ตอนที่ 4

2154 Words
ตอนที่ 4 “หิวเหรอ” ไตรภพนั่งมองคนตัวเล็กทาน ด้วยความเอร็ดอร่อยจนเพลินตา โดยที่แก้วขวัญเองไม่รู้เลยว่า ระหว่างที่เธอกำลังทานอยู่นั้นมีคนแอบมองอยู่ แล้วก็อมยิ้มด้วย “ค่ะ อร่อยด้วย” แก้วขวัญตักอาหารเข้าปาก คำแล้วคำเล่าโดยที่ไม่ได้สนใจมองคนตรงข้ามเลยแม้นแต่น้อย เธอสนใจแค่อาหารตรงหน้าเท่านั้น “ค่อยๆกินก็ได้ อาไม่แย่งเรากินหรอก” ทุกๆวันไตรภพมักจะนั่งทานอาหารคนเดียวเวลาอยู่ที่บ้าน เขารู้สึกเบื่ออาหารรสชาติเดิมๆเหลือเกิน แต่ก็ต้องกิน เพราะว่าเขาไม่ใช่คนเรื่องมากอะไร แต่พอมาเห็นแก้วขวัญทานอาหารมื้อนี้ อาหารที่เขาแสนจะเบื่อ แต่กลับมีคนทานมันอย่างเอร็ดอร่อย “อย่าลืมทุเรียนนะคะ” เรื่องกินขอให้บอก เธอสู่ตาย แก้วขวัญเป็นคนทานเก่งแต่เธอก็ไม่อ้วนสักที ตัวเล็กเอวบาง ไม่รู้กินแล้วเอาไปไว้ตรงไหนหมด “โอ้โหทานข้าวยังไม่ทันอิ่มเลย ทวงทุเรียนอาและ” ไตรภพเป็นชาวสวนผลไม้ ปลูกผลไม้ผสมผสานมีพื้นที่หลายร้อยไร่ได้จากมรดกส่วนหนึ่งและซื้อเพิ่มอีกส่วนหนึ่ง แต่ผลผลิตก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด เขาจึงพลิกผันตัวเองมาเป็นพ่อค้าคนกลางด้วย ปลูกเองและรับซื้อจากสวนข้างๆเอาไปส่งตลาดที่ต้องการด้วย ไตรภพจึงจำเป็นที่จะต้องมีลูกน้องที่ประจำอยู่ในสวนและจ้างเป็นรายวัน แล้วแต่หน้างานว่าช่วงนั้นจะมีงานมากหรืองานน้อย ภายในสวนของไตรภพที่นอกจากจะปลูกทุเรียนแล้ว ก็ยังมีเงาะ ลำไย ลองกอง มังคุด ลิ้นจี่และอื่นๆอีกหลายชนิด ผลไม้บางชนิดออกผลผลิตไม่พร้อมกัน เขาจึงพยายามปลูกให้หลากหลายเพื่อที่จะได้มีเก็บขายทั้งปี และแนะนำสวนข้างๆให้ทำแบบเดียวกัน ไตรภพจึงมีคนงานในไร่จำนวนหนึ่ง เอาไว้คอยช่วยเขาทำงาน มีทั้งกำจัดวัชพืช เก็บผลไม้ไปส่งตลาด ใส่ปุ๋ย ลดน้ำ พรวนดิน และยังมีตอนกิ่งผลไม้ขายเป็นต้นด้วย ปุ๋ยบางส่วนที่ใช้ในสวนก็ทำเองด้วย ซึ่งเรียกได้ว่าทำครบวงจรเลยทีเดียว “เดี๋ยวคุณอาลืม แก้วก็แค่เตือนๆไว้” “อาไม่ลืมหรอกน่า อิ่มแล้วเข้าไปเที่ยวในสวนกันไหม” ไหนๆก็ไหนๆแล้ว คุณอาอย่างเขาก็อยากจะชวนเธอไปเปิดหูเปิดตา และก็จะได้แนะนำให้คนงานในสวนรู้จักไปด้วยเลย “เอาสิคะ คุณอาใจดีจังเลย” เมื่อทั้งสองทานอาหารกันอิ่มแล้ว กำลังเตรียมตัวที่จะพากันเข้าสวน “ไปขึ้นรถ...” ไตรภพกำลังจะพาหลานสาวเข้าไปเที่ยวในสวน แต่ทันใดนั้นเอง ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดตรงที่ไตรภพยืนอยู่พอดี “คุณภพขา...กำลังจะไปไหนกันเหรอคะ” ทับทิมเจ้าของร้านเสริมสวยที่ชอบแวะมาทอดสะพานให้กับไตรภพเจ้าของสวนผลไม้อยู่บ่อยครั้ง แต่ไตรภพก็ไม่เคยเล่นด้วย จึงได้แต่คุยกันแบบเพื่อนบ้านเท่านั้น ส่วนทับทิมเองหล่อนก็วางตัวดี เพราะเป็นแม่ม่ายผัวตายมาหลายปี ถูกใจหนุ่มเจ้าของสวนเข้า แต่ก็ไม่กล้าแสดงอาการมากจนเกินไปว่าชอบ เจอหน้าก็ได้แต่ชวนคุยบ้าง ซึ่งไตรภพเองก็รักษามารยาทเป็นอย่างดี “อ้าว นึกว่าใครเจ้คนสวยประจำหมู่บ้านนี่เอง” เรื่องความสวยต้องยกให้เจ้เขา เพราะว่าหล่อนเป็นช่างเสริมสวย แล้วก็มีอยู่แค่ร้านเดียวในหมู่บ้านด้วย “แล้วเด็กคนนี้ใครเอ่ย” ทับทิมแวะมาคุยกับไตรภพอยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่เคยเห็นเด็กสาวคนนี้เลยสักครั้งจึงเอ่ยถามขึ้น “หลานสาวของผมเองครับ เธอชื่อแก้วขวัญ” ไตรภพแนะนำหลานสาวให้กับเจ้ทับทิมรู้จัก แล้วหันไปแนะนำเจ้ทับทิมให้แก้วขวัญรู้จักด้วย “แก้ว...นี่เจ้ทับทิม ช่างเสริมสวยประจำหมู่บ้านของเรา” “สวัสดีค่ะ คุณอา” แก้วขวัญยกมือไหว้ผู้ใหญ่ ที่ดูๆแล้วอายุน่าจะมากกว่าคุณอาของเธอด้วยซ้ำ “โอ๊ยน่าเอ็นดู สวัสดีจ้า แล้วกำลังจะไปไหนกันเหรอจ๊ะ” เจ้ทับทิมเอ่ยถามอีกครั้ง เพราะเมื่อสักครู่นี้ยังไม่ได้คำตอบ “เข้าป่าครับ” ป่าที่ไตรภพพูดถึงก็คือสวนผลไม้ของเขานั่นเอง ที่พูดว่าป่าเพราะว่าบางทีมันก็รก แล้วพื้นที่เป็นร้อยๆไร่ ถ้าคนไม่ชินทางก็อาจจะหลงกันได้ เพราะมองไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้ทั้งนั้น “คุณอาของแก้วหมายถึงเข้าสวนค่ะ” แก้วขวัญรีบแก้ต่างให้กับคุณอาของเธอ เพราะคำว่าป่าที่คุณอาพูดถึงเมื่อสักครู่ มันทำให้คุณอาผู้หญิงมองคุณอาไตรภพของเธอแปลกๆ คล้ายกับจะสื่อความหมายอะไรกันสักอย่าง “อ้าวเหรอ นึกว่าเข้าป่าจริงๆ เจ้อยากเข้าป่าด้วยจัง แต่ถ้าเข้าสวนก็ไปกันเถอะ เอาไว้วันหลังเดี๋ยวเจ้จะแวะมาคุยด้วยใหม่ ไปก่อนนะคะเด็กน้อย” ทับทิมพูดกับไตรภพเสร็จ ก็หันมาพูดกับแก้วขวัญ แล้วเจ้แกก็ขับรถออกไปเลย “เด็กน้อย...” แก้วขวัญพึมพำกับตัวเองรู้สึกไม่ชอบใจเท่าไหร่นักที่ใครๆชอบมองว่าเธอเป็นเด็กเสมอ เธอโตแล้วแล้วด้วย คุณอาคนเมื่อสักครู่หน้าอกใหญ่เป็นบ้าเลย แก้วขวัญก้มมองหน้าอกของตัวเองบ้าง เธอรอให้มันโตกว่านี้ แต่มันก็โตสุดได้แค่นี้ หรือเด็กกับผู้ใหญ่เขาจะวัดกันตรงนี้นะ…แก้วขวัญแอบคิดในใจคนเดียว รู้สึกเคียงๆตัวเองอยู่ไม่น้อย “มองอะไรน่ะ ขึ้นรถสิ” เสียงของคุณอาทำให้แก้วขวัญออกจากภวังค์ความคิดของตัวเอง เธอขึ้นไปนั่งด้านหน้าข้างคนขับ แล้วรถก็ค่อยๆเคลื่อนออกไป “คุณอาขา...คุณอาว่าแก้วโตหรือยังคะ” แก้วขวัญยังติดใจเรื่องนี้ไม่หายจึงเอ่ยถามคุณอาของเธอขึ้น “ก็ต้องโตแล้วสิ ทำไมเหรอ” ไตรภพตอบ พลางทำหน้าที่ขับรถไปตามถนนเล็กๆเข้าไปในสวนเรื่อยๆ “ทำไมคนอื่นๆ ชอบมองว่าแก้วเป็นเด็กอยู่เรื่อยคะ” เธอตะแคงคอถามคุณอาของเธออย่างน่ารัก “หมายถึงเจ้ทับทิมเมื่อกี้น่ะเหรอ” ที่จริงก็ไม่ใช่แค่คุณอาทับทิมเมื่อกี้หรอก แต่ยังมีคุณพ่อของเธอด้วย “หมายถึงทุกคนนั่นแหละค่ะ...” “อ้าวไอ้นี่ แล้วทำไมมองอาแบบนั้น” แก้วขวัญแอบคิดว่าคุณอาของเธอ ก็คงคิดไม่ต่างจากคนอื่นๆด้วย “ว่าแต่ คุณอาคนเมื่อกี้เขามาหาคุณอาทำไมคะ” “แวะมาคุยเฉยๆตามประสาบ้านใกล้เรือนเคียงน่ะ” สังคมชนบทกับสังคมคนกรุงเทพ มักจะแตกต่างกัน ซึ่งแก้วขวัญก็ไม่ค่อยจะเข้าใจนัก เพราะเธอเกิดและโตที่กรุงเทพ ผู้คนส่วนมากมักจะต่างคนต่างอยู่ ถ้าไม่มีธุระก็จะไม่สุงสิงกัน เธอโตมาแบบนั้น “แต่ทำไมแก้วรู้สึก...” แก้วขวัญกำลังช่างใจว่าจะพูดดีหรือไม่พูดดี เพราะแก้วขวัญรู้สึกว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น ก็สายตาของคุณอาทับทิมที่มองมาที่คุณอาของเธอ แตกต่างจากสายตาที่มองมาที่เธออย่างสิ้นเชิง “รู้สึกอะไร” และในขณะนั้นเองรถที่แก้วขวัญนั่งอยู่ก็แล่นไปเลื่อยๆ สองข้างทางของถนนเล็กๆ เต็มไปด้วยผลไม้สุกแดงเต็มต้น ทำให้แก้วขวัญหันไปสนใจสิ่งที่เธอเห็นตรงหน้ามากกว่า “เปล่าค่ะ โอ้โหลิ้นจี่ดกมาก...เต็มต้นเลย แก้วอยากปีนขึ้นไปเก็บจัง” แก้วขวัญรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่เห็น เพราะไม่ว่าจะมองไปที่ต้นไหน ลูกผลไม้ก็ดกเต็มต้นแทบทุกต้น เธอรู้สึกชอบที่นี่เข้าแล้วสิ “ไหวเหรอ ถ้าอยากกินเดี๋ยวให้ไอ้จอมกับไอ้ผามันมาปีนให้” ช่วงนี้เป็นช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต ที่จริงผลไม้พวกนี้ก็ถูกเก็บเกือบทุกวันอยู่แล้ว แต่ในเมื่อหลานสาวอยากจะชิมสดๆบนต้น เขาก็ไม่อยากขัด ไตรภพเห็นสีหน้าของเธอเวลาตื่นเต้นที่ได้เห็นผลไม้พวกนี้ คุณอาอย่างเขาก็พลอยมีความสุขไปด้วย “ดีค่ะๆ น่าสนุกจังเลย” และการกระทำของเธอที่ดูตื่นเต้นยิ่งกว่าเด็กแถวนี้ เพราะเด็กแถวนี้เห็นผลไม้พวกนี้ก็จะเฉยๆ แต่เธอนี่สิ ออกอาการมากจนคุณอาอย่างเขาอดที่จะขำไม่ได้ “เดี๋ยวอาพาไปกินทุเรียนก่อน อาให้คนงานปอกรอไว้แล้ว” ก่อนที่เขาจะพาหลานสาวออกจากบ้านมา เขาได้โทรมาสั่งให้คนงานปอกทุเรียนไว้รอเธอเรียบร้อยแล้ว “โอ้ยดีใจ คุณอาใจดีจังเลย” น้ำเสียงออดอ้อนเล็กๆเสียงนี้ ทำให้ไตรภพรู้สึกเอ็นดูเธอยิ่งขึ้น แต่ยังไม่พอแค่นั้น แก้วขวัญตะแคงคอมาซบที่หัวไหล่ของเขาอีก โดยที่เธอไม่ได้คิดอะไร เพราะปกติเวลาที่เธออยู่กับคุณพ่อของเธอ เธอก็มักจะอ้อนคุณพ่อของเธอแบบนี้เสมอ “นี่ๆให้มันน้อยๆหน่อย เป็นสาวเป็นแซ่” ไตรภพดันศีรษะของเธอออกจากหัวไหล่ของเขาอย่างไม่ได้จริงจังนัก “ก็แค่ซบไหล่คุณอา ไม่ใช่ไหล่คนอื่นสักหน่อย” แก้วขวัญทำหน้างอนๆเหมือนเด็กที่ถูกขัดใจ เพราะว่าถูกดันศีรษะออก แล้วตอนนี้รถที่ไตรภพขับเข้ามาได้จอดสนิทเพราะถึงที่หมายแล้ว “จอมๆ ทุเรียนที่ให้ตัดได้หรือยัง” ไตรภพเรียกลูกน้องคนสนิท ถามหาทุเรียนที่ให้ตัดรอหลานสาวทันทีที่ลงจากรถมาได้ “เรียบร้อยแล้วครับ” จอมชูทุเรียนที่ปอกใส่จานไว้เรียบร้อยแล้ว แก้วขวัญเดินตามคุณอาของเธอมานั่งลง แล้วชิมทุเรียนที่เธออยากกินนักกินหนา รสชาติของทุเรียนที่แก้วขวัญกำลังชิม หวานมันแสนอร่อยอย่าบอกใคร กลิ่นหอมๆชวนให้เธอหลงใหล เธอนั่งกินจนเกือบหมดจาน ที่จอมเป็นคนปอกรอไว้ จนคนที่นั่งมองเธอกินอย่างมีความสุขรีบไปหามังคุดมาให้เธอกินตาม “คุณอาขา ถ้าแก้วกินทุเรียนอิ่มแล้ว แก้วขอไปดูเขาตัดทุเรียนกันนะคะ แก้วอยากเห็นว่าเขาตัดกันยังไง” แววตาซุกซนปนตื่นเต้นที่ได้มาเห็นมาเจออะไรใหม่ๆ ทำให้ไตรภพพยักหน้าให้เป็นการอนุญาต “ได้สิ ตอนนี้คนงานกำลังพักทานข้าวกัน เดี๋ยวได้เวลาเข้างานแล้วอาจะพาไป กินทุเรียนแล้ว กินมังคุดตามเข้าไปด้วยมันแก้ร้อนใน” ไตรภพส่งตะกร้าใบใหญ่ที่ในนั้นมีมังคุดบรรจุอยู่เต็มตะกร้า เอามาวางด้านหน้าหลานสาว เพราะเห็นว่าเธอกินทุเรียนเข้าไปหลายเม็ด กลัวว่าจะไม่สบายเอาได้ จึงเอามังคุดมาให้กินคู่กัน เนื่องจากทุเรียนมีฤทธิ์ร้อนทำให้ร่างกายร้อนขึ้น ขณะที่มังคุดมีฤทธิ์เย็นจะช่วยรดความร้อนในร่างกาย การกินคู่กันช่วยให้ร่างกายเกิดการสมดุล “จริงเหรอคะ” แก้วขวัญไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย แต่เธอก็ยอมหยิบมังคุดที่ไตรภพเป็นคนปอกให้ เอาเข้าปากไปอย่างว่าง่าย “จริงสิ” แก้วขวัญเคี้ยวตุ้ยๆ มองดูแล้วน่าอร่อย ข้าวก็ทานมาแล้ว แถมผลไม้อีก ไตรภพแอบคิดว่าตัวเล็กแค่นี้ไม่น่าจะยัดเอาของพวกนี้ใส่ท้องได้เยอะขนาดนี้ แถมหน้าท้องของเธอก็ไม่ได้ป่องออกมาเลยสักนิด ตัวของเธอเล็กมาก กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน แถมยังรู้สึกว่าหลานสาวของเขาคนนี้กินเก่งจริงๆ “เรื่องกินไม่เคยปฏิเสธเลยนะ” ไตรภพแกล้งว่า แต่ก็ไม่ได้ทำให้แก้วขวัญรู้สึกอะไร เธอยังคงหยิบมังคุดที่คุณอากำลังปอกให้ ส่งเข้าปากไปอย่างต่อเนื่อง “อื้อหือ…หวานมากเลยค่ะ” แก้วขวัญทำหน้ามีความสุข ในขณะที่กำลังเคี้ยวไม่ได้หยุด “ไม่ได้ให้กินฟรีนะ” ไตรภพรู้สึกหมั่นไส้ยัยหลานสาวคนนี้เหลือเกิน จึงแกล้งพูดขึ้น “อ้าว...ถ้าจะเก็บเงินรอคุณพ่อกลับมาก่อนนะคะ” แก้วขวัญหยุดเคี้ยวทันทีอย่างเสียอารมณ์ในการกิน แต่เธอก็รู้แหละว่าคุณอาของเธอพูดเล่น เพราะว่าเขายิ้ม “อาไม่อยากได้เงินหรอก” “แล้วคุณอาอยากได้อะไรคะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD