“ไม่รู้วะ เอาไว้ก่อนละกัน โอ้ยยย.... ปวดหัว” ฉันยกมือขึ้นกุมขมับของตัวเองพร้อมส่ายหัวไปมา
“มายืนทำอะไรกันตรงนี้พี่เดินหาตั้งนาน!” เสียงพี่หรัสของฉันดังขึ้นด้านหลัง พี่ภูผาเดินเข้ามาหาฉันสีหน้าดูเป็นกังวลและดูเหมือนจะมีคำถามมากมาย นี่ถ้าหน้าพี่เขาเป็นกระดานมันคงมีเครื่องหมายเควสชั่นมาร์ค(question mark
)แปะอยู่แน่นอน
“มีอะไรเหรอคะพี่ภูผา ไม่ได้เจอกันนานเลยคิดถึงจัง” ส่งยิ้มทะเล้นไปให้พี่รหัสของตัวเอง
“หวัดดีค่ะพี่ / หวัดดีค่ะพี่” แตงกวากับน้ำหวานก็ทักทายด้วย
“หวัดดีครับ” พี่ภูผาส่งยิ้มให้พวกมันสองคนก่อนจะหันหน้าดุๆ มามองฉัน
“พี่เห็นในเฟสฯ มีคนแชร์รูปเราเต็มไปหมด เกิดอะไรขึ้นเล่าให้พี่ฟังสิ” สีหน้าเขาดูเป็นห่วงอยู่ในที พี่ภูผาเป็นพี่รหัสของฉันและเป็นผู้ชายกลุ่มน้อยนิดที่มีในคณะบริหารฯ เขาตัวสูงพอๆ กับพี่ธามแต่ก็เตี้ยกว่านิดหน่อยผิวเข้มหน้าคมดูห่ามๆ แต่ก็หล่อเหลาเอาการเลยทีเดียว เขาดูแลฉันดีมากเป็นที่ปรึกษาทั้งเรื่องเรียนและเรื่องอื่นๆ จริงๆ แล้วเขาก็เป็นคนอบอุ่นนะแค่ขัดกับลุคภายนอกนิดหน่อย
“ ^_^ “ ฉันไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ส่งยิ้มแห้งๆ ไปให้
“ไม่ต้องมายิ้ม! พี่ไม่ขำ! ไปมีเรื่องกับใครมาเขาถึงได้ว่าเราแบบนั้น” คาดคั้นคำตอบจากฉันเสียงเข้มเชียว ...ทำไมผู้ชายรอบตัวฉันถึงได้ชอบดุฉันจังนะ...
“นิดหน่อยค่ะ แต่ก็ไม่มีอะไรมากหรอกพี่ อายจัดการได้”
“เรื่องนี้เกี่ยวกับไอ้ธามด้วยใช่ไหม!?” ขณะที่กำลังพูดคุยกันภูผาอยู่นั้นจู่ๆ พี่ภาคินก็เดินเข้ามาหยุดตรงหน้าฉันกับพี่ภูผา วันนี้นี่วันรวมสายรหัสหรือไงนะ...ทั้งพี่รหัสทั้งลุงรัหสพากันมารุมฉันกันให้หมด นี่ถ้ามีพี่พริ้งอีกคนก็ครบสายรหัสเลยนะ เฮ่อออ... แต่พอมองหน้าพี่ภาคินก็พลานนึกถึงเรื่องวันนั้นที่ร้านเหล้า ตั้งแต่มีเรื่องกันวันนั้นก็ไม่เจอเขาเลยเพิ่งจะมาเจอกันวันนี้นี่แหละ
“คิดถึงลุงรหัสเหมือนกันนะคะ” ฉันส่งยิ้มทะเล้นกลบเกลื่อนไปให้เขา
“หยุดทะเล้น! / หยุดทะเล้น!” พี่ภาคินกับพี่ภูผาผสานเสียงกันดุฉันจากนั้นพากันลากฉันไปนั่งคุยที่โต๊ะข้างๆ ตึกแทนโดยมียัยน้ำหวานกับแตงกวาตามมาด้วย
“เล่ามาพี่จะได้ช่วยได้” พี่ภูผาเปิดประเด็นขึ้นก่อน
“เรื่องลูกหว้ากับไอ้ธามถูกไหม?” สายตาคมของพี่ภาคินจ้องฉันเขม็ง และที่เขาถามมันก็ถูกแหละ ฉันทำได้แค่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะพยักหน้ารับน้อยๆ
“ค่ะ... พี่คินรู้เหรอคะว่าพี่ลูกหว้าเขา....” เว้นวรรคไว้นิดหนึ่งเมื่อพูดถึงเรื่องที่พี่ลูกหว้าชอบพี่ธาม
“ลูกหว้ามันชอบไอ้ธามใครๆ ก็รู้ แต่พี่ไม่รู้ว่าพวกมันไปถึงขั้นไหนกัน แล้วทำไมอยู่ๆ ลูกหว้าถึงได้มารังควานเราหรือว่าลูกหว้ารู้เรื่องของเรากับไอ้ธามแล้ว ” พี่คินมองหน้าฉันนิ่ง
“เปล่าหรอกค่ะ... คือเมื่อวานพี่ลูกหว้าเขาบังเอิญเดินมาเห็นพี่ธามอยู่กับอายพอดี...ก็เลยมีเรื่องนิดหน่อยน่ะค่ะ” จริงๆ ไม่ใช่ความบังเอิญหรอกตั้งใจเลยแหละ
“บังเอิญอะไรหละ! พี่เขาตั้งใจเดินเข้ามาหาพี่ธามแต่มาเจอพวกพี่ธามอยู่กับพวกเราต่างหากก็เลยไม่พอใจ แล้วยิ่งเห็นพี่ธามใกล้ชิดกับอายตาพี่เขาก็เลยปรี๊ดแตก!” แตงกวาที่นั่งฟังอยู่นานจนหมดความอดทนพูดขึ้นมากลางวงเพื่อคลายความสงสัยของทุกคน
“ไอ้แตงกวา!” ฉันหันไปดุมัน
“ไม่ต้องไปดุเพื่อนเลย” พี่ภูผาเองก็ดุฉันอีกคน โอ้ยยยย.... วันนี้มีแต่คนรุมดุฉัน
“พี่ว่า....ลูกหว้าเขาไม่หยุดแค่นี้หรอกนะ เราเองก็ระวังตัวไว้ด้วยถ้ามีอะไรให้รีบบอกพี่กับไอ้ภูผาจะได้ช่วยกันได้” น้ำเสียงพี่ภาคินแฝงความเป็นห่วงอยู่ในที ฉันเองก็ไม่ได้อยากให้ใครมาเดือดร้อนกับเรื่องนี้หรอกนะ กะว่าจะแก้ปัญหาด้วยตัวเองแต่เอาไปเอามาตอนนี้มีคนเข้ามาข้องเกี่ยวเพิ่มขึ้นเต็มไปหมด บอกเลยนาทีนี้อายตาปวดหัวคะ!!
หลังจากแยกย้ายกับพี่สองคนแล้วฉันกับเพื่อนก็เข้าเรียนตามปกติแต่ที่มันไม่ปกติก็คือสายตาที่มองมา ทุกคนดูมีคำถามแต่ไม่มีใครกล้าถาม ฉันไม่ได้สนใจอะไรเรียนไปตามปกติจนถึงเวลาเลิกเรียน
วันนี้มีเรียกรวมปีหนึ่งแบบฉุกเฉินที่ไม่ได้มีตามตารางแต่ทุกคนก็ตามไปรวมตัวกันตามจุดนัดพบ ปีหนึ่งทุกคนนั่งเรียงแถวอยู่บริเวณลานหลังตึกคณะ ฉันเห็นพี่ภูผาพี่รหัสของฉันยืนอยู่กับกลุ่มเพื่อนแต่พี่แกมองฉันไม่วางตา รอบตัวฉันมีแต่ผู้ชายเป็นห่วงถ้าเป็นคนอื่นคงจะดีใจแต่กับฉันไม่เลยค่ะ ...จะห่วงอะไรกันหนักหนาก็ไม่รู้...
“วันนี้ที่พวกพี่เรียกรวมฉุกเฉินเพราะมีเรื่องจะแจ้งนะคะ พอดีพวกพี่ได้เข้าประชุมกันเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ทางอาจารย์คณะของเราได้อนุญาติให้เอกของเราจัดกิจกรรมค่ายอาสาได้ พวกพี่ก็เลยปรึกษากันแล้วว่าจะพาพวกเราออกค่ายอาสาเพื่อพวกเราจะได้ทำกิจกรรมร่วมกัน จะได้ทำความรู้จักกันมากขึ้นระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง แต่ครั้งนี้จะมีรุ่นพี่ปีสามของพวกเราไปด้วยบางส่วนนะคะ... กิจกรรมนี้พวกพี่ไม่ได้บังคับแต่พี่ก็อยากให้น้องๆ ทุกคนเข้าร่วมนะคะ หวังว่าน้องๆ ทุกคนจะให้ความร่วมมือ” พี่หัวหน้าคณะกรรมการแจ้งกับพวกเราถึงเรื่องที่เรียกรวมด่วนวันนี้ จากนั้นก็แจ้งรายละเอียดของการไปค่ายครั้งนี้ ถึงจะบอกว่าไม่ได้บังคับแต่ทุกคนก็ต้องไปอยู่ดีแหละเลี่ยงไม่ได้หรอก แต่สำหรับฉันนี่เป็นกิจกรรมแรกของชีวิตในรั่วมหาวิทยาลัยเลยแล้วมีเหรออายตาจะพลาด แต่ติดอยู่สองปัญหาใหญ่คือ หนึ่ง....พี่ธามจะอนุญาติไหม ตอนนี้ฉันจะทำอะไรหรือขยับตัวไปไหนต้องบอกเขาก่อนทุกครั้ง ทำตัวเหมือนผู้ปกครองฉันเข้าไปทุกที สอง....กิจกรรมนี้จะมีพี่ปีสามเข้าร่วมด้วยฉันได้แต่หวังว่าพี่ลูกหว้าจะไม่ได้อยู่ในลิสด้วยหรอกนะ.....
หลังจากประชุมเสร็จพวกฉันก็ได้เอกสารรายละเอียดมากันคนละใบ กำหนดการคืออาทิตย์หน้า ยังมีเวลาเตรียมตัวอีกตั้งอาทิตย์นึง
ฉันเดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อ่านรายละเอียดในมือพร้อมวาดฝันถึงกิจกรรมที่จะได้ไปทำจนลืมเรื่องพี่ลูกหว้าไปเลย
“บอกว่าไม่บังคับแต่ก็ต้องไปทุกคนอยู่ดีป่าววะ” แตงกวาว่าพลางพับเอกสารในมือใส่กระเป๋า
“น่าสนุกดีออก กิจกรรมแรกของพวกเราเลยนะเว้ย” ฉันฉีกยิ้มกว้างให้พวกมันแสดงถึงความดีใจจนออกนอกหน้า
“นั่นสิน่าสนุกแต่....งานนี้พี่ลูกหว้าไปด้วยแน่” น้ำหวานพูดขึ้นทำเอาฉันกับแตงกวาหยุดชะงักเลย
“แล้วไงวะ ต่างคนต่างอยู่มันก็ไม่มีเรื่องหรอก” ฉันว่าพลางพ่นลมหายใจหนักๆ ออกมา