เช้าวันต่อมา…….
วันน้นี้ฉันตื่นก่อนพี่ธามก็เลยรีบเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะกลับไปคอนโดตัวเองเพื่อไปเปลี่ยนเป็นชุดนักศึกษา เพราะฉันย้ายมาอยู่ที่นี่แต่ยังไม่ได้เก็บของอะไรมาเลย เมื่อคืนหลังจากที่เรากลับมาถึงเพนท์เฮ้าส์ฉันกับเขาก็ไม่ได้คุยอะไรกัน ฉันแยกไปอาบน้ำส่วนพี่ธามหนีเข้าห้องออกกำลังกาย ฉันก็ยังสงสัยอยู่นะว่าเขาจะออกกำลังตอนใกล้จะเที่ยงคืนเนี้ยนะ??
ตึ๊ง! ตึ๊ง! ตึ๊ง! ตึ๊ง! ตึ๊ง! ตึ๊ง!!!
ฉันเดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาเพื่อชาร์ทแบตโทรศัพท์ ไม่รู้ว่าเมื่อคืนแบตหมดไปตอนไหน แต่ทันทีที่เปิดเครื่องทั้งเสียงเตือนข้อความไลน์แล้วก็ข้อความแจ้งเตือนสายที่ไม่ได้รับก็ดังสนั่นรัวยิ่งกว่าเอ็มสิบหกซะอีก ฉันรีบหยิบมือถือขึ้นมาดูทันทีเห็นว่าเป็นไลน์กรุ๊ปของเพื่อนฉันนั่นเอง
มีข้อความที่ถูกส่งมาตั้งแต่เมื่อคืน เวลาในไลน์ 11:15 PM
แตงกวา :: อายตาเมิงเป็นไงบ้าง ??
น้ำหวาน :: ยัยอายตาถ้าอ่านแล้วตอบด้วยนะ....ฉันเป็นห่วง
แตงกวา :: แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นใคร??
แตงกวา :: เมิงรู้จักกับเขาหรือเปล่า??
แตงกวา :: ตอบด้วยสิโว้ยไอ้เพื่อนบ้า!!!
น้ำหวาน :: แกไม่คิดจะเว้นวรรคให้อายตามันตอบบ้างเหรอแตงกวา -_-
พออ่านข้อความทั้งหมดจบฉันก็พิมพ์กลับไปหาพวกมันทันที เวลาในไลน์ 07:30 AM
อายตา :: สวัสดีเช้าวันจันทร์จร้าทุกคนนนนน >_<
ฉันตอบไลน์พร้อมกับสติกเกอร์หน้ายิ้มสดใสกลบเกลื่อนความผิดเรื่องเมื่อคืนนี้ รู้แหละว่ายังไงก็ต้องโดนคาดคั้นแต่ขอกลบเกลื่อนก่อนละกันเผื่อรอด
แตงกวา :: เมิงหายไปไหนมา!!!
น้ำหวาน :: เมิงหายไปไหนมา!!!
นั่นไงพวกมันตอบกลับมาอย่างพร้อมเพรียง
แตงกวา :: ยังไง? เล่ามาให้หมดเลยนะยัยตัวดี!!
น้ำหวาน :: เออ ....เล่ามาให้หมดเลยนะ!!
อายตา :: เออๆ สำนึกผิดแล้วจร้า เดี๋ยวฉันเล่าให้ฟัง เจอกันที่มหา’ลัยนะ
หลังจากตอบไลน์เสร็จฉันก็วางมือถือลงบนโต๊ะจากนั้นก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมากุมขมับ ปวดหัว! ปวดหัว! ปวดหัวโว้ยยยยย!!!
“เป็นอะไรไม่สบายเหรอ??” เสียงทุ้มของพี่ธามเอ่ยถามมาจากด้านหลัง หันไปก็เห็นเขายืนล้วงกระเป๋ากางเกงในชุดนักศึกษาพร้อมกับเสื้อช็อปของคณะวิศวะ
“ใช่ค่ะปวดหัว! ปวดมากด้วย!!” ฉันตอบกลับไปสั้นๆ พร้อมกับมองค้อนเขาไปหนึ่งทีเพราะเรื่องปวดหัวที่เกิดขึ้นกับฉันมันก็มีสาเหตุมาจากเขานั่นแหละ เพราะเขาที่ลากฉันออกมาจากร้านเมื่อคืนนี้ทำให้เพื่อนฉันต้องกระหน่ำส่งไลน์มาถามตั้งแต่เมื่อคืน
“เป็นไข้หรือป่าว?” ว่าแล้วมือหนาก็ทาบลงมาบนหน้าผากพร้อมกับร่างสูงที่ทรุดนั่งลงข้างๆ สายตาของเขาที่มองมาดูเป็นห่วงอยู่ในที พอเห็นสายตาแบบนั้นหัวใจดวงน้อยๆ ของฉันก็เต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นมาทันที ยิ่งเขายื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ จากตัวเขามันก็ทำให้ใจฉันเต้นแรงขึ้นไปอีก ...คนบ้าอะไรใช้ความหล่อเปลืองชะมัด...
“ป่าวค่ะไม่ได้เป็นไข้ ที่ปวดหัวอยู่เนี้ยก็เพราะพี่นั่นแหละ!” ฉันขยับออกห่างจากเขาเพราะกลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะของตัวเองเข้าให้ .... บ้าเอ้ย! จะมาใจเต้นอะไรตอนนี้ก็ไม่รู้....
“เพราะฉัน?? ฉันไปทำอะไรให้เธอ” พี่ธามนั่งกอดอกแล้วเอนหลังพิงพนักโซฟาพร้อมกับขมวดคิ้วมองหน้าฉันเขม็ง
“ก็เพราะพี่ลากฉันกลับมาเมื่อคืนไง เพื่อนฉันก็เลยเป็นห่วงพวกมันทั้งโทรทั้งไลน์หาฉันตั้งแต่เมื่อคืน”
“แล้วมันความผิดของฉันตรงไหน!?” ยังคงนั่งกอดอกมองฉันไม่ละสายตา
“ก็พี่นั่นแหละทำให้อายไม่ได้ชาร์ทแบตโทรศัพท์ก็เลยไม่ได้รับโทรศัพท์เพื่อนไง!”
“โทรศัพท์เธอแบตหมดเอง แล้วเธอก็ดันไม่ชาร์ทมันเอง มันไม่ใช่ความผิดของฉันเลย เธอโง่เอง” พูดจบเขาก็ยันตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินตรงไปที่ประตูปล่อยให้ฉันนั่งอ้าปากค้างที่โดนเขาด่าว่าโง่ อยากจะด่ากลับเหมือนกันแต่คิดไม่ทันจริงๆ
“จะนั่งเอ๋ออีกนานไหม จะไปไหมมหาลัยน่ะ!!” พี่ธามหยุดเดินแล้วหมุนตัวกลับมาตะคอกใส่ฉันหลังจากนั้นก็เดินลิ่วไปเปิดประตู ฉันรีบดีดตัวจากโซฟาทันทีพอนึกขึ้นได้ว่าถ้าฉันยังขืนชักช้าอยู่ได้โดนพี่ธามทิ้งไว้ที่ห้องแน่...
ลานจอดรถส่วนตัวของเพนท์เฮ้าส์……..
“พี่ธามรีบไหมคะ ช่วยแวะไปที่คอนโดอายก่อนได้ไหม อายจะไปเปลี่ยนชุดนักศึกษา” ฉันบอกพี่ธามในขณะที่รถแล่นออกมาจากชั้นจอดรถส่วนตัวของเพนท์เฮ้าส์ได้สักพัก
“ถ้างั้นก็เก็บข้าวของที่ต้องใช้ออกมาด้วยเลยจะได้ไม่ต้องกลับไปบ่อยๆ” เขาตอบเสียงราบเรียบแต่ก็ไม่ได้ปฎิเสธอะไร
“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวอายก็กลับไปนอนที่ห้องตัวเองแล้วจะขนของไปห้องพี่ทำไม เอาไปแค่ที่จำเป็นก็พอมั้งคะ” ฉันเองก็ตอบกลับเขาไปพร้อมกับก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือไปด้วย
เอี๊ยดดดดดด!!!!! เสียงล้อรถเบียดกับพื้นถนนดังสนั่นเพราะพี่ธามเบรครถกระทันหันจนมือถือเกือบหลุดจากมือฉัน
“โอ๊ยยยย... พี่ธาม!! พี่เป็นบ้าอะไรเนี้ยทำไมเบรกแรงแบบนี้ ฉันเกือบจะพุ่งทะลุกระจกรถไปแล้วนะ!!” ฉันหันไปแหววใส่เขาแต่พอเห็นหน้าเขาเท่านั้นแหละฉันถึงกับต้องหุบปากเงียบสนิท
“กลับไปนอนที่ห้องตัวเองงั้นเหรอ!!? เธอลืมไปหรือเปล่าว่าตัวเองแต่งงานมีผัวแล้ว! แต่งงานแล้วก็ต้องนอนกับผัวไม่ใช่กลับไปนอนที่ห้องคนเดียว และฉันก็ไม่อนุญาติด้วย!!!!” เขาตะคอกเสียงดังใส่ทำเอาคนที่นั่งข้างๆ อย่างฉันกลัวจนตัวสั่นไปเลย
“กะ.. ก็ได้คะ พูดดีๆ ก็ได้นี่คะไม่เห็นต้องโกรธเลย อายไม่ดื้อซะหน่อย” ฉันเริ่มจะกลัวเขาขึ้นมาจริงๆ ซะแล้ว หน้าตอนเขาดุเนี้ยน่ากลัวยิ่งกว่าอะไรซะอีก ...ใจหายหมดเลย...
จากนั้นฉันก็บอกทางเขาจนมาถึงที่คอนโด นอกจากบอกทางแล้วก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลย บรรยากาศมาคุสุดๆ ไปเลย ...โอ้ยยยย! ฉันจะทำยังไงดีเนี้ยมีผัวโมโหร้ายแบบนี้.... ชีวิตนี้จะมีความสุขไหมเนี้ยอายตา 0_0
พอมาถึงห้องฉันก็รีบเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยมีพี่ธามเดินตามมาติดๆ ฉันเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องนอนส่วนพี่ธามก็เดินสำรวจห้องของฉันไปพลางๆ 10 นาทีต่อมาฉันก็เดินออกมาจากห้องนอนในชุดนักศึกษาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ฉันเก็บสัมภาระเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวเพื่อย้ายไปอยู่ห้องของเขา พอเขาเห็นฉันลากกระเดินทางออกมาเขาก็เดินเข้ามาช่วย
“นี่เธอขนเตียงไปด้วยหรือไงกระเป๋าใหญ่ขนาดนี้” ปากก็บ่นแต่มือก็ดึงกระเป๋าเดินทางออกไปจากมือฉัน
“อายเป็นผู้หญิงนะคะ ก็ต้องมีเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวเยอะเป็นธรรมดาสิ” ฉันมองค้อนเขาไปหนึ่งที