“ก็ขอให้มันเป็นแบบนั้นนะ” พวกเรามองหน้ากัน รู้แหละว่าพวกมันเป็นห่วงแต่เรื่องนี้ฉันขอจัดการเอง
จากนั้นพวกเราก็แยกย้ายกันฉันหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้ก็ใกล้จะห้าโมงเย็นแล้ว แล้วก็เห็นข้อความของพี่ธามที่ส่งมา เขาส่งมานานแล้วหละแต่ฉันประชุมอยู่เลยไม่ได้ตอบกลับ
พี่ธาม :: เลิกเรียนรึยัง?
อ่านจบก็ฉันก้มหน้ากดโทรศัพท์กำลังจะตอบกลับข้อความพี่ธามแต่เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นทำให้ฉันต้องหันไปตามเสียง
“หน้าด้าน!!!!”
พี่ลูกหว้าในชุดเสื้อนักศึกษาที่เข้ารูปกับกระโปรงทรงเอสั้นเหนือเข่าพร้อมด้วยรองเท้าส้นสูงสีดำยืนกอดอกอยู่กับเพื่อนอีกสองคนที่แต่งตัวสไตล์เดียวกัน ทั้งสามคนจ้องมองฉันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อกันก็ไม่ปาน ฉันที่รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยในสถานการณ์นี้เพราะตอนนี้มันเย็นมากแล้วและบริเวณนี้ก็ไม่มีค่อยมีผู้คนพลุกพร่าน ฉันเลยทำเหมือนไม่สนใจพวกเขาแล้วหมุนตัวกลับไปอีกทาง พยายามเอาตัวเองออกจากสถานการณ์นี้เพราะฉันไม่อยากมีเรื่องกลัวจะโดนไล่ออกตั้งแต่ยังไม่จบปีหนึ่งน่ะสิ
“อีนี่!!!” เพื่อนพี่ลูกหว้าพุ่งตัวเข้ามาขวางฉันไว้เพราะเห็นว่าฉันกำลังจะเดินหนี
“รุ่นพี่คุยด้วยไม่ได้ยินเหรอคะน้อง!!!” เพื่อนพี่ลูกหว้าอีกคนเดินเข้ามาประกบฉันไว้ คุยด้วยเหรอ? ด่าว่าหน้าด้านนี่นะเรียกว่าคุยแถวบ้านเรียกด่าคร้า
“ขอโทษทีค่ะ...ไม่รู้ว่าคุยด้วย พอดีว่าแถวบ้านเวลาคุยกันเขาไม่เรียกกันว่า หน้าด้าน น่ะค่ะ” ฉีกยิ้มกว้างไปให้คนตรงหน้า แต่เป็นยิ้มที่ฉันเองก็คิดว่าตัวเองกวนสุดๆ ไปเลย
“ปากดีจังเลย อย่างนี้ต้องโดนอะไรดีนะ” พี่ลูกหว้าเดินเข้ามาหาฉันก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังก็รู้ว่าเธอพยายามสะกดอารมณ์ไว้แค่ไหน รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอมันไม่ได้ทำให้คนมองรู้สึกดีเลย... เธอคงจะพยายามสกัดกั้นอารมณ์โมโหเกรียวกราดของตัวเองไว้ ว่าง่ายๆ ก็คงจะกำลังพยายามคีพลุคให้ดูเหนือกว่าฉันอยู่นั่นแหละ
“พี่มีอะไรรึเปล่าคะ ถ้าไม่มีฉันขอตัวนะคะ” ฉันพยายามพาตัวเองออกไปจากตรงนี้
“เป็นอะไรกับธาม!!!” ในที่สุดพี่ลูกหว้าก็ถามคำถามคาใจกับฉันด้วยเสียงที่ดังพอสมควร สีหน้าแสดงอารมณ์เกรียวดกราดอย่างเปิดเผย
“ทำไมพี่ไม่ไปถามพี่ธามเอาหละคะ... พี่อาจจะได้คำตอบที่ดีกว่ามาถามฉันก็ได้นะ” ฉันเองก็ยังตอบหน้านิ่ง
“ธามเป็นของฉัน ถ้ายังไม่เลิกอ่อยธามแกจะโดนมากกว่าวันนี้... เห็นแล้วนี่ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง” พี่ลูกหว้าแสยะยิ้มเปิดเผยตัวตนของตัวเองที่เป็นตัวการของเรื่องโปสเตอร์และเรื่องราวทั้งหมด
“ไปบอกพี่ธามเองเถอะค่ะ” ฉันเองก็จ้องหน้ากลับ เริ่มจะโมโหขึ้นมาแล้วนะ
เพี๊ยะ!!! เสียงฝ่ามือกระทบแก้มด้านขวาของฉันมันทำเอาชาไปครึ่งหน้าเลย รู้สึกได้ถึงรสเฝื่อนของเลือดที่ซึมออกมาจากมุมปาก แก้มขาวขึ้นสีแดงจนเห็นรอยนิ้วได้อย่างชัดเจน
“ทำอะไรของพี่เนี้ย!!!” โอ้ยยย... เจ็บ ฉันรู้สึกชาไปทั้งแก้ม ไม่ทนแล้วโว้ยยย!!
“หึๆ!” เสียงเพื่อนทั้งสองคนของพี่ลูกหว้าหัวเราะสะใจในลำคอก่อนจะช่วยกันล็อคแขนของฉันไว้เพราะฉันทำท่าจะสวนกลับ
“หมดความอดทนเหมือนกันนะเว้ย! ที่ยอมยืนให้ด่าเอาๆ แบบนี้มันก็มากเกินพอแล้ว” ฉันตวัดสายตามองหน้าพี่ลูกหว้าก่อนที่เธอจะง้างมือฟาดลงมาซ้ำรอยเดิมอีกครั้ง
เพี๊ยะ !!! ฝ่ามือเรียวฟาดกระทบลงบนแก้มข้างเดิม และฉันก็รับรู้ได้ถึงเลือดที่ไหลซึมออกมามากกว่าเดิม
“จำไว้อย่ามายุ่งกับผู้ชายของกู!!!” เธอตวาดเสียงดังใส่
“ทำเหี้ยไรว่ะลูกหว้า!!!!” ในขณะที่สถาณการณ์กำลังวุ่นวายจู่ๆ เสียงของผู้ชายก็ดังขึ้น พวกเราทุกคนหันไปมองทางต้นเสียง และก็เป็นพี่อิฐกับพี่คิมหันต์ที่กำลังวิ่งตรงมาทางพวกเรา พวกพี่เขาตรงเข้ามากระชากแขนของเพื่อนพี่ลูกหว้าให้หลุดจากฉันจากนั้นก็เหวี่ยงพี่สองคนไปให้ไกลจากฉันแล้วเข้ามาประคองฉันแทน ...ไม่รู้ประคองทำไม โดนตบค่ะพี่ยังยืนไหว...
“เป็นไงบ้างอายตา?” เสียงทุ้มของพี่คิมหันต์เอ่ยถามพร้อมจ้องมองรอยแดงที่แก้มฉันไปพลาง
“โอเคค่ะพี่...แค่นี้จิ๊บๆ แต่โคตรเจ็บเลย” ฉันเองก็หันไปปั้นยิ้มแห้งๆ ทะเล้นๆ ให้เขา ไม่อยากทำให้พวกพี่เขาเป็นห่วงนี่นา
“ยังจะเล่นอีก! เรื่องนี้ไอ้ธามต้องรู้!” พี่คิมหันต์ว่าพลางกดโทรศัพท์โทรหาปลายสายทันที ฉันจะห้ามก็ห้ามไม่ทัน ถ้าพี่ธามมาเรื่องมันจะไปกันใหญ่น่ะสิ
“ทำแบบนี้แล้วคิดว่าไอ้ธามมันจะมองเธองั้นสิ! เลิกทำตัวให้มันเกลียดไปมากกว่านี้ซะทีเถอะวะ!” สายตาคมแสนดุดันของพี่อิฐจ้องหน้าพี่ลูกหว้าไม่วางตาพร้อมกับแสยะยิ้มเย็นเหยียบ จะว่าไปแล้วพวกพี่เขาก็น่ากลัวไม่ต่างจากพี่ธามเลยจริงๆ
“ก็อีนี่มันมายุ่งกับของของฉันก่อน โดนตบแค่นี้ยังน้อยไป!!!” พี่ลูกหว้าเชิดหน้าและตวาดเสียงดัง
“กูไม่เคยเป็นของของมึง!!!”
“ธาม!!!” เสียงทุ้มที่ถูกเค้นรอดไรฟันออกมาของคนมาใหม่ทำเอาพี่ลูกหว้าตกใจสุดขีดแถมยังโดนมือหนากระชากแขนจนตัวเธอลอยไปด้านหลัง เพื่อนทั้งสองคนของเธอได้แต่มองอย่างกลัวๆ ไม่กล้าเข้ามาช่วยเพราะสายตาพี่ธามตอนนี้มันน่ากลัวเอามากๆ เลย
เหตุการณ์ก่อนหน้านั้น......
Timetawin part...
ผมเดินลงมานั่งใต้ตึกคณะหลังจากเลิกเรียนเพื่อรอที่จะไปรับอายตาแต่ยัยนั่นยังไม่ตอบไลน์ผมเลยไม่รู้ทำอะไรอยู่ จากนั้นพวกไอ้อิฐกับไอ้อาร์มก็เดินไปซื้ออะไรมานั่งกินกันพูดคุยกันเรื่องสัพเพเหระ
“ยังไงมึง! เมื่อคืนออฟไลน์หนีพวกกูไปเลย แม่ง...คราวหน้ากูไม่ให้มึงอยู่ทีมเดียวกับกูละสัส!” ไอ้อิฐมันงอนผมครับ ก็เมื่อคืนผมออกจากเกมส์ไปดื้อๆ โดยไม่บอกพวกมัน ผมเห็นอายตาง่วงนอนก็เลยจะนอนพร้อมเธอแต่นั่นมันทำให้ไอ้อิฐเล่นเกมส์แพ้ วันนี้มันเลยงอนผมทั้งวัน
“มึงอ่อนเองโทษกูไม่ได้” ผมก็ยิ้มกวนตีนมันไป
“สัส! ง้อเมียจนลืมเพื่อนเลยนะมึงอ่ะ” ไอ้อาร์มยิ้มแซวผม
“ง้อเหี้ยไร กูง่วงกูก็เลยนอน” ผมไม่ได้ง้อจริงๆ นี่ครับ แค่อยากนอนกอดอายตาเฉยๆ
“กูถามจริงเหอะ... มึงกับน้องอายตาไปถึงไหนกันแล้ววะ อย่าหาว่ากูเสือกเลยนะกูไม่เคยเห็นมึงเข้าใกล้ผู้หญิงคนไหนเลย ถึงมึงจะบอกว่ามึงกับน้องแต่งงานกันเพราะผู้ใหญ่ก็เหอะ แต่คนอย่างมึงถ้าไม่รู้สึกอะไรมีเหรอจะยอม... กูพูดถูกไหม?” ไอ้คิมหันต์มันถามเสียงเรียบ จริงอย่างมันว่าแหละครับว่าเราสองคนอยู่ด้วยกันเพราะผู้ใหญ่จัดการ แต่คนอย่างผมไม่เคยยอมให้ใครเข้ามากำหนดชีวิตของผมง่ายๆ หรอก..... แต่เรื่องนี้ผมก็มีเหตุผลของผมละกัน
“มึงจัดการหรือยัง??” ไอ้อิฐถามขึ้นมาพร้อมหน้าตากวนตีนและรอยยิ้มกรุ่มกริ่มของมัน ผมรู้ว่ามันหมายถึงอะไร
“ยัง” ผมเองก็ตอบไปตามความจริง
“เหี้ยยยยยย!!!” สามเสียงประสานกันอย่างพร้อมเพียง หน้าตาเหมือนไม่เชื่อคำตอบของผม
“เสือธามกลายเป็นแมวแล้วเหรอวะ กวางน้อยอยู่ในกำมือแต่ไม่แดก” ไอ้อิฐทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ
“กูไม่ใช่มึงไอ้เหี้ยอิฐวันๆ คิดแต่เรื่องใต้สะดือ” ด่ามันไปทีนึงแต่มันกับยิ้มกวนพร้อมกับยืดอกยอมรับคำด่าของผม ดูมันภูมิใจ
“ยอมรับคร้าบบบบ” ยิ้มกว้างกวนๆ สไตล์มัน
จากนั้นพวกผมก็คุยกันเฮฮาไปเรื่อยจนไอ้อิฐกับไอ้คิมมันเดินไปเข้าห้องน้ำ
“เหี้ยยย!!! ไอ้ธามมึงดูนี่!” ไอ้อาร์มสถบออกมาเสียงดังก่อนจะยื่นโทรศัพท์มือถือของมันให้ผมดู ก่อนจะเห็นภาพโปสเตอร์ที่ถูกแชร์อยู่บนโซเชียล มันเป็นภาพด้านข้างของอายตากับข้อความที่พอผมอ่านแล้วมันก็ทำให้อารมณ์ของผมขึ้นมาทันที ...ผู้หญิงหน้าด้านชอบยุ่งกับแฟนชาวบ้าน...
“กูว่าลูกหว้าเล่นเมียมึงแล้วเนี้ย!!”
ตั้งแต่เช้าพวกผมก็ไม่ค่อยได้แตะโทรศัพท์กันเลยเพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับโปรเจ็ค แล้วผมเองก็ไม่ค่อยเล่นโซเชียลเลยไม่ค่อยรู้ความเคลื่อนไหวอะไร ขณะที่กำลังสนใจอยู่กับข้อความและภาพในมือถือจู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นและก็เป็นเบอร์ของไอ้คิมที่โทรเข้ามา แต่ทันทีที่กดรับสายผมก็รู้สึกชาไปทั้งตัวพร้อมกับขาที่ก้าวออกมาอยากไวจนแทบจะกลายเป็นวิ่ง ได้ยินเสียงไอ้อาร์มตะโกนถามพร้อมกับวิ่งตาม และทันทีที่มาถึงหลังตึกคณะบริหารฯ ผมก็เห็นพวกไอ้อิฐกับไอ้คิมยืนอยู่ข้างๆ อายตาที่ตอนนี้แก้มขาวของเธอขึ้นรอยแดงชัดเจน ผมตวัดสายตาไปมองคนต้นเรื่องทันที ลูกหว้ากับเพื่อนอีกสองคนดูตกใจไม่น้อยที่เห็นผม
เหตุการปัจจุบัน..........
หลังจากเหวี่ยงพี่ลูกหว้าจนปลิวไปด้านหลังพี่ธามก็เดินเข้ามาหาฉันสายตาเขาดูโกรธมากจนฉันเองยังกลัว ก่อนจะหันกลับไปตะคอกเสียงดังกับพี่ลูกหว้าจนเธอร้องไห้ออกมา
“กูเตือนแล้วใช่ไหมว่าอย่ายุ่งกับเมียกู แล้วถ้ายังทำอีกก็อย่าหาว่ากูใจร้ายกับผู้หญิง”
ตอนนี้ทุกคนไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย พี่ธามดูน่ากลัวมากเขาเดินเข้ามาหาฉันก่อนจะพาฉันออกมาจากตรงนั้นพวกเพื่อนพี่เขาก็เดินตามกันออกมา ฉันทำได้แค่เดินตามเขาออกมาเงียบๆ ได้ยินเสียงร้องไห้ของพี่ลูกหว้าดังแว่วมา เธอคงชอบพี่ธามจริงๆ ถึงได้ขาดสติทำอะไรแบบนี้ลงไป
พอเดินมาถึงลานจอดรถพี่ธามก็หันมามองฉัน แววตานั้นมันอธิบายไม่ถูก...เหมือนมันมีความรู้สึกมากมายที่ฉันไม่เข้าใจ
“ทำไมถึงยอมให้เขาตบเอาได้ มือก็มีทำไมถึงไม่ตอบโต้ไปบ้าง” นี่แหละค่ะพี่ธามตัวจริง ไม่เคยจะมีหรอกคำปลอบโยนมีแต่คำซ้ำเติม
“น้องมันโดนล็อคมึงจะให้ตอบโต้ยังไงวะ!! แม่งพูดแล้วก็ขึ้นถ้าไม่ใช่ผู้หญิงนะกูจะถีบเข้าให้” พี่อิฐดูยังอารมณ์ค้างและโกรธเคือง
“ขอบคุณนะคะที่มาช่วย ถ้าไม่ได้พวกพี่สองคนป่านนี้อายคงแย่” พูดพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ส่งไป
“เราก็เป็นเหมือนน้องพวกพี่จะไม่ให้พวกพี่ช่วยได้ไงครับ” พี่คิมหันต์ผู้แสนอบอุ่นของฉัน ฉันยิ้มให้เขาไปหนึ่งทีก่อนจะรีบหุบยิ้มเพราะสายตาดุของพี่ธามที่กำลังมองมา แต่แล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่าต้นเหตุทั้งหมดมันมาจากเขา
“พี่ไม่ต้องมาดุอายเลย ต้นเหตุมันก็มาจากพี่นั้นแหละ... ฉะนั้นเลิกมองอายแบบนี้ค่ะ แล้ววันนี้อายจะออกไปเที่ยวกับเพื่อนแก้หงุดหงิด”
“มะ......”
“แล้วก็ไม่ต้องมาห้ามด้วย ถ้าพี่ห้ามอายจะโทรไปฟ้องคุณแม่พี่...ว่าพี่เป็นต้นเหตุทำให้อายโดนตบ!!” ฉันเชิดหน้าพูดรัวเป็นชุดใส่หน้าเขา พี่ธามทำได้แค่อ้าปากค้าง
“ฮ่าๆๆ สุดยอดไปเลยน้องอายตา” พวกเพื่อนพี่ธามที่ยืนฟังฉันกับพี่ธามอยู่ถึงกับหัวเราะชอบใจออกมา...
พี่อาร์มถามพี่อิฐกับพี่คิมหันต์ว่าไปช่วยฉันได้ยังไง พวกพี่อิฐบอกว่าโดนอาจารย์ใช้ให้ไปช่วยยกของที่คณะบริหารขากลับก็เลยเห็นเหตุการณ์เข้า... จากนั้นพวกเราก็แยกย้ายกันกลับ ....