิมะข้างนอกยังคงโปรยบางเบา
แต่ภายในร้าน กลับอุ่นขึ้นอย่างประหลาด
เธอเอื้อมมือแตะขอบแก้วไวน์เบา ๆ
เสียงกระทบของแก้วสองใบ
บอกความรู้สึกที่คำพูดไม่อาจแทนได้
>“เพื่อความรู้สึก...
ที่มันอาจจะชัดเจนในสักวันนะคะ”
คนินยกแก้วขึ้นจิบไวน์
พลางสบตาเธออย่างลึกซึ้ง
>“ครับ..ผมจะรอ..”
___
ตอนที่ 61 — เงาในบ้านที่ว่างเปล่า
เสียงนกร้องแผ่วเบานอกหน้าต่างเช้าวันอาทิตย์ ไม่ได้ปลุก “ไทน์” ให้ลุกจากเตียงอย่างทุกวัน
ผ้าม่านในห้องยังคงถูกปิดแน่น
เหลือเพียงแสงแดดสีจาง ๆ
ที่ลอดเข้ามาเป็นเส้นบาง ๆ
ตัดผ่านอากาศที่นิ่งงัน
บนโต๊ะเขียนหนังสือยังมีโน้ตสั้น ๆ
จากพี่สาว วางค้างไว้ก่อนเดินทางไปญี่ปุ่น
-“ดูแลตัวเองด้วยนะไทน์ ..”-
ตัวอักษรลายมือพี่สาวนั้น
กลับเป็นสิ่งเดียวที่ยังทำให้เขายิ้มได้ในตอนตื่น
ถึงอย่างนั้น... รอยยิ้มนั้นก็จางหายอย่างรวดเร็ว
ตลอดสามวันมานี้
ไทน์แทบไม่ออกจากห้อง
เขานอนตื่นสาย กินข้าวเพียงนิดหน่อย
และใช้เวลาเกือบทั้งวันบนหน้าจอคอม
ราวกับอยากให้เวลาผ่านไปเร็วขึ้น
จนถึงวันที่พี่สาวกลับมา
ในครัวของบ้านหลังเดิม “แม่อารีย์”
ยืนพับผ้าอยู่ข้างโต๊ะอาหาร
ข้าง ๆ มี “ป้าพา” พี่สาวของเธอที่ยังอยู่กับบ้านนี้
มาหลายสิบปี กำลังชงชา
แม่อารีย์ถอนหายใจยาว
เธอมองบันไดที่ทอดขึ้นไปยังชั้นสอง
ด้วยแววตาอ่อนล้า
>“ไทน์ไม่ลงมากินข้าวอีกแล้ว...
ตั้งแต่พายไปญี่ปุ่น เขาก็แทบไม่พูดกับใครเลย”
ป้าพาวางแก้วชาเบา ๆ ก่อนพูดอย่างระมัดระวัง
>“ไทน์เขาติดคุณพายมาก ตั้งแต่เล็ก ๆ
พายเป็นเหมือนทั้งพี่ ทั้งแม่ ทั้งเพื่อน...
เวลาเขามีอะไรในใจ ก็จะคุยกับพายคนเดียว”
แม่อารีย์เงียบ ไม่ตอบอะไร
มือที่กำลังพับผ้าชะงักไปเล็กน้อย
ก่อนวางผ้าผืนนั้นลงบนโต๊ะ
>“ฉันก็พยายามจะเข้าใจเขานะพี่พา
แต่บางที... เขาก็ทำเหมือนฉัน
เป็นคนแปลกหน้าในบ้านตัวเอง”
ป้าพาพยักหน้าอย่างเข้าใจ
>“เอาน่า...พายไปไม่นานหรอก..
เดี๋ยวกลับมา ไทน์ก็คงดีขึ้นเอง”
แม่อารีย์ยิ้มบาง ๆ
แต่ในแววตานั้นกลับแฝงความเศร้า
เธอวางผ้าในมือ แล้วตัดสินใจเดินขึ้นบันไดไป
เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้ง
>“ไทน์... ลูก แม่ทำข้าวไว้ให้แล้วนะ กินหน่อยสิ”
เงียบไม่มีเสียงตอบกลับ
มีเพียงเสียงหายใจเบา ๆ จากในห้อง
แม่อารีย์เคาะอีกครั้ง
>“ พี่พายเขาฝากแม่ให้ดูแลลูกนะ...”
เสียงเปิดประตูดังขึ้นกระทันหัน
“ไทน์” ยืนอยู่ตรงนั้น — ผมยุ่งเหยิง
ใบหน้าอิดโรย ดวงตาแดงเรื่อราวกับอดนอน
>“ฝากแม่เหรอครับ?”
เสียงเขาเย็นเยียบ
>“พี่พายฝากแม่ดูแลผมงั้นเหรอ?
แม่แน่ใจเหรอครับว่าแม่ ‘ดูแล’ ผมเป็น?”
แม่อารีย์ชะงัก
คำพูดที่เตรียมไว้กลืนหายไปในลำคอ
ไทน์กำมือแน่น ดวงตาเริ่มร้อนผ่าว
>“ตั้งแต่ผมจำความได้... แม่ไม่เคยอยู่บ้านเลย
แม่อยู่แต่กับคนอื่น อยู่แต่กับงาน!..ก็แค่นั้น”
น้ำเสียงเขาเริ่มสั่น แต่กลับไม่อาจหยุดพูดได้
>“แม่ไม่เคยเห็นผมเลยใช่ไหมครับ ...
แม่เห็นผมแค่เป็น ‘ลูกคนเล็ก’
ที่ต้องอยู่ในกรอบ ต้องไม่สร้างปัญหา...”
>“แต่แม่ไม่เคยรู้เลยว่าผมรู้สึกยังไง!”
แม่อารีย์ยืนนิ่ง ดวงตาเริ่มพร่าด้วยน้ำตา
เธอก้าวเข้าไปใกล้ลูกชาย แต่ไทน์ถอยหลังทันที
>“อย่าเข้ามาใกล้ผม...
ผมไม่อยากฟังคำปลอบใจจากแม่...
ครั้งเเล้วครั้งเล่า”
เสียงประตูปิดดัง ปัง!
แม่อารีย์ยืนอยู่หน้าห้องนั้น
มือสั่นเล็กน้อย ก่อนเอ่ยออกมาแผ่วเบา
“ไทน์..แม่... ขอโทษนะลูก ...
แม่อาจจะช้าไปหน่อย...”
เธอเอามือแตะประตูเบา ๆ
>“แต่แม่อยากเริ่มใหม่กับลูกจริง ๆ”
ไม่มีเสียงตอบ
มีเพียงเสียงสะอื้นของผู้เป็นแม่
ที่ค่อย ๆ จางไปในความเงียบของบ้าน
ห้องทั้งบ้านเงียบสนิท
เหลือเพียงเสียงนาฬิกาเดินไปเรื่อย ๆ
แต่ในใจของคนเป็นแม่และลูก —
เวลากลับเหมือนหยุดนิ่งอยู่ที่
“ความไม่เข้าใจกัน” มานานหลายปี