ณ ห้องทำงานส่วนตัวของบอสใหญ่ คุณคีย์ CEO แห่ง sunshine group นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงผู้ที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังและโดดเด่นที่สุดจนเป็นที่น่าจับตามองอยู่ในขณะนี้
“บ้านจันทร์ประดับมีลูกสาว 3 คน เป็นลูกแท้ๆ 2 คน ส่วนอีกคนเป็นลูกบุญธรรม พี่คนโตชื่อ ปานเกตุ เกษศิรินทร์ ลูกคนเล็กชื่อ ป่านแก้ว เกษศิรินทร์ ส่วนคนกลางชื่อ ปรางรัศมี จันทร์ประดับครับบอส” พชร เลขาหนุ่มกล่าวรายงานข้อมูลที่ได้รับมาต่อเจ้านายของตน
“ทำไมถึงมีแค่ปรางรัศมี ที่นามสกุลจันทร์ประดับ” เจ้านายหนุ่มถามสงสัย
คีรินทร์ ชายหนุ่มวัยฉกรรจ์หน้าคม มาดนิ่ง สวมชุดสูทสีดำส่งให้เขาดูสง่างามน่าเกรงขามกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้นวมตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงานที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์และแฟ้มเอกสารต่างๆมากมายวางอยู่บนโต๊ะ
มือชายวัยฉกรรจ์สวมนาฬิกาแบรนหรูราคาแสนแพงซึ่งคนธรรมดาไม่มีวันจะหยิบยื่นมันมาประดับบนตัวได้เอื้อมหยิบเอกสารที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมาดู
ในกระดาษแผ่นนั้นมีรูปของหญิงสาว 3 คนซึ่งเป็นสมาชิกแห่งบ้านจันทร์ประดับ
“คุณปรางรัศมีเดิมทีเป็นคุณหนูของบ้านครับ เธอเป็นลูกคนเดียว แต่เมื่อสองสามีภรรยาเจ้าของบ้านจันทร์ประดับเสียชีวิตลง พวกเขาก็ได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินทั้งหมดให้กับน้องสาวบุญธรรมของคุณแม่เธอซึ่งก็คือคุณประภัสสร เจ้าของบ้านคนปัจจุบัน แต่มีข้อแม้ว่าพวกเขาจะต้องรับอุปการะปรางรัศมีให้อยู่ในความดูแลในฐานะบุตรบุญธรรมครับ” พชรตอบตามข้อมูลที่ตนได้รับมา
“แปลก” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างแปลกใจ เขาเริ่มรู้สึกถึงกลิ่นอายความไม่ชอบมาพากลบางอย่างของเรื่องนี้
“บอสก็รู้สึกว่ามันแปลกใช่มั้ยล่ะครับ” เลขาหนุ่มถามสงสัย เพราะเขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน
“พ่อแม่ที่ตายไปทำไมถึงยกทรัพย์สมบัติให้คนอื่นโดยไม่เหลือไว้ให้ลูกตัวเองเลยสักชิ้น” เขาวิเคราะห์เรื่องนี้ตามเหตุผลที่มันควรจะเป็น
“แล้วยังมีอีกเรื่องครับ ข่าววงในว่ากันว่าคุณประภัสสรและสามีของเธอถึงแม้จะจดทะเบียนรับคุณปรางรัศมีเป็นบุตรบุญธรรม แต่แท้ที่จริงพวกเขาไม่ได้เลี้ยงดูเธอเหมือนลูก แต่ให้เป็นคนใช้ในบ้านครับ ขนาดเรียนพวกเขายังส่งเสียให้เรียนจบแค่ ม.3 ตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น คุณปรางรัศมีเธอถูกข่มเหงรังแกมาตั้งแต่เด็กทั้งจากพ่อเลี้ยง แม่เลี้ยง และก็พี่น้องต่างสายเลือด เธอจึงเติบโตมาแบบเด็กที่มีปัญหา โลกส่วนตัวสูงชอบเก็บตัวเงียบ หรือที่พูดอีกอย่างคือโรคซึมเศร้า เธอเป็นคนอ่อนแอ ไม่สู้คน จึงมักจะถูกคุณปานเกตุและคุณป่านแก้วเล่นงานเสมอครับ”
“อืม ก็คงไม่ต่างกัน” ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้
“แล้วนายว่าบ้านนั้นจะส่งใครมาเป็นเจ้าสาวของฉัน” เขาถามเลขาหนุ่มต่อ
“ในสายตาคนนอก คุณคีรินทร์แห่งตระกูลเทพประจักษ์ถึงแม้จะเป็นคนอ่อนแอ สุขภาพไม่แข็งแรง มีโรครุมเร้า แต่ยังไงก็ยังถือว่าเป็นทายาทของเทพประจักษ์คนหนึ่ง ไม่แน่ว่าเจ้าสาวของบอสอาจจะไม่ใช่คุณปรางรัศมีก็ได้ครับ” พชรพูดตามความคิดของตน
“นี่นายไม่รู้เหรอที่คุณพ่อให้ฉันแต่งงานมันหมายความว่ายังไง” คีรินทร์ถามกลับ
“หมายความว่าบอสจะหมดโอกาสที่จะขึ้นเป็นประธานสูงสุดในบอร์ดบริหารของทีพีเจ” พชรตอบตามข้อเท็จจริงในความคิดของตน
ตามกฎของทีพีเจ คนที่จะขึ้นเป็นประธานบริษัทได้จะต้องไม่มีภรรยา เพราะจะต้องแต่งงานกับทายาทของบริษัทคู่ค้าหรือคนที่เหมาะสมตามพิจารณาของผู้ถือหุ้นในบอร์ดบริหารเพื่อความมั่นคงและเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทคู่ค้ากับทีพีเจ
“แล้วใครจะอยากแต่งงานกับคนขี้โรคไร้ความสามารถ แถมยังไม่มีโอกาสขึ้นเป็นประธานสูงสุดของทีพีเจอย่างฉันล่ะ”
“ในเมื่อบอสรู้ แล้วทำไมถึงยังยอมรับการแต่งงานล่ะครับ” พชรถามอย่างไม่เข้าใจ
“ก็เพราะว่ามันเป็นแผนของพิมพ์ผกายังไงล่ะ แผนของเธอคืออยากจะกำจัดฉันไปให้พ้นทางของลูกชายเธอ เพื่อที่สุดท้ายลูกชายของเธอจะได้ขึ้นเป็นประธานบริหารสูงสุด” คีรินทร์ตอบ “แค่ทำให้เธอสมหวัง เธอจะได้ไม่ต้องหาทางมาเล่นงานฉันอีก” เขาพูดเหตุผลของตัวเอง
“แล้วบอสไม่เสียดายมันเหรอ” พชรยังคงสงสัย เพราะเขารู้สึกเสียดายมันแทนเจ้านาย ทั้งๆที่คนที่เหมาะสมที่สุดในตำแหน่งนั้นก็คือเจ้านายหนุ่มของเขา
“นายก็รู้ฉันไม่เคยอยากได้ไอบริษัทห่วยแตกนั่นเลย สิ่งที่ฉันต้องการมีเพียงเรื่องเดียวคือใครเป็นฆาตกรที่ฆ่าแม่ฉัน” ชายหนุ่มกล่าวเสียงเรียบ ความในแฝงไปด้วยความเจ็บปวดที่ถูกฝังลึกอยู่ภายใต้จิตใจ
ตั้งแต่วันที่แม่ของเขาจากไป พ่อของเขาก็แต่งงานใหม่กับพยาบาลประจำตัวของแม่และรับ คราม พี่ชายของเขามาเลี้ยงดูในฐานะบุตรบุญธรรม ทั้งๆที่ครามเป็นลูกชายแท้ๆของพ่อที่เกิดจากนางพยาบาลสาวคนนั้นก่อนที่จะมาแต่งงานกับแม่ของเขาเพราะเหตุผลทางธุรกิจตามกฏของบริษัททีพีเจ ตั้งแต่วันนั้นมาพิมพ์ผกาก็เอาแต่จ้องทำร้ายคีรินทร์หาทางแกล้งเขาสารพัด โดยต่อหน้าพ่อของเขาเธอก็แสร้งทำเป็นดีด้วย แต่พอลับหลังก็หาเรื่องแกล้งทำร้ายเขาสารพัด ชายหนุ่มจึงต้องแกล้งทำตัวเป็นคนป่วยที่มีโรครุมเร้าซึ่งต้องมีบุรุษพยาบาลคอยดูแลตลอด เพื่อให้พิมพ์ผกามองว่าเขาเป็นคนไม่มีความสามารถ เธอถึงจะเลิกแกล้งเขาและไม่ได้ระวังในตัวเขา วิธีนี้ถึงจะทำให้คีรินทร์อยู่บ้านหลังนี้ได้อย่างสงบ และสามารถตามหาตัวฆาตกรที่ฆ่าแม่ของเขาโดยไม่มีใครสงสัยหรือระแคะระคายได้
“ไม่มีอะไรแล้ว นายออกไปเถอะ ถ้ามีอะไรเดี๋ยวฉันจะโทรหา”
“ครับบอส” พชรก้มหัวให้เจ้านายหนุ่มหนึ่งครั้งก่อนจะหันหลังเดินเปิดประตูออกไป
คีรินทร์หยิบรูปภาพเหล่านั้นขึ้นมาดูอีกครั้งอย่างสนใจ
“คอยดูสิว่าพวกคุณสามคน ใครจะได้เป็นเจ้าสาวของผม”