“หนูขอไปรับโทรศัพท์ก่อนนะคะ” เธอพูดกับหญิงสูงวัยแล้วเดินเลี่ยงไปทางด้านหลังบ้านทันที
“มีอะไรหรือเปล่าคะแม่” เธอถามออกมาและคิดว่าท่านน่าจะมีเรื่องด่วนถึงได้โทรมาแต่เช้าแบบนี้
“จะเข้ามาในเมืองวันไหนน่ะ” นวลพรรณถามลูกสาวคนโตออกมา
“น่าจะวันมะรืนค่ะ พอดีคุณป้าต้องไปหาหมอพอดีเทียนว่าจะเข้าไปดูร้านด้วย แม่มีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอถามเพราะอยากรู้เหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้มารดาตื่นเช้าแบบนี้
“มีนิดหน่อย แม่ว่าจะขอยืมเงินเราหน่อยพอดีแม่จำเป็นต้องใช้” นวลพรรณพูดเสียงอ่อยๆ
“แล้วเงินเดือนแม่ล่ะคะหมดแล้วเหรอนี่เพิ่งกลางเดือนเองนะ” ตั้งแต่เธอเข้ามาดูแลร้านเธอก็ตั้งเงินเดือนให้บิดามารดาคนละสามหมื่น บิดาไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินอยู่แล้ว จะมีก็แค่มารดากับน้องสาวเท่านั้น
“ก็แม่มีเรื่องที่ต้องใช้ บอกแล้วไงว่ายืมๆ เดี๋ยวครบเดือนเราก็หักเงินเดือนแม่ขึ้นไปสิ” นวลพรรณพูดโวยวายเสียงดังอย่างไม่ค่อยพอใจที่ลูกสาวถามไล่ต้อน
รสิกาถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ทุกครั้งก็พูดแบบนี้พอถึงเวลาคืนท่านมักจะบ่ายเบี่ยงและโวยวายทำให้เธอไม่อยากที่จะขอเงินคืน ทั้งๆ ที่เธอก็ให้ท่านใช้เต็มที่แต่เหมือนว่าจะพอ ส่วนใหญ่มารดาเธอจะหมดไปกับค่าลอตเตอรี่ ค่าเสื้อผ้าทำผม และน้องสาวก็มักจะมาขออยู่เสมอทั้งๆ ที่อีกฝ่ายก็มีงานทำแล้วแถมเงินเดือนก็ไม่น้อยเลย
“ก็ได้ค่ะ ว่าแต่แม่จะเอาเท่าไรเดี๋ยวหนูโอนให้ แต่พอถึงวันเงินเดือนอกหนูหักเลยนะคะ” เธอพูดและย้ำให้ท่านรู้ว่าเธอจะหักเงินเดือนคืนที่ ถ้าไม่ทำแบบนี้มีหวังกลับไปลำบากอีกแน่กว่าที่จะลืมตาอ้าปากได้แบบนี้เหนื่อยแทบตายท้อไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง
“แม่รู้แล้วแหละ!! ถ้าว่างก็โอนมาเลยนะต้องรีบใช้เช้านี้โอนมาสองหมื่นเลยนะ แค่นี้แหละ” พูดจบนวลพรรณก็วางสายไปทันทีไม่รอฟังเลยว่าลูกสาวจะพูดอะไร
รสิกาตกใจกับจำนวนเงินที่มารดาบอก แต่ไม่สามารถพูดอะไรเพราะท่านวางไปแล้วถ้าโทรไปก็เปล่าประโยชน์มารดาไม่มีทางรับสายเธอแน่นอน ท่านมีดีหลายเรื่องแต่เสียเรื่องเงินและความฟุ่มเฟือยนี่แหละที่แก้ไม่หายเสียที ข้อดีของท่านคือใจดี ทำอาหารอร่อย เข้าสังคมเก่ง ขยัน รักลูกทุกคนแต่จะเท่ากันหรือเปล่านั้นอีกเรื่องหนึ่งนะ เมื่อเห็นว่าไม่มีทางเลือกเธอก็จัดการโอนเงินให้ท่านเท่าที่ท่านต้องการทันที
“มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะหนูเทียน ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ” จินตนาถามหญิงสาวรุ่นลูกด้วยความเป็นห่วง เพราะตอนนี้หน้าตารสิกาเหมือนอยากจะร้องไห้และดูเครียดๆ ด้วย
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เรามาทำอาหารต่อดีกว่าเดี๋ยวเสร็จช้าคุณป้าจะกินยามื้อเช้าสายนะคะ” เธอพูดและยิ้มให้หญิงสูงวัยก่อนจะหันไปทำอาหารต่อ โดยที่ไม่รู้เลยว่าสำหรับคนที่ผ่านอะไรมาเยอะและรู้จักครอบครัวของเธอดีจะมองอะไรออกและทะลุปรุโปร่ง ตอนนี้เธอจะปล่อยไปก่อนถ้านวลพรรณทำอะไรมากกว่านี้เธอจะออกโรงปกป้องรสิกาเอง ยิ่งนานวันเธอยิ่งรักและเอ็นดูหญิงสาวคนนี้มากขึ้นทุกวัน ขนาดมาอยู่ที่นี้ยังช่วยเด็กรับใช้ทำงานบ้าน เสื้อผ้าของตัวเองก็ซักเองไม่เคยใช้หรือรบกวนใครในบ้านเลย ทั้งๆ ที่เธอบอกว่ารสิกาอยู่ในฐานะหลานสาวไม่ใช่ลูกจ้าง แต่หญิงสาวก็ยังทำตัวเหมือนเดิมเวลาว่างจากดูแลเธอหญิงสาวก็มักจะทำงานของตัวเอง ทั้งงานบัญชี ติดต่อประสานงานรวมไปถึงออกแบบเครื่องประดับอีกต่างหาก
“เจี๊ยบเดี๋ยวไปตามคุณรบมากินข้าวด้วยนะไม่รู้อยู่ที่ห้องทำงานหรือเปล่า” จินตนาพูดกับเด็กรับใช้หลังจากที่ทำอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“หนูเทียนล้างไม้ล้างมือเถอะเดี๋ยวจะได้ไปกินข้าวกัน” และเธอก็หันมาพูดกับหญิงสาว
“ทำอะไรกินครับหอมไปถึงข้างนอกเลย” อชิระเดินตามกลิ่นเข้ามาที่โต๊ะอาหารหลังจากที่เด็กไปตาม
“หมูทอดกระเทียมพริกไทย ไข่เจียวใส่ไชโป้วหวาน ยำผักกาดดอง” จินตนาบอกเมนูให้ลูกชายฟัง
อชิระพอได้ยินและเห็นกับข้าวก็กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น มารดานี่รู้ใจเขาที่สุดเลยทุกเมนูที่อยู่บนโต๊ะล้วนแต่เป็นของชอบทั้งนั้นเลย
“ผมรักแม่ที่สุดเลย” เขาพูดแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ทันที เด็กรับใช้เองก็รู้หน้าที่ตักข้าวต้มใส่ชามให้จนเต็ม
“จ้ะ รักแม่เฉพาะเวลาที่แม่ทำของชอบให้เท่านั้นแหละ” จินตนาพูดแล้วมองค้อนลูกชายอย่างหมั่นไส้
“หนูเทียนนั่งกินข้าวกันเถอะจ้ะ” เธอหันไปพูดแล้วพยักหน้าเรียกรสิกาให้มานั่งข้างๆ
ทั้งสามคนนั่งกินข้าวมื้อเช้าอย่างเอร็ดอร่อยโดยเฉพาะผู้ชายตัวใหญ่ร่างสูงที่เติมข้าวต้มหลายชามหรือจะพูดให้ถูกคือเขากินข้าวต้มคนเดียวหมดหม้อเลย
“โอ๊ย อิ่มมากเลยนี่ถ้าผมกินแบบนี้ทุกมื้ออ้วนแน่ๆ เลย” อชิระพูดแล้วเอามือลูบท้องตัวเองไปมา
“ก็สมควรจะอิ่มนั่นแหละ กินเข้าไปได้ยังไงหมดหม้อขนาดนั้น” จินตนาพูดกับลูกชาย
“ยาหลังอาหารค่ะคุณป้า” รสิกาวางแก้วใบเล็กที่มียาช่วงเช้าอยู่ในนั้น เพราะท่านอิ่มมาครึ่งชั่วโมงแล้ว
“ขอบใจจ้ะ” จินตนาพูดแล้วหยิบยาเข้าปากแล้วดื่มน้ำตามหนึ่งแก้วทันที
“วันมะรืนหมอนัดตรวจใช่ไหมครับ” อชิระถามถึงจะไปม่ค่อยได้กลับมาหาท่าน แต่เขาก็รู้ว่าหมอนัดตรวจท่านวันไหน
“ใช่ ถ้าผลตรวจออกมาดีแม่จะพาหนูเทียนไปเที่ยวนะ...นี่บอกให้รู้ไม่ได้ขอ” จินตนาพูดและห้ามลูกชายอย่างรู้ทัน
อชิระที่กำลังจะพูดห้ามรีบหุบปากแทบไม่ทันทีที่มารดารู้ทันเขา
“เอาไว้ให้ผลตรวจออกมาก่อนเถอะครับ ถ้าทุกอย่างดีขึ้นผมจะให้ไปเที่ยว” เพราะรู้ว่ามารดาชอบเที่ยวครั้นจะห้ามก็จะดูทำร้ายจิตใจกันเกินไป
“หนูเทียนอยากไปเที่ยวไหนจ๊ะ” เธอถามรสิกาอย่างตื่นเต้น
“แล้วแต่คุณป้าเลยค่ะ หนูไปไหนก็ได้” ที่จริงเธออยากขอกลับดูร้านด้วยซ้ำ แต่เธอมีหน้าที่ที่ต้องดูแหญิงสูงวัยคนนี้เลยไม่อาจปฏิเสธได้
“เอาเป็นว่าให้รู้แล้วค่อยคิดดีไหมครับ ถ้าผลออกมาดีผมจะเป็นคนพาแม่ไปเที่ยวเอง” คำพูดของอชิระทำให้จินตนาต้องหันไปมองแล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างแปลกใจ ปกติลูกชายเธอที่รักงานมากจะไม่มีทางทิ้งงานไปเที่ยวแน่นอน
“ถ้ารบจะพาแม่เที่ยวก็ให้หนูเทียนกลับไปดูแลร้านของตัวเองแล้วกันเนอะ” เธอแกล้งพูดออกมา
+++++