ตอนที่.1 ความขัดแย้ง
เรื่อง.ไม่มีนิยามของคำว่ารัก ภาค 1
ตอนที่.1 ความขัดแย้ง
โดย: srikarin2489
รถโดยสารประจำทางดัดแปลงมาจากรถปิกอัพ ที่นั่งเป็นเบาะยาวสองแถวหันหน้าเข้าหากัน โครงหลังคาสูงพอที่ผู้โดยสารไม่สูงมากสามารถยืนได้ บนรถมีผู้โดยสารนั่งกันเต็มเบาะทั้งสองแถว เป็นนักเรียนเกือบทั้งหมด เพราะเป็นเวลาเย็นหลังโรงเรียนเลิก
ที่มาด้วยกันห้าคน เป็นนักเรียนหญิงแต่งเครื่องแบบนักเรียนมัธยมต้น ของโรงเรียนเอกชนซื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา พูดคุยกันเสียงดังสดใสตามประสาเด็กสาว หนึ่งในกลุ่มคือ ปาลิดา เป็นเด็กสาวหน้าตาดีขยับลุกขึ้นยืนแล้วกดออดเมื่อใกล้ถึงจุดหมายที่จะลง
“กริ๊งงง” ปาลิดารอจนรถจอดดีแล้วจึงลงจากรถ เดินเอาเงินค่าโดยสารไปจ่ายให้คนขับ
“พรุ่งนี้เจอกันฟาง”
ปาลิดาหันไปยิ้มโบกมือให้เพื่อน ที่ร้องบอกมาจากบนรถซึ่งกำลังเคลื่อนตัวออก เพื่อนต่างหันมาโบกมือตอบ ลงจากรถแล้วเดินเข้าซอยต่ออีกไม่ไกลมาถึงบ้าน ปาลิดาเปิดประตูรั้วบานเล็กเข้าไปในบ้าน เป็นบ้านปูนสองชั้นหลังไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่มีพื้นที่พอที่จะปลูกไม้ดอกไม้ประดับ กับสนามหญ้าไม่กว้างนักบนเนื้อที่ร่วม300ตารางวา ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มดีใจ เมื่อเห็นรถของพ่อจอดอยู่ในโรงจอดข้างรถของแม่ จึงรีบเดินไปยังตัวบ้านแต่พอมาถึงประตูหน้าบ้าน มือกำลังเอื้อมไปจะเปิดประตูพลันชะงัก เมื่อได้ยินเสียงพ่อแม่ทะเลาะกันดังออกมาถึงข้างนอก
“พี่กลับมาบ้านทีไร เจอแต่หน้าเย็นชาไม่ยินดียินร้ายกับการมาของพี่ แบบนี้มันน่าเบื่อรู้มั้ย เพราะอย่างนี้พี่ถึงไม่อยากกลับบ้าน”
“เดือนหนึ่งพี่วินอยู่บ้านไม่ถึงสิบวัน ปล่อยให้ฝ้ายอยู่กับลูกตามลำพัง ลูกแทบจะไม่เห็นหน้าพ่อ นาน ๆ กลับมาบ้านทีอ้างแต่งานยุ่ง มันจะยุ่งอะไรนักหนาก็รู้ ๆ กันอยู่ พอกลับมาต้องให้ฝ้ายทำหน้ายิ้มแย้มต้อนรับงั้นหรือ ถ้าบ้านไม่น่าอยู่ ไม่อยากกลับก็ไม่ต้องกลับ”
“พี่มาเหนื่อย ๆ แทนที่จะพูดจาดี ๆ มาดูแลพี่ ทำให้พี่เบื่อบ้านไม่อยากกลับ เธอทำตัวน่าเบื่อมากฝ้าย อย่ามาโวยวายทีหลังก็แล้วกัน ถ้าพี่อยู่ที่อื่นมากกว่ากลับมาบ้าน”
“จะกลับหรือไม่ก็ตามใจเลย” เสียงแม่ตะเบ็งเสียงดังด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
ใบหน้ายิ้มสดใสเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พ่อแม่มีปากเสียงกัน ทุกครั้งที่พ่อกลับมาบ้านมักจะทะเลาะกับแม่เสมอ แต่พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เธอเห็น แม้จะไม่ถึงขั้นหนักรุนแรง แต่ทำให้ดวงใจน้อย ๆ ของคนเป็นลูกเจ็บปวดร้าวรานใจ ครอบครัวที่เคยอยู่กันอบอุ่น มันกลับกลายเป็นอดีตไม่หวนกลับ
“เพราะในใจฝ้ายไม่เคยมีพี่เลย ถึงไม่สนใจว่าพี่จะอยู่หรือไป ในใจเธอมีแต่ไอ้คนซื่ออุ้ม เวลาไม่สบายยังละเมอเพ้อหาแต่มัน เรียกหาแต่พี่อุ้ม..พี่อุ้ม มันคือแฟนเก่าของเธอใช่มั้ย”
“พี่วินจะเอาอะไร กับคนไม่สบายไม่มีสติ”
“ใช่..ไม่มีสติ แต่มันคือความจริงที่ซ่อนอยู่ในใจเธอ” การโต้เถียงกันทำท่าจะลุกลาม ทำให้ลูกสาวคนเดียวตัดสินใจเปิดประตูบ้าน แล้วเดินเข้าไปพร้อม ร้องบอกเสียงใส
“ฟางกลับมาแล้วค่ะ”
พอลูกสาวเดินเข้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสดใส เหมือนไม่ได้ยินการโต้เถียงกันก่อนหน้านี้ ทำให้ปวินท์กับลดาที่ยืนประจันหน้ากันอยู่ รีบผละออกจากกันทันที พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด
“คุณพ่อ..วันนี้คุณพ่อกลับบ้านหรือคะ ฟางคิดถึงคุณพ่อมากเลย”
“พ่อก็คิดถึงฟาง มานี่สิลูก เราไม่เจอกันหลายวัน” ปาลิดาเดินเข้าไปหาพ่อ ที่ยิ้มแย้มกางแขนเข้ามาสวมกอด แล้วหอมตรงขมับขวา
ลดามองภาพสามีแสดงความรักต่อลูกแล้วถอนใจเบา แต่พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด ไม่อยากให้ลูกสงสัยไม่ต้องการให้ปัญหาของพ่อกับแม่ ไปกระทบกระเทือนความรู้สึกของลูก แม้ตัวเองจะต้องกล้ำกลืนฝืนทนก็ตาม
“ลูกสาวพ่อโตจะเป็นสาวแล้ว ยิ่งโตยิ่งสวย” ปวินท์กวาดสายตาดูลูกสาวคนเดียว ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มภูมิใจ
ปาลิดาหน้าตาเหมือนพ่อมากกว่าแม่ หน้าตาสดใสสวยน่ารัก สมวัยเด็กสาวที่อายุพึ่งเต็มสิบสี่ ผิวพรรณขาวเนียนสะอาดได้มาจากทั้งพ่อและแม่ พ่อแม่หน้าตาออกไทยครึ่งจีน ลูกสาวคนเดียวจึงหน้าตาออกโทนไทยครึ่งจีนเช่นกัน ผมยาวเกือบถึงกลางหลัง ถักเปียสองเส้นมัดด้วยริบบิ้นผ้าสีขาว
พ่อแม่ยังดูหนุ่มดูสาวกันอยู่มาก ปวินท์หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบห้า รูปร่างหน้าตาดีรูปร่างสูงโปร่งสูง 175 ซม.ดูเป็นหนุ่มเพล์บอยหรูหรานัยน์ตาเจ้าชู้ ส่วนลดาวัยสี่สิบสองสาวร่างเล็กสูงเพียง 158 ซม.ยังดูสาวสวยอ่อนกว่าวัยมาก เด่นสุดคือดวงตาคมกลมโตดำขลับ ผิวพรรณขาวเนียนยังดูสดใส
“มีหนุ่ม ๆ มาจีบเยอะมั้ยลูก” ปวินท์วางมือโอบไหล่ลูกสาวไว้ ถามสียงนุ่ม
“ไม่มีหรอกค่ะ มีแต่เพื่อน ๆ กัน”
“ลูกสาวพ่อออกจะสวยน่ารัก ทำไมไม่มีหนุ่มมาจีบ แต่ไม่เป็นไรฟางพึ่งอายุสิบสี่ ยังมีเวลาอีกเยอะ” ปาลิดาเพียงยิ้ม
“โรงเรียนที่ฟางเรียน แต่ก่อนระดับมัธยมมีแต่ผู้หญิง ตอนนี้รับผู้ชายมาเรียนด้วย ถ้ามีแต่ผู้หญิงอย่างแต่ก่อน พ่อไม่ยอมให้ฟางไปเรียนแน่”
“ทำไมคะ” ลูกสาวเลิกคิ้วถาม แววตาสงสัย
“มีแต่ผู้หญิงพวกทอมมันจะมาจีบฟางน่ะสิ จำไว้นะฟาง ห้ามมีแฟนเป็นทอมเด็ดขาด ฟางจะมีแฟนเป็นผู้ชายพ่อไม่ว่า แต่ห้ามคบกับผู้หญิงด้วยกัน นี่เป็นคำสั่งจากพ่อ” ปวินท์กำชับลูกสาวด้วยสีหน้าจริงจัง
“รับปากพ่อว่าฟางจะไม่คบทอม พ่อขอเรื่องนี้เรื่องเดียว” เมื่อเห็นสามีคาดคั้นเอาสัญญากับลูก ลดาจึงขยับตัวเอ่ยขัด
“พี่วินลูกกลับมาเหนื่อย ๆ ให้ลูกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำก่อน จวนจะสอบไฟนอลแล้ว ลูกต้องอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบ นอนดึกทุกวัน” ปวินท์มองหน้าลูกสาว ที่มองตาใสแป๋วอยู่
“ก็ได้ แต่จำคำของพ่อไว้นะฟาง ห้ามคบกับทอมเด็ดขาด” ปาลิดาไม่ได้รับปาก หิ้วกระเป๋านักเรียนสีดำขึ้นบันไดไป
ปาลิดากลับลงมาข้างล่างอีกครั้ง อยู่ในชุดลำลองสวมกางเกงขาสั้น เสื้อยืดคอกลมแขนสั้น หน้าตาสดใสผมยาวเวลาไปโรงเรียนจะถักเปีย ปล่อยตามธรรม ชาติ แม้วัยจะแค่สิบสี่ แต่ฉายแววว่าจะโตเป็นสาวสวยมากคนหนึ่ง ใบหน้ารูปไข่ดวงตาคมกลมโตดำขลับ มีทั้งแววสดใสและดูเงียบเหงาในบางครั้ง โตมาในครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์นัก พ่อแม่มีปัญหาไม่ลงรอยกัน และการเป็นลูกคนเดียวทำให้บาง ครั้งดูเงียบเหงาไปบ้าง
“ฟาง..มาทานข้าวได้แล้วลูก” ลดาร้องบอกลูกสาว พร้อมตักข้าวใส่จานให้
“แม่ซื้ออาหารมาจากร้านที่ฟางชอบ ตอนแรกแม่คิดจะพาฟางไปทานข้าวข้างนอก แต่ในเมืองโคราชตอนค่ำรถเยอะ ฟางเรียนมาทั้งวันคงเหนื่อย สอบเสร็จแล้วแม่จะพาฟางไปทานอาหารญี่ปุ่นฉลอง”
“คุณพ่อล่ะคะ” ปาลิดาเดินมานั่งเก้าอี้ตัวประจำของตัวเอง แล้วมองหาผู้เป็นพ่อ โต๊ะทานข้าวมีเก้าอี้สี่ตัว แต่มีเพียงเธอกับแม่ที่ทานข้าวกันตามลำพัง
“คุณพ่อมีนัดกับเพื่อน เราทานกันสองคนก็ได้ลูก” บอกลูกสาวเสียงเรียบ เธอรู้สึกสบายใจด้วยซ้ำที่อยู่กับลูกตามลำพัง เธอไม่ชอบบรรยากาศเคร่งเครียด เวลาสามีอยู่ด้วย ปาลิดาไม่เซ้าซี้ถาม คุ้นชินกับการอยู่กับแม่แค่สองคน
“ผัดผักรวมกุ้งสดของชอบของฟาง เจ้านี้เขาทำอร่อย”
ลดาตักอาหารใส่จานข้าวลูกสาว ยิ้มอ่อนโยนเมื่อเห็นลูกทานข้าวด้วยท่าทางอร่อยถูกปาก ถึงจะอยู่กันตามลำพังแม่ลูก แต่ลดากลับชอบมากกว่ามีสามีอยู่ด้วย เพราะการอยู่ใกล้กันในภาวะที่เคร่งเครียดเบื่อหน่ายกัน มันทำให้กระทบกระทั่ง กันได้ง่าย เธอเหนื่อยและเบื่อที่ต้องทะเลาะกับสามี แม้เธอพยายามหลีกเลี่ยงไม่อยากให้ลูกรู้เห็นแต่ก็ยาก
“ทานเยอะ ๆ นะ ลูก แม่ว่าฟางผอมไปหน่อย”
ลดามักอยู่กับลูกตามลำพัง สามีชอบอ้างเรื่องงาน ต้องดูแลธุรกิจของครอบครัวไม่ค่อยกลับบ้าน แต่มีคนบอกเธอว่าไปติดพันผู้หญิงอื่น เป็นอย่างนี้บ่อยครั้งจนเธอเบื่อที่จะสนใจ รู้ดีมาตลอดว่าสามีเป็นคนเจ้าชู้ มีผู้หญิงมาพัวพันไม่เคยขาด มันเป็นเรื่องง่ายของผู้ชายทั้งหน้าตาและฐานะดี ย่อมมีผู้หญิงอยากเข้าหาประกอบกับเป็นคนเจ้าชู้อยู่แล้ว
“เย็นวันศุกร์แม่ไปรับฟางที่โรงเรียน เราจะไปบ้านคุณย่าที่ปากช่อง”
“จริงหรือคะแม่” ลดายิ้มพยักหน้า เมื่อลูกเงยหน้าจากจานข้าว ร้องถามเสียงตื่นเต้นดีใจ ลดารู้ว่าลูกชอบบ้านคุณย่าที่ปากช่องมาก เวลามีวันหยุดยาวลูกจะชอบให้พาไปบ้านคุณย่า
“คุณย่าโทรมาแทบทุกวัน บ่นว่าคิดถึงฟาง บอกให้แม่พาฟางไปหา ท่านมีของขวัญวันเกิดจะให้ฟาง เท่าที่แม่รู้ท่านซื้อม้ามาใหม่ตัวหนึ่ง น่าจะเป็นของขวัญให้ฟาง” ปาลิดายิ้มกว้างตาเป็นประกายสดใส เมื่อรู้ว่าจะได้ของขวัญพิเศษจากคุณย่า
“อยากให้ถึงวันศุกร์เร็วๆ ฟางอยากเห็นม้าตัวใหม่” ลดายิ้มเอ็นดู กับท่าทางตื่นเต้นดีใจของลูกสาว
“ท่านคงซื้อให้ฟาง ในจำนวนหลานทั้งหมด มีฟางคนเดียวที่ชอบม้าเหมือนคุณปู่ เตรียมเสื้อผ้าไปด้วยนะลูก เราจะค้างกับคุณย่า2คืน” ปาลิดายิ้มดีใจรีบพยักหน้ารับ
“ฟาง”
“คะแม่” ปาลิดาเงยหน้าจากจานข้าว นอกจากน้ำเสียงแม่จะจริงจังขึ้น สีหน้ายังดูขรึมขึ้นเล็กน้อย
“แม่จะพาฟางไปอยู่กรุงเทพฯ หลังจากฟางจบม.3แล้ว แม่จะให้ ฟางไปเรียนต่อม.4ที่กรุงเทพฯ ที่แม่จะพาฟางไปหาคุณย่า โรงเรียนที่แม่จะให้ฟางไปสอบเข้าม.4 เป็นโรงเรียนหญิงล้วน ถ้าคุณพ่อรู้เขาไม่ยอมแน่ แม่จะให้คุณย่าช่วย” ปาลิดามองสีหน้าขรึมของแม่ด้วยความรู้สึกเริ่มไม่สบายใจ
“โรงเรียนอะไรหรือคะแม่” พอแม่บอกซื่อโรงเรียน ปาลิดาถึงกับทำตาโตตกใจ
“ไหวหรือคะแม่ โรงเรียนใหญ่โรงเรียนดังเลยนะ ทำไมแม่ต้องให้ฟางไปสอบเข้าที่นั่นคะ” ทำเสียงโอดครวญถาม
“เป็นโรงเรียนเก่าของแม่ แม่เรียนที่นั่นตั้งแต่ป.1จนจบม.6”
“จริงหรือคะ ฟางไม่รู้มาก่อนเลยว่าแม่เคยเรียนที่นั่น รู้แค่ว่าแม่เป็นคนกรุงเทพฯ มาแต่งงานกับหนุ่มโคราชอย่างคุณพ่อ”
“ฟางเรียนเก่งสอบเข้าได้แน่นอน แม่มั่นใจ”
“เด็กต่างจังหวัดไปสู้กับเด็กกรุงเทพฯ จะไหวหรือคะแม่ เป็นโรงเรียนดังมีแต่คนอยากเข้าเรียน” ถามด้วยสีหน้าไม่มั่นใจ
“โรงเรียนที่ฟางเรียน เป็นโรงเรียนใหญ่ซื่อดังของโคราชแห่งหนึ่ง มาตรฐานการเรียนการสอนนับว่าดี เพราะเป็นโรงเรียนหญิงล้วนให้คุณย่าพูดคุณพ่อจะได้ไม่กล้าขัด หรือฟางไม่อยากเปลี่ยนโรงเรียน”
“ได้ค่ะแม่ ฟางจะพยายาม จะไม่ทำให้แม่ผิดหวัง” ลดายิ้มพอใจแววตาอ่อนโยนเปี่ยมไปด้วยความรัก ต่อลูกสาวคนเดียว
“แม่มาอยู่โคราชกับคุณพ่อของฟาง ตั้งแต่แต่งงานสิบกว่าปีแล้ว ถึงเวลาต้องกลับไปอยู่กรุงเทพฯเสียที ทานข้าวต่อเถ่อะลูกจะสอบไฟนอลแล้ว ฟางต้องอ่านหนังสือนอนดึกแทบทุกคืน ไม่ต้องเคร่งเครียดกดดันตัวเอง ขอเพียงฟางมีความสุขกับการเรียน ไม่จำเป็นต้องเป็นที่หนึ่งก็ได้”