“จำได้ก็นี่ไงที่โทรมาเพราะจะเลี้ยงข้าวไถ่โทษ” คำพูดของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวยิ้มกว้างแล้วรีบพูดออกมา
“พูดแล้วห้ามคืนคำนะ”
“ไม่คืนหรอกน่า ว่าแต่ตอนนี้เทียนอยู่ที่ไหนล่ะอยู่ที่ร้านหรือเปล่าเดี๋ยวพี่ขับรถไปรับก็ได้”
“เทียนไม่ได้อยู่ที่ร้านค่ะพอดีมาประชุมที่ศาลากลาง พี่กานต์อยู่ที่ไหนล่ะไปเจอกันที่ร้านเลยก็ได้จะได้ไม่เสียเวลา” รสิกาบอกกับชายหนุ่มรุ่นพี่ไป
“พี่อยู่ที่สำนักงานเอาเป็นว่าไปเจอกันที่ร้านประจำของเราก็ได้” ร้านประจำที่เขาพูดมีขายทั้งอาหารคาวและของหวาน
“โอเคค่ะถ้าอย่างนั้นเจอกันที่ร้านนะคะ” เมื่อตกลงกันได้แล้วเธอก็ขับรถตรงไปที่ร้านประจำทันที
ไม่นานเธอก็มาถึงร้านที่มีบรรยากาศร่มรื่นการแต่งร้านน่ารักๆ ดึงดูดความสนใจจากลูกค้าทั้งหญิงและชายได้เป็นอย่างดี ไม่แปลกใจที่ไม่ว่าเวลาไหนร้านนี้ก็เต็มไปด้วยลูกค้ายิ่งเวลาพักเที่ยงและช่วงเย็นแทบไม่มีโต๊ะว่างเลย
“สวัสดีจ้ะน้องเทียนไม่มาร้านพี่นานเลยนะ” เจ้าของร้านสาวเอ่ยปากทักทายลูกค้าประจำที่รู้จักกันมาตั้งแต่เธอเปิดร้านใหม่ๆ
“สวัสดีค่ะพี่ตาล ช่วงนี้เทียนไม่ค่อยว่างเลย” เธอพนมมือไหว้หญิงสาวและพูดคุยอย่างเป็นกันเอง
“งั้นนั่งก่อนเลยจ้ะอยากกินอะไรสั่งได้เลยนะ” เจ้าของร้านสาวพูดพร้อมกับส่งเมนูของร้านให้ลูกค้าสาว
“เดี๋ยวเทียนขอรอเจ้ามือก่อนดีกว่าค่ะ ถ้าเจ้ามือเบี้ยวค่อยว่ากันอีกทีนะคะ” รสิกาแกล้งพูดติดตลกแล้วก็ต้องยิ้มกว้างออกมาเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มร่างสูงผิวขาวจัดเดินยิ้มหล่อมาแต่ไกล รอยยิ้มนั้นทำอะไรเธอไม่ได้หรอกเพราะชินแล้ว แต่สาวๆ ที่นั่งอยู่ในร้านที่สิถึงกับทำหน้าเพ้อไปเลย ขนาดบางคนมีคนรักมาด้วยนะยังมองรุ่นพี่เธอตามเลย
“มารอนานหรือยังเทียน” กานต์เดินมาถึงโต๊ะก็เอ่ยปากถามทันที และหันไปส่งยิ้มให้เจ้าของร้านที่คุ้นหน้ากัน
“คนนี้เองเจ้ามือของเทียนวันนี้ ถ้าเป็นคนนี้วันหลังเทียนสั่งได้เลยนะ เพราะพี่ส่งบิลไปเก็บที่สำนักงานได้จ้ะ” หญิงสาวหัวเราะแล้วเดินไปดูแลลูกค้าโต๊ะอื่นต่อปล่อยให้หนุ่มสาวคุยกันไปก่อน
“แล้วนี่สั่งอะไรหรือยัง” กานต์ถามหญิงสาวรุ่นน้องพลางมองดูเมนูอาหารตรงหน้าไปด้วย
“ยังเลยค่ะ เทียนก็เพิ่งมาถึงเอง ว่าแต่วันนี้ว่างเหรอคะถึงมีเวลากินข้าวกับเทียนแบบนี้” รสิกาถามออกมา
“เพิ่งเคลียร์งานเสร็จเลยอยากมาระบายความเครียดซะหน่อย แล้วเราล่ะงานที่ร้านเป็นไงบ้างมีอะไรให้พี่ช่วยหรือเปล่า” กานต์ถามอย่างเอื้ออารี ด้วยความที่รู้จักกันมานานทำให้เขารู้ว่ารสิกาเป็นคนที่ทำงานหนักไม่เคยได้เที่ยวหรือไปไหนเลย จำได้ว่าสมัยเรียนเวลาเพื่อนๆ ชวนไปเที่ยวรสิกาจะเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ไปกับคนอื่น เขาทั้งสงสารและเห็นใจทำให้เวลาที่เขาไปเที่ยวหรือไปไหนมักซื้อขนมและของฝากมาให้ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็ยังเป็นอยู่ ตอนนี้ความรู้สึกนั้นแปรเปลี่ยนเป็นความรัก ใช่เขาแอบรักรสิกามานานแล้วแต่ก็ไม่เคยกล้าพูดอะไรให้ชัดเจน เพราะกลัวว่าถ้าเขาพูดไปแล้วหญิงสาวไม่ได้คิดเหมือนเขาความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่จะเปลี่ยนไป
“พี่กานต์ๆ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” รสิกาเรียกชายหนุ่มที่เอาแต่นั่งมองหน้าเธออยู่นานแล้ว
“เปล่าเมื่อกี้เราพูดว่าอะไรนะ” กานต์ถามเพราะเขาไม่ได้ยินที่หญิงสาวพูด
“เทียนจะถามว่าพี่จะกินอะไรคะจะได้สั่งให้” พอได้ยินที่รุ่นน้องถามเขาก็ก้มมองดูเมนูแล้วเลือกอาหารที่อยากกิน ไม่นานอาหารที่ทั้งคู่สั่งก็มาลำเลียงมาที่โต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว
“ช่วงนี้ที่ร้านเป็นยังไงบ้างล่ะ” กานต์ถามระหว่างที่กินอาหารไปด้วย
“ก็ดีค่ะเทียนพยายามเปิดตลาดใหม่หาแบบสวยๆ มาดึงดูดลูกค้าอยู่เรื่อยๆ” รสิกาตอบเพราะจะว่ากันตามตรงพวกเครื่องประดับก็ดูเป็นของฟุ่มเฟือยและไม่จำเป็น บางชิ้นราคาแพงเกินเธอก็พยายามทำงานที่ราคาย่อมเยามาขายบ้าง และเดี๋ยวนี้ช่องทางการขายออนไลน์ก็มีเยอะมากขึ้นตลาดเลยกว้างตามไปด้วย
“เออ! เกือบลืมไปเลยพอดีพี่ไปทำงานแล้วไปเดินเล่นห้างมาเห็นไอ้นี่มันน่ารักดีพี่เลยซื้อมาฝาก” กานต์พูดเพราะเพิ่งนึกได้ว่าเขามีของฝากมาหญิงสาวด้วย
“โอ๊ย! พี่กานต์น่ารักที่สุดเลย ขอบคุณนะคะ” เธอร้องอย่างดีใจเมื่อเห็นของฝากที่ชายหนุ่มซื้อมาให้
กานต์ยิ้มอย่างดีใจเมื่อเห็นรอยยิ้มของรสิกาไม่เสียแรงที่ไปเดินหาซื้อของฝากชิ้นนี้มาให้ ของที่ว่าไม่ใช่กระเป๋าหรือเสื้อผ้าหรูๆ แต่เป็นกล่องดนตรีธรรมดาแค่นั้นเอง เมื่ออิ่มแล้วทั้งสองคนก็แยกย้ายกันกลับไปทำงานต่อและอาหารมื้อนี้ก็เป็นกานต์ที่ทำหน้าที่เป็นเจ้ามือจ่ายทุกอย่างอีกเช่นเคย
++++++
หลังจากแยกกับชายหนุ่มรุ่นพี่แล้วเธอก็ขับรถไปห้างสรรพสินค้าที่เธอเปิดร้านอยู่ที่นี่ ซึ่งเป็นประจำทุกวันที่เธอจะต้องเข้ามาเช็คและดูแลด้วยตัวเองถึงแม้จะมีพนักงานที่ไว้ใจได้คอยดูอยู่แล้ว ระหว่างที่กำลังถอยรถเข้าไปจอดอยู่ๆ เธอก็ถูกตัดหน้าอีกครั้ง
“อะไรเนี่ยวันนี้ฉันโดนแย่งที่จอดรถเป็นครั้งที่สองแล้วนะ ไหนขอลงไปดูหน้าหน่อยสิ” เพราะครั้งนี้ไม่ต้องรีบเธอเลยอยากเห็นว่าคนที่หน้าไม่อายมาแย่งที่จอดรถเป็นใครกันแน่ เธอเดินลงจากรถแล้วหางตากระตุกเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ารถกระบะคุ้นตา ไม่รอช้าเธอเดินไปเคาะกระจกรถหนักๆ
“นี่คุณ คุณแย่งที่จอดรถของฉันอีกแล้วนะ ไม่เห็นหรือไงว่าฉันกำลังถอยรถเข้ามาจอดน่ะ” รสิการะเบิดอารมรณ์ทันทีที่เจ้าของรถเปิดกระจกลงมา
“ผมไปแย่งที่จอดรถคุณตอนไหน ก็ไม่เห็นว่าคุณจะทำอะไรสักอย่าง” อชิระตอบเสียงห้วนๆ พร้อมกับมองหน้าหญิงสาวตรงหน้าและพยายามนึกว่าเขาไปแย่งที่จอดรถผู้หญิงคนนี้ที่ไหน
“เมื่อเช้าตอนที่ประชุมที่ศาลากลางคุณก็มาแย่งที่จอดรถฉันทีหนึ่งแล้วตอนนี้ยังมาทำแบบนี้อีก คุณมีปัญหาอะไรกับฉันหรือเปล่าคะ” นี่เขาแกล้งจำไม่ได้หรือจำไม่ได้จริงๆ กันแน่
อชิระนึกอยู่สักพักก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาว่า
“นี่คุณ ขอร้องอย่ามาใช้วิธีนี้กับผม”
“คุณพูดเรื่องอะไร แล้ววิธีอะไรไม่ทราบ” รสิกาถามเพราะไม่เข้าใจที่ชายหนุ่มพูด