ตอนที่.14จำต้องจากลา

2051 Words
เรื่อง: ไม่มีนิยามของคำว่ารัก ภาค 1 ตอนที่.14จำต้องจากลา โดย: srikarin2489 ตุลยาหิ้วกระเป๋านักเรียนสีดำ อีกมือถือกล่องนมเดินดูดเข้ามาในห้องเรียน เป็นภาพคุ้นตาของเพื่อนร่วมห้อง หลายคนนั่งเล่นพูดคุยกันอยู่ มองภาพนั้นแล้วอดยิ้มไม่ได้ เพื่อนมาถึงกันแล้วหลายคนบ้างกำลังนั่งจับกลุ่มพูดคุยกัน บางคนยังทำการบ้านไม่เสร็จถือโอกาสรีบลอกเพื่อน มีอินทิราคนเดียวนั่งอยู่ตามลำพัง กำลังดูโทรศัพท์ในมือ “มาแล้วไอ้ตุลนมกล่อง” เพื่อนมองดูตุลยาแล้วว่าเจือยิ้มขำ “ไอ้ตุลนี่มันไม่ยอมโตซักที ตั้งแต่ม.1แล้ว จะเห็นมันเดินดูดนมกล่องทุกเช้าเลย” เพื่อนกลุ่มใหญ่รวมทั้งบุษกรด้วยนั่งคุยกันอยู่ หันไปดูตุลยาแล้วพากันยิ้ม ตุลยามีรูปร่างสูงโปร่ง เป็นจุดเด่นเหมือนกับอินทิราเพื่อนสนิท แต่หน้าตาออกสไตล์สวยคมอย่างสาวใต้ ท่าทางเป็นคนสนุกสนานเสียงดังเฮฮา เดินดูดนมกล่องด้วยท่าทางสบาย ๆ เป็นภาพคุ้นตาของเพื่อนร่วมห้องเรียน “วันไหนมันไม่เดินดูดนมกล่องเข้าห้อง วันนั้นอากาศน่าจะแปรปรวน” วิจารณ์ว่าแล้วหัวเราะกันสนุก โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ว่าตัวเองกลายเป็นหัวข้อสนทนาของเพื่อน เพราะพอเดินเข้ามาในห้อง ตรงดิ่งไปหาอินทิราเลย “หลุดจากนมแม่ มันมาติดนมกล่องแทน” บุษกรพลอยว่าเจือยิ้มขำอีกคน “มันดื่มนมเก่งถึงได้ตัวสูง สมกับฉายาไอ้ตุลนมกล่อง” “เด็กไอ้บุษ มันเดินตามไอ้บุษต้อย ๆ มาตั้งแต่ม.1แล้ว” “ไอ้บ้า” บุษกรมองค้อนว่าเพื่อนแต่ใบหน้ายิ้มขำ “แต่ก่อนคนอื่นแกล้งมันได้ ตอนนี้มีใครกล้าไปแกล้งมันมั่ง มันกลาย เป็นขาใหญ่ไปแล้ว” เพื่อน ๆ พากันวิจารณ์เรื่องตุลยากันสนุก หัวเราะกันอยู่คิกคัก “โอ้โห...เดทเมื่อวันเสาร์ฉ่ำหวานเลยนะ” อินทิรานั่งดูโทรศัพท์ใบหน้าระบายด้วยรอยยิ้มท่าทางมีความสุข เมื่อเพื่อนเดินมานั่งลงเก้าอี้ตัวข้างกัน แล้วชะโงกหน้ามาดูด้วย ทั้งที่ปากยังดูดนมในกล่อง ดูดจนหมดแล้ววางกล่องเปล่าไว้บนโต๊ะเรียนก่อน ทำเสียงแซวเพื่อนเมื่อเห็นในจอโทรศัพท์เป็นรูปอินทิราถ่ายคู่กับปาลิดา “เดทแรกเป็นยังไงบ้าง” “แกจะกระซิบทำไมตุล” อินทิราหันไปทำหน้ารำคาญว่าเพื่อน เมื่อตุลยา ยื่นหน้ามาถามใกล้ “เดี๋ยวไอ้บุษมันได้ยิน มันยิ่งหูตาไวอยู่ด้วย” ตุลยาทำท่าบุ้ยใบ้ไปทางบุษกร ที่กำลังนั่งคุยอยู่กับกลุ่มเพื่อนถัดไปไม่ไกล “น้องฟางเขาตกลงคบกับแกหรือยัง” “ฉันไม่ได้ถาม” “ทำไมไม่ถามวะ จะได้รู้ว่าเขาคิดยังไงกับแก” อินทิราปิดจอโทรศัพท์วางไว้บนโต๊ะเรียนก่อน “คงจะมีเดทต่อ ๆ ไปตามมาอีก ให้จังหวะเหมาะก่อนค่อยถาม ออกเดทครั้งแรกจะให้จู่โจมถามเขาเลยหรือไง” “ไอ้บุษมันจะรู้มั้ยเนี่ย ว่ามีมือดีแอบมาสอยแกไปแล้ว มันทำตัวเป็นมดแดงเฝ้ามะม่วงมาหลายปี มะม่วงลูกนี้ก็น่ากิ้นน่ากิน สุดท้ายกลับมีมือดีแอบมาสอยไปกินซะงั้น” อินทิรายิ้มขำ กับคำว่าเปรียบเปรยของเพื่อน “แกไม่เคยหวั่นไหวกับบุษเลยหรืออิน ไอ้บุษมันสวยไม่เป็นสองรองใครนะ ตากลมแป๋วน่ารักเหมือนตุ๊กตา” “เพื่อน...บุษคือเพื่อนรักของฉัน” “โอเค...เพื่อน” ตุลยาทำหน้าหงึกหงัก “ถ้าไอ้บุษมาได้ยินแกแบบนี้ คงเจ็บจี๊ดน่าดู สถานะที่ให้ได้แค่ความเป็นเพื่อน” “แกชอบบุษนี่ตุล ทำไมไม่บอกเขา” อินทิราหัวเราะเมื่อเห็นเพื่อนสั่นหน้าทำหน้าสยดสยอง “แบบนี้ดีกว่า คอยก่อกวนมันเล่น ขืนฉันไปบอกว่าฉันชอบมัน มีหวังมันเชือดฉันทิ้งแน่ ไอ้บุษมันดุจะตายขี้โมโหด้วย เฉพาะกับฉันนะกับคนอื่นมันดี โดยเฉพาะกับแกดีมากพูดก็เพราะ แต่กับฉันมันหยุมหัวตลอด” พูดพร้อมปรายตาขุ่นเคืองไปทางบุษกร เห็นกำลังเม้าธ์มอยกับเพื่อนเสียงดังสนุกสนานไม่ได้หันมาสนใจ “ถ้าแกไม่บอกเขา บุษเขาจะรู้ได้ยังไง” “เชื่อเถ่อะว่ามันรู้ ฉลาดซะขนาดนั้น แต่มันทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แกไม่ต้องห่วงฉันหรอกอิน คอยก่อกวนมันแบบนี้แหละสนุกดี นี่คือวิธีที่จะเข้าใกล้มันได้ดีที่สุด หลอกล่อให้มันตายใจแล้วค่อยตะปบ” ตุลยาทำท่าเสือตะปบจนเพื่อนยิ้มขำ “ฉันว่าแกจะถูกบุษตะปบเสียก่อน” ตุลยาหัวเราะร่วนชอบใจ นึกภาพออกตอนตัวเองถูกบุษกรตะปบ “แกเอาแต่คอยก่อกวนให้เขาโมโห เขาจะชอบแกได้ยังไง” อินทิราส่ายหน้าว่า “กับฉันนะ ต่อให้ฉันไม่ทำอะไรมันก็โมโห มันชอบเอาอารมณ์หงุดหงิดมาระบายที่ฉัน” ตุลยาบ่นว่าแต่ไม่จริงจัง “แกชอบยั่วแหย่บุษเขาเหลือเกิน” “ไว้วันไหนมันตัดใจจากแกได้ก่อนฉันค่อยลุย แกจีบน้องฟางให้ติดก็แล้วกัน เท่าที่ฉันสังเกตดู เขาน่าจะมีใจให้แกเหมือนกันนะ ยอมออกเดทด้วยแบบนี้” อินทิรายิ้มเขิน แววตาแจ่มใสเมื่อนึกถึงเดทแรกที่เป็นไปด้วยดี “ลุยต่อเลยเพื่อน ฉันจะคอยเอาใจช่วย” โรงอาหารของโรงเรียนที่เคยอึกทึกวุ่นวาย เต็มไปด้วยนักเรียนหยุดพักมารับประทานอาหารกลางวัน ดูบางตาลงมากหลังจากรับประทานหารเสร็จ ทยอยออกไปจากโรงอาหาร ณิชมนถือขวดน้ำเดินกลับไปหาปาลิดา ส่วนเพื่อนคนอื่นๆ พากันไปเข้าห้องน้ำ ณิชมนวางขวดน้ำลงบนโต๊ะตัวยาวแล้วนั่งลงข้างเพื่อน เห็นเพื่อนมีอาการซึมเหม่อเงียบผิดปกติ “ฟางเป็นอะไร แนนรู้สึกว่าฟางเงียบไปนะวันนี้” เพื่อนไม่ตอบ หน้าหมองเศร้าจนรู้สึกได้ “แนนได้ยินคุณพ่อกับคุณแม่คุยกัน ว่าพ่อกับแม่ฟางหย่ากันแล้ว” ใบหน้าที่ก้มอยู่เห็นน้ำตารินหยดลงบนแก้ม ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน “ขอโทษนะฟาง แนนไม่น่าถามเรื่องนี้เลย” ณิชมนบอกเสียงอ่อนเสียใจ วางมือโอบไหล่เพื่อนเหมือนจะปลอบ “อย่าคิดอะไรมากเลยฟาง ปัญหาของผู้ใหญ่บางทีเราก็ไม่เข้าใจ” “แนน” “ว่าไง” ณิชมนถามเสียงอ่อนเมื่อเพื่อนเงยหน้าขึ้นมา ริมฝีปากเม้มนิดพยายามกลั้นน้ำตาไว้ ดวงตาคู่นั้นแดงเรื่อน้ำตาปริ่มคลอ “ฟางจะได้เรียนอยู่ที่นี่แค่ม.4 แม่จะพาฟางไปอยู่อเมริกา” ณิชมนนิ่งอึ้งกับเสียงบอกแหบเครือของเพื่อน “จริงหรือฟาง” “ลุงปอชวนแม่กับฟางไปอยู่อเมริกาด้วยกัน ตามจริงลุงปอชวนมาหลายครั้งแล้ว ลุงปอเป็นห่วงแม่กับฟางอยากให้ไปอยู่ที่โน่น ท่านมีกันแค่สองคนพี่น้อง ฐานะลุงปอตอนนี้มั่นคงแล้วอยากให้เราไปอยู่ด้วย ที่ผ่านมาแม่ไม่ไปเพราะตัวเอง มีครอบครัวแล้ว แต่ครั้งนี้แม่ตกลง ตอนนี้แม่กำลังทำเอกสารอยู่” ณิชมนยังนิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก กับเหตุการณ์ไม่คาดคิด ไม่เคยมีวี่แววมาก่อนเลย “ฟางคงคิดถึงแนนกับเพื่อน ๆ มาก เพื่อนทุกคนดีกับฟางมากเลย” “แนนคงคิดถึงฟางมากเหมือนกัน” ณิชมนมองหน้าเศร้าหมองของเพื่อน แล้วพลอยรู้สึกเศร้าใจหายไปด้วย “ฟางไม่อยากไป ฟางชอบที่นี่เพื่อนทุกคนน่ารัก แต่ฟางต้องไปกับแม่” “ฟางไม่อยู่แนนคงใจหายน่าดู เทอมหน้าจะเป็นเทอมที่เงียบเหงามาก พี่อินกำลังจะจบม.6คงไม่ได้เจอกันอีก” ซื่อนั้นสะกิดความรู้สึกปาลิดาให้เจ็บแปลบขึ้นมาอีก เป็นจังหวะเดียวกับที่อินทิรากับกลุ่มเพื่อนสนิทห้าหกคน กำลังเดินผ่านมาทางนี้พอดี “แค่คิดว่าจะไม่มีฟางอยู่ด้วย ไม่มีพี่อินให้คอยวิ่งตาม ก็รู้สึกใจหายมากแล้ว" ปาลิดามองตามร่างสูงของพี่ม.6 ที่เดินคุยกันไปกับเพื่อนสนิท แค่มองตามร่างนั้นน้ำตารินหยดลงมาอีก จนต้องยกมือปาดน้ำตาออก “ฟางจะไปเรียนที่โน่นใช่มั้ย” เพื่อนพยักหน้ามือยังปาดน้ำตาออกเป็นระยะ “ถึงแนนจะใจหายไม่อยากให้ฟางไปเลย แต่แนนขอให้ฟางโชคดีกับชีวิตใหม่ที่โน่น แล้วแนนจะไปเยี่ยมไปเที่ยวด้วย” “แนนอย่าพึ่งบอกใครนะ” “ได้” อินทิรากำลังเล่นบาสเกตบอลอยู่ที่สนามข้างบ้านกับบิดา เป็นกีฬาที่เล่นด้วยกันบ่อย แม้งานในความรับผิดชอบจะมากเวลาส่วนตัวมีน้อย นายแพทย์อารักษ์พยายามจัดสรรเวลาให้ครอบครัว ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันในวันหยุด ทุกคนในครอบครัวชื่นชอบการเล่นกีฬามาก การเล่นบาสเป็นกิจกรรมที่ทำด้วยกันบ่อย และเคยเป็นนักกีฬาสมัยเรียน “อิน...รับโทรศัพท์ลูก” แม่มายืนร้องบอกอยู่ข้างสนาม อินทิราส่งลูกบาสเกตบอลให้บิดา แล้วรีบไปรับโทรศัพท์เดินออกไปคุยอยู่ข้างสนาม “แม่...อินขออนุญาตออกไปข้างนอกนะ” อินทิราหันไปบอกแม่หลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จ “จะไปไหนหรือลูก” “เพื่อนเขามีธุระสำคัญอยากคุยด้วยค่ะ” นายแพทย์อารักษ์ถือลูกบาสเกตบอลเดินมาหาภรรยา หลังจากเห็นลูกเดินแกมวิ่งออกไปด้วยท่าทางร้อนใจ เรียกให้คนขับรถของบิดาเอารถออกไปส่ง ไปทั้งชุดเล่นบาสเกตบอล เป็นเสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีขาว กางเกงวอร์มขายาวสีเทา รีบร้อนออกไปโดยไม่ไปเปลี่ยนชุดก่อน “ลูกไปไหนหรืออุ้ม” “ออกไปหาเพื่อนค่ะ บอกว่าเพื่อนมีธุระอยากคุยด้วย” นายแพทย์อารักษ์มองตามรถ ที่กำลังวิ่งออกจากบ้านไป “บุษหรือตุล” “ไม่ใช่ทั้งสองคน ตุลกับบุษอุ้มจำเสียงได้ คนโทรมาเสียงไม่คุ้นหู” “อุ้มมาเล่นบาสกับพี่แทนลูก กำลังสนุกติดพันเราไม่ได้เล่นบาสด้วยกันตามลำพังนานแล้ว มาทดสอบฝีมือกันหน่อย ฝีมืออดีตกัปตันทีมโรงเรียนจะเป็นยังไง ถ้าอุ้มเอาชนะพี่ได้ เย็นนี้จะพาไปดินเนอร์” “กันให้อยู่นะพี่โอม อุ้มไม่ออมมือนะจะบอกให้” บอกเสียงสดใส เลี้ยงลูกบาสไปทางแป้นชู้ตโดยสามีพยายามกันไว้ ลีลาการเลี้ยงลูกบาสของอโรชายังดูคล่องแคล่ว สามีพยายามกันไว้ยังกันไม่อยู่ พอเข้าไปใกล้ห่วงเทคตัวกระโดดขึ้นชู้ตลงห่วงอย่างแม่นยำ พร้อมรอยยิ้มพอใจในฝีมือตัวเอง อินทิราให้คนขับรถของบิดาขับมาส่งยังสวนสาธารณะ เป็นสถานที่ที่ชอบพาปาลิดามาเดินเล่นด้วยกัน เวลามาร้านของยงยศ ชอบบรรยากาศที่มีความร่มรื่นไม่วุ่นวาย เหมาะจะเดินเล่นพูดคุยกัน ต่างเป็นคนไม่ชอบเดินห้างสรรพสินค้าทั้งคู่ มองเห็นปาลิดานั่งรออยู่ตรงม้านั่งใกล้สระน้ำ ภายในสวนสาธารณะ ยิ้มแจ่มใสแล้วรีบเดินเข้าไปหา “ฟาง” เสียงร้องเรียกก่อนตัวเดินไปถึง ทำให้คนที่นั่งรออยู่หันมาหา “ฟาง...ฟางเป็นอะไร” คนที่เพิ่งมาถึงถึงกับชะงักรอยยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าคนนั่งรออยู่หมองเศร้า เหมือนจะมีน้ำตาซึมคลอด้วยซ้ำ “มีเรื่องอะไรบอกพี่” อินทิราเข้าไปนั่งลงใกล้ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนห่วงใย ยิ่งเห็นอีกฝ่ายเม้มริมฝีปากพยายามกลั้นสะอื้น น้ำตาซึมคลอเริ่มรินหยดลงสองแก้ม “ฟาง...มีเรื่องอะไรบอกพี่” น้ำเสียงคนถามเต็มไปด้วยความร้อนใจห่วงใย “ฟางมาลาพี่อิน” “ฮะ...”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD