ตอนที่.19 เลี้ยงฉลองนักศึกษาแพทย์(2)

2118 Words
เรื่อง: ไม่มีนิยามของคำว่ารัก ภาค 1 ตอนที่.19 เลี้ยงฉลองนักศึกษาแพทย์(2) โดย: srikarin2489 “ไอ้สามตัวเป็นยังไงบ้างยุ” ยงยศกลับจากทำธุระ พอเดินเข้ามาในบ้านเสียงเพลงสนุกสนานครึกครื้นเงียบเสียงไปแล้ว “ยุเข้าไปดูเมื่อกี้ อินกับบุษเมาหลับไปแล้ว เหลือตุลนั่งดื่มต่อคนเดียว” “ไอ้ตุลมันคอแข็ง อินกับบุษดื่มสู้มันไม่ได้หรอก” ยงยศเดินไปยังห้องรับประทานอาหาร ผ่านห้องรับแขกเห็นอินทิรากับบุษกรนอนหลับอยู่บนโซฟารับแขก พอเข้าไปในห้องรับประทานอาหารเห็นตุลยานั่งดื่มอยู่คนเดียว “พี่ยอร์ชมาดื่มกัน” ตุลยาชูแก้วร้องบอก แม้จะยังไม่เมาจนฟุบหลับเหมือนเพื่อน แต่ตาปรือเสียงพูดอ้อแอ้ลิ้นพันกัน “เอ็งดื่มไปก่อน” ยงยศกลับมาดูอินทิรากับบุษกรที่เมาหลับไม่ได้สติทั้งคู่ เข้าไปลองปลุกน้องสาวดูแต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับเลย หันไปทางอินทิราที่นอนหลับไม่ได้สติเช่นกัน ตัวยาวกว่าโซฟาขาสองข้างจึงวางพาดอยู่บนพนักที่วางแขน ดูท่านอนไม่น่าสบายตัว แต่เพราะเมาหนักเลยสามารถนอนได้ “ยุว่าพาไปนอนในห้องดีกว่าพี่ยอร์ช นอนบนโซฟาแบบนี้ไม่น่าจะสบายตัว อินตัวยาวกว่าโซฟา” ยุพาออกความเห็นเมื่อเห็นสามียืนมองทั้งสองเหมือนกำลังคิดว่าจะทำยังไงดี ปล่อยให้นอนอยู่แบบนี้ไม่น่าจะดี “ดีเหมือนกัน พี่จะพาอินเข้าไปก่อน” อินทิราเมาหลับไม่ได้สติ ยงยศต้องใช้วิธีเอาขึ้นขี่หลังพาไปห้องนอนชั้นล่าง ถึงอินทิราจะสูงกว่าแต่ตัวบางกว่ามาก เสร็จแล้วออกมาอุ้มน้องสาวเข้าไปนอนอีกคน จัดให้ทั้งสองนอนด้วยกันบนเตียงแล้วออกไปดูตุลยา “ตุล...เอ็งดื่มมากแล้ว พี่ว่าพอได้แล้ว” ยงยศเข้าไปดึงแก้วออกจากมือตุลยา ที่นั่งตาปรือคออ่อนโงกเงก “เข้าไปนอนในห้องกับเพื่อนไป” ตุลยายิ้มหวานเมาแทบครองสติไม่อยู่ ลุกเดินโซเซไปที่ห้องนอน พอเข้ามาในห้องนอนเห็นอินทิรานอนหงายหลับอยู่บนเตียงมีบุษกรนอนตะแคงกอดอยู่ ตุลยายิ้มตาปรือแล้วขึ้นไปนอนบนเตียงตะแคงกอดบุษกรอีกที เมื่อยงยศกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง เห็นจึงเห็นภาพที่ทั้งสามนอนเบียดกันอยู่บนเตียง เมาจนหลับไม่ได้สติทั้งสามคน ครั้นจะจัดท่านอนให้ใหม่ เห็นทั้งสามหลับสนิทไม่รับรู้อะไรแล้ว “มันขึ้นไปเบียดกันทำไมตั้งสามคน” ยงยศยืนเกาหัวกับสภาพเมาหลับไม่ได้สติของทั้งสาม “สงสัยพี่ยอร์ชต้องเปลี่ยนเตียงใหม่” ยุพามองดูทั้งสามที่นอนเบียดกันอยู่บนเตียงแล้วได้แต่ยิ้มขำ “คงต้องอย่างนั้น เวลาพวกมันมาค้างที่นี่จะได้มีที่นอน ไม่ต้องนอน เบียดกันแบบนี้ บุษตัวเล็กแต่ไอ้ตุลกับอินตัวยาว” “เอาไงต่อพี่ยอร์ช” “ปล่อยให้พวกมันนอนอยู่ด้วยกันนี่แหละ มันเป็นผู้หญิงเหมือนกัน ไม่มีอะไรเสียหายหรอก ไปช่วยกันเก็บโต๊ะ” ยงยศบอกแล้วเดินออกไปจากห้องมีภรรยาเดินตามหลัง เสื้อผ้ารวมทั้งของใช้ส่วนตัวของอินทิราวางอยู่บนเตียง มีแม่ช่วยจัดใส่กระเป๋าให้ เตรียมตัวไปอยู่คอนโดมิเนียม ใกล้กับมหาวิทยาลัยเพื่อสะดวกในการไปเรียน อินทิราคอยเดินไปหยิบของที่ตัวเองจะเอาไปด้วย มาวางให้แม่จัด “ตอนแม่เรียน แม่ได้อยู่หอมั้ยคะ” “อยู่ นักศึกษาปี1ต้องอยู่คละกันทุกคณะ ตอนนั้นเขายังบังคับให้ปีหนึ่งต้องอยู่หอใน พอขึ้นปีสองใครมีเงินเขาเลือกอยู่หอนอก ที่สะดวกสบายกว่า คนงบน้อยอย่างแม่ก็ตามอัตภาพ แม่อยู่ที่ไหนก็ได้ แค่มีที่เรียนที่กินที่นอนก็ดีมากแล้ว ตั้งแต่เกิดมาจนโตแม่ไม่เคยมีบ้าน” อินทิรานั่งลงบนเตียง เป็นเตียงนอนขนาดอเมริกันคิงไซส์คือเจ็ดฟุต แม้จะนอนคนเดียวแต่ชอบเตียงกว้าง ที่ดูเรียบแต่หรูตรงปลายเตียงมีเบนซ์เล็กๆ เอาไว้นั่งเล่น ห้องนอนกว้างขวางออกโทนสีขาวกับสีครีม รวมทั้งผ้าม่านอยู่ในโทนสีเดียวกัน เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นเพราะเจ้าของห้องไม่ชอบอะไรที่มากเกินไป เด่นสุดในห้องคงเป็นรูปโปสเตอร์ขนาดใหญ่ ของเจ้าของห้องอยู่ในชุดนักกีฬาบาสเกตบอล สีขาว ถือลูกบาสไว้ในมือพร้อมรอยยิ้มกว้างสดใสติดอยู่บนผนังห้องนอน “แม่เคยรู้สึกว่าชีวิตตัวเองแย่มั้ยคะ” “ไม่เลย แม่กลับคิดว่าตัวเองโชคดีกว่าอีกหลายคน” อโรชายิ้มอบอุ่นกับลูก “ไม่ใช่ว่าเด็กทุกคน ที่อยู่ในสถานสงเคราะห์จะถูกรับเลี้ยง เวลามีคนมาดูเด็กเพื่อรับเลี้ยง เด็กคนไหนสดใสยิ้มเก่งเข้าหาคนง่าย มักจะถูกรับไปเลี้ยง คนที่เคยดูแลแม่บอกว่ามีหลายคนสนใจแม่ แต่แม่เงียบไม่เข้าหา เขาจะอุ้มไม่ยอมให้อุ้มจนเจอกับคุณยายของอิน ท่านมาเลี้ยงอาหารเด็กกำพร้า เพราะท่านเคยเป็นเด็กกำพร้าที่นี่ แค่เจอกันครั้งแรกตอนนั้นแม่ห้าขวบ แม่ยื่นมือไปหาแล้วพูดว่าอุ้ม คุณยายเลยอุ้มแม่ขึ้น ท่านไม่เคยคิดจะรับเด็กเป็นลูกบุญธรรม เพราะตัวคนเดียวบ้านไม่มี พักอยู่ในโรงเรียน ท่านเปลี่ยนใจตอนมาเจอแม่” อโรชาเล่าความหลังให้ลูกฟังด้วยแววตาแจ่มใส “ท่านถึงได้ตั้งซื่อเล่นให้แม่ว่าอุ้ม ส่วนอโรชาเป็นนามปากกา ที่ท่านใช้ในงานรับแปลหนังสือ คล้องกับซื่อจริงของท่านคืออุษมา” “เราเป็นครอบครัวตัวอ. คุณย่าซื่ออริสา” อโรชายิ้มเห็นด้วยกับลูก “คุณปู่ซื่ออนันต์ ญาติพี่น้องซื่อขึ้นต้นด้วยอ.อ่างทั้งนั้น ในอนาคตถ้า อินมีลูกอินจะให้ลูกอินซื่อขึ้นต้นด้วยอ.อ่าง ตามเจตนารมณ์ของบรรพบุรุษ” อโรชายิ้ม ขำกับคำพูดของลูก เพิ่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัยคิดไปไกลถึงเรื่องมีลูก “แม่ต้องพยายามเซฟรายจ่าย ให้ได้มากที่สุดเพื่อแบ่งเบาภาระคุณยายของอิน ท่านไม่ใช่คนร่ำรวย แต่พยายามให้ชีวิตที่ดีแก่แม่ แม่จึงต้องขยันเรียนให้เก่ง เพื่อจะได้ทุนการศึกษา อินเกิดมามีพร้อมทุกอย่าง ส่วนแม่ไม่มีอะไรสักอย่าง แม้แต่ครอบครัวก็ไม่มี” น้ำเสียงราบเรียบ ไม่มีร่องรอยเจ็บปวดแต่อย่างใด “ถ้าคุณยายไม่รับแม่มาเป็นลูกบุญธรรม แม่คงอยู่สถานสงเคราะห์จนโต แล้วออกมาเผชิญชีวิตตามลำพัง” “แม่เคยคิดอยากเจอ พ่อแม่ของแม่มั้ยคะ” อโรชาส่ายหน้า มือพับเสื้อลูกใส่กระเป๋า สีหน้าไม่มีร่องรอยเจ็บปวดเสียใจกับประวัติความเป็นมาของตัวเอง ไม่เคยเก็บเอามาคิดให้เป็นปมด้อย ทำชีวิตตัวเองให้มีคุณค่าที่สุด เมื่อไม่เคยคาดหวังจึงไม่เคยผิดหวัง พอใจกับชีวิตของตัวเองภูมิใจเท่าที่มี “เราจะอยากเจอคนที่เขาไม่ต้องการเราทำไม แม่พึ่งเกิดได้ไม่กี่วันเขาเอาแม่มาทิ้ง พวกเขาทิ้งแม่เท่ากับยุติความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน แต่แม่ก็ขอบคุณ ที่พวกเขาให้กำเนิดแม่ขึ้นมาในโลกใบนี้ มันอาจจะเริ่มต้นแย่มาก แต่ตลอดเส้นทางที่ผ่านมาแม่เจอแต่คนดี ๆ คอยช่วยเหลือดูแลอุปการะ” อินทิรามองดูแม่อย่างเห็นใจ ใบหน้าแม่นิ่งสงบไม่มีร่องรอยเจ็บปวดแต่อย่างใด แม่ไม่เคยมีครอบครัวญาติหรือพี่น้อง นอกจากแม่บุญธรรมคนเดียว แต่เมื่อแม่มีลูกของตัวเองกลับทำหน้าที่แม่ได้อย่างสมบูรณ์ “คุณยายเคยเป็นเด็กกำพร้าในสถานสงเคราะห์ เมื่อท่านพอมีกำลัง ก็อยากหยิบยื่นโอกาสให้คนอื่นต่อ ท่านถึงรับแม่มาเป็นลูกบุญธรรม แม่โตอยู่ในโรงเรียนไม่เคยมีบ้าน คุณยายเป็นครูมีที่พักอยู่ในโรงเรียน ท่านมีหน้าที่คอยดูแลนักเรียนอยู่ประจำด้วย พอโตแม่ต้องช่วยท่านดูแลน้อง ๆ ที่อยู่ประจำ” “คุณยายเป็นเด็กกำพร้า ทำไมได้เป็นเพื่อนกับคุณย่าที่เป็นลูกคนรวยล่ะคะ แล้วยังเป็นเพื่อนรักกันด้วย” “พวกท่านเรียนโรงเรียนเดียวกัน คุณยายเรียนเก่งจนได้รับทุนการศึกษา ซึ่งคนให้ทุนคือคุณทวดของอิน พวกท่านให้ทุนการศึกษากับเด็กด้อยโอกาส คุณย่ากับคุณยายของอินคบกันเป็นเพื่อนด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่มีความแตกต่างเรื่องฐานะมาเกี่ยว หลายครั้งที่คุณย่าของอินยื่นมือมาช่วยเหลือ เรื่องค่าใช้จ่ายของแม่ตอนเรียนแพทย์ คุณยายไม่เคยเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ คุณย่าท่านเต็มใจให้เอง” “คุณย่าใจดีนะคะแม่” อโรชาพยักหน้าเห็นด้วยกับลูก “เสียดายพวกท่านอายุสั้น คุณปู่คุณย่าใจดีมากอินจำได้ ท่านชอบจูงมืออินพาเดินเล่น แต่คุณยายอินไม่มีความทรงจำเลย” “ตอนคุณยายเสียอินอายุได้แค่ขวบเดียว เด็กเกินจะจำได้ อินติดคุณยายมากเลยนะ เวลาคุณยายอ่านนิทานเป็นภาษาอังกฤษให้ฟัง อินจะนอนฟังตาแป๋วเชียว ชอบส่งเสียงอ้อแอ้เล่นกับคุณยาย ก่อนอินเกิดอาการคุณยายเริ่มไม่ค่อยดี แต่พอมีหลานอาการท่านกลับดีขึ้น ท่านมีความสุขที่ได้อยู่กับหลาน เป็นพลังทำให้ท่านอยู่ต่อมาได้อีกระยะหนึ่ง” “แล้วแม่เจอคุณพ่อได้ยังไงคะ” “คุณยายเริ่มป่วยตอนแม่เป็นหมออินเทิร์นอยู่ต่างจังหวัด ไม่มีเวลากลับมา ดูแลท่านเลย ทั้งที่ตั้งใจเรียนแพทย์ เพื่อจะได้ดูแลรักษาท่านเวลาเจ็บป่วย แต่พอเอาเข้าจริง ๆ แม่กลับอยู่ดูแลท่านไม่ได้” อโรชาเล่าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “แม่ต้องไปเป็นหมออินเทิร์นอยู่อีสาน ตอนนั้นแม่เครียดมาก เครียดจนแอบร้องไห้หลายครั้ง คุณยายมีพระคุณต่อแม่มาก แต่พอท่านป่วยแม่กลับดูแลท่านไม่ได้” อโรชาถอนใจสีหน้าหม่นเศร้าเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น “พอได้หยุดแม่รีบกลับมาดูท่าน ท่านดูแย่มาก แม่ได้รู้ว่าท่านป่วยเป็นมะเร็งระยะที่สามแล้ว คุณยายเป็นคนเข้มแข็งไม่เคยปริปากบอกแม่เลย” เมื่อเล่าถึงตอนนี้แววตาของอโรชาวูบไหวด้วยความเสียใจ สิ่งที่ทำให้รู้สึกเสียใจที่สุดคือการที่ตัวเองไม่ได้ดูแลแม่บุญธรรมมากเท่าที่ควร “คุณย่าของอินมาเยี่ยมท่านพอดีเราได้คุยกัน ท่านบอกให้แม่ลาออกจาก หมออินเทิร์น ท่านจะให้เงินมาใช้หนี้ทุน แล้วให้แม่ไปทำงานที่โรงพยาบาลของท่าน ท่านจะหักเงินเดือนใช้หนี้แทน แต่แม่ไม่เคยถูกหักเงินเดือนเลย รวมทั้งให้คุณยายมารักษาตัวที่โรงพยาบาลของท่านด้วย เพราะทำงานที่โรงพยาบาลของคุณย่า แม่เลยได้เจอกับคุณพ่อของอิน” “เจอปุ๊บรักปั๊บเลยมั้ยคะ” อินทิราร้องถามเสียงตื่นเต้นตาเป็นประกายอยากรู้ จนผู้เป็นแม่ยิ้มขำแล้วส่ายหน้า “ว้า...นึกว่าจะเป็นรักแรกพบ ของแม่กับคุณพ่อ” “เขาเป็นหมอหนุ่มหล่อเนื้อหอมสาว ๆ เยอะ รถไฟหลายขบวนมาชนกันหน้าโรงพยาบาลแทบทุกวัน สาวไฮโซสวย ๆ ทั้งนั้น แต่งตัวสวยขับรถหรูมาโรงพยาบาลโดยไม่ได้ป่วย เขาจะมาสนใจอะไรกับผู้หญิงแสนจะธรรมดาอย่างแม่ แต่งตัวเชยหน้าแต่งน้อย เดินผ่านกันเขายังไม่มองแม่เลย ข้างกายมีแต่สาว ๆ สวย ๆ” เล่าแล้วยิ้มขำเห็นเป็นเรื่องตลก จนลูกพลอยยิ้มด้วย “แม่สวยมากนะ อินดูรูปแม่ตอนสาว ๆ สวยเท่ท่าทางจะเป็นขวัญใจสาว ๆ แค่แม่ไม่แต่งตัวเยอะเท่านั้นเอง นึกว่าจะได้ฟังเรื่องรักแรกพบของแม่กับคุณพ่อ” “ถึงจะไม่ใช่รักแรกพบ แต่แต่งงานกันจนมีอินนี่ไง จะเอาอะไรอีกไปหยิบมา อยู่ที่บ้านมีแม่คอยดูแลทำให้ ไปอยู่คอนโดต้องดูแลตัวเองนะลูก” “ค้าแม่” รับคำเสียงยาวแล้วลุกไปหยิบเสื้อผ้ามาให้อีก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD