ตอนที่.6 ครอบครัวหมอ

2089 Words
เรื่อง: ไม่มีนิยามของคำว่ารัก ภาค1 ตอนที่.6 ครอบครัวหมอ โดย:srikarin2489 รถเก๋งญี่ปุ่นสีขาวของลดาวิ่งเข้ามาชะลอจอด แทนรถยนต์ยุโรปของอโรชา ที่ขับเคลื่อนออกไปแล้ว เพื่อรับลูกสาวซึ่งยืนรออยู่ตามลำพัง ปาลิดาขึ้นมานั่งบนรถดึงเข็มขัดนิรภัยมารัดให้เรียบร้อย “รอนานมั้ยลูก” “แนนพาฟางไปดูพี่ม.6ซ้อมบาส เลยไม่รู้สึกว่านานค่ะ” “ฟางเคยเล่นบาสตอนอยู่โรงเรียนเก่า ไม่สนใจเล่นบาสอีกหรือลูก” “ฟางแค่นักบาสกีฬาสี คุณครูไม่มีนักกีฬาเลยมาเอาฟางไปเล่น ฟางคิดว่าตัวเองไม่เตี้ยนะ สูงร้อยหกสิบสามแต่พอเห็นพี่ม.6ที่เป็นนักบาส มีแต่คนสูงๆฟางดูเตี้ยไปเลย เลี้ยงลูกบาสคล่องแคล่วมาก ชู้ตแม่นฟางเทียบไม่ติดเลย” ปากคุยกับแม่สายตาครุ่นคิด มองรถคันข้างหน้าเป็นรถของอินทิรา ริมฝีปากอิ่มยิ้มนิดเมื่อนึกถึงเจ้าของรอยยิ้ม พยายามเลี้ยงลูกบาสมาทางที่เธอยืนอยู่ จนถูกเพื่อนโวยวายว่าเล่นไม่มีสมาธิทำให้เสียฟาล์วบ่อย เพิ่งได้เห็น”พี่อิน”คนดังวันนี้นี่เอง เข้าใจแล้วว่าทำไมใคร ๆ ก็พูดถึง เป็นคนโดดเด่นมากในเรื่องรูปร่างหน้าตา สวยหล่อครบจบในร่างเดียวอย่างที่ณิชมนเคยบอก “แสดงว่าต้องสูงกันมากใช่มั้ย” “แต่ละคนคงร้อยเจ็ดสิบกว่า แขนขายาวเล่นเก่งมาก บางคนชู้ตแม่นยังกับจับวาง ฟางเทียบไม่ติดขอเป็นคนดูดีกว่า ตอนแม่เรียนแม่เล่นกีฬามั้ยคะ” “แม่ไม่มีทักษะเรื่องกีฬาหรอกลูก เล่นพอสนุกกับเรียนในชั่วโมงพละ แม่ชอบเป็นกองเชียร์มากกว่า ดูพี่ ๆ เขาเล่นกัน” ปากคุยกับลูก ริมฝีปากสีสดยิ้มนิดเมื่อนึกถึงเรื่องราวของตัวเองตอนเรียนมัธยมปลาย “ตอนแม่เรียน โรงเรียนมีทีมบาสมั้ยคะ” “มีสิ ตอนแม่อยู่ม.4ตามเชียร์พี่ม.6ประจำ แม่นี่แหละหัวหน้ากองเชียร์ คอยเชียร์เวลาพี่ม.6แข่งบาสกับโรงเรียนอื่น เป็นอะไรที่สนุกมาก พี่ ๆ นักบาส เล่นเก่งด้วยนะชนะประจำ” ลดาเล่าเรื่องตอนเรียนมัธยมปลาย ให้ลูกสาวฟังด้วยสีหน้าแจ่มใสเป็นพิเศษ ประตูรั้วบ้านเลื่อนเปิดจากรีโมทคอนโทรลภายในรถ ไม่ต้องรอให้คนมาเปิดให้ รถวิ่งช้าๆ เข้าไปข้างในเผยให้เห็นพื้นที่กว้างขวาง บ้านหรูสไตล์เทมโพรารี่โทนสีครีมขาวหลังใหญ่ ตั้งเด่นเป็นสง่า ถึงจะเป็นบ้านหลังใหญ่ประมาณหนึ่งแต่เมื่อเทียบกับฐานะเจ้าของบ้าน ถือว่าไม่ใหญ่โตมากเป็นความต้องการของเจ้าของบ้าน สมาชิกในครอบครัวมีแค่สี่คน แต่ละคนมีภาระหน้าที่ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน จึงไม่ต้องการสร้างหลังใหญ่โตมาก เจ้าของบ้านน่าจะชื่นชอบไม้ดัด เพราะมีกระถางไม้ดัดจัดวางเรียงรายสวยงาม ส่วนต้นไม้อย่างอื่นเน้นไม้ทรงพุ่ม ไม่เน้นไม้ต้นใหญ่ยืนต้น สนามหญ้าตัดแต่งเป็นระเบียบสวยงามเขียวขจี ข้างบ้านด้านหนึ่งมีสนามบาสเกตบอลพร้อมแป้นชู้ต อีกข้างเป็นโรงจอดรถยนต์จอดได้หลายคัน ด้านหน้าตัวบ้านโดดเด่นด้วยเสาเหลี่ยมคู่กลมเพิ่มความอลังการ และอ่อนหวานให้ซุ้มหน้าบ้านจุดวนกลับรถด้านหน้าออกแบบเป็นพิเศษ มีสวนหย่อมแบบญี่ปุ่นพร้อมน้ำพุอยู่ในกรอบวงรีตรงหน้าเสาเหลี่ยมคู่กลม แม้แต่หน้าตัวบ้านก็ยังมีสวนประดับแบบญี่ปุ่นเช่นกัน จัดวางไม้ดัดพร้อมทั้งหินประดับสวยงาม บ้านยังดูใหม่อยู่มาก “คุณพ่อกับพี่อาร์มกลับมาแล้ว อินไปเล่นบาสกับคุณพ่อก่อนนะคะแม่” บอกพร้อมขยับจะเปิดประตูรถ เมื่อเห็นบิดากับพี่ชายกำลังเล่นชู้ตบาสกันอยู่ที่สนามบาสเกตบอล “อินไม่เหนื่อยหรือลูก ซ้อมบาสมาจากโรงเรียนแล้ว” “ไม่เหนื่อยค่ะ” ลงจากรถได้อินทิราวิ่งตัวปลิวไปยังสนามบาสเกตบอล อโรชายิ้มอ่อนมองตามร่างลูก แล้วหยิบกระเป๋าลงจากรถให้ “พี่อาร์มอินเล่นด้วย” อาร์มหรืออนาวิลส่งลูกบาสให้น้องสาวที่เพิ่งมาถึง สามคนพ่อลูกผลัดกันเลี้ยงลูกบาส ไปชู้ตลงห่วงกันสนุกสนานส่งเสียงยั่วแหย่แซวกันเป็นระยะ อนาวิลสวมเสื้อยืดแขนกุดกับกางเกงขาสั้นสำหรับเล่นบาส แต่บิดายังสวมกางเกงสแล็ค แต่ถอดเสื้อตัวนอกออกเหลือแต่เสื้อกล้าม รองเท้าผ้าใบคล่องตัวมาเล่นบาสเกตบอลกับลูก เริ่มค่ำแล้วแสงสว่างไม่พอ จึงต้องเปิดไฟสปอร์ตไลน์ข้างสนามเพิ่มแสงสว่าง บาสเกตบอลเป็นกีฬาโปรดของครอบครัวชื่นชอบกันมาก จนนายแพทย์อารักษ์ต้องทำสนามบาสเกตบอลไว้ที่บ้าน “อุ้ม...มาเล่นบาสด้วยกัน” นายแพทย์อารักษ์หันไปร้องเรียกภรรยา ที่เดินตามมาสมทบทีหลัง “แม่มาเล่นด้วยกันครับ” อโรชาไม่ขัดข้องเมื่อลูกเลี้ยงร้องชวนอีกคน ถอดเสื้อนอกวางไว้ที่โต๊ะข้างสนาม เหลือเสื้อเชิ้ต กางเกงสแล็คแต่สวมรองเท้าผ้าใบหนัง ซึ่งจะสวมรองเท้าแบบนี้เวลาขับรถไปรับส่งลูกเพื่อความคล่องตัว “อย่าให้เสียซื่อนักบาสเก่านะอุ้ม” นายแพทย์อารักษ์แซวพร้อมส่งลูกบาสให้ภรรยา อโรชายืนถือลูกบาส นิ่งอยู่อึดใจก่อนชู้ตลงห่วงอย่างแม่นยำ จนสามีกับลูกพากันตบมือให้ “ฝีมือยังเยี่ยม สมกับเป็นอดีตกัปตันทีมโรงเรียน กัปตันคนปัจจุบันสู้แม่เขาได้มั้ย” อินทิรารับลูกบาสมาจากบิดาแล้วชู้ตลงห่วงบ้าง “ยอดเยี่ยม สมเป็นแม่ลูกกัปตันทีมโรงเรียน” นายแพทย์อารักษ์ตบมือให้ลูกสาว “ให้คุณพ่อโชว์บ้าง อย่าให้แพ้แม่กับอินนะ” นายแพทย์อารักษ์รับลูกบาสมาจากลูกสาวชู้ตลงห่วงอย่างแม่นยำ เป็นภาพครอบครัวอบอุ่นรักใคร่กันดี อารักษ์เป็นนายแพทย์หนุ่มใหญ่วัยห้าสิบแต่หน้าตายังดูหนุ่มกว่าอายุมาก เพราะมีแม่เป็นลูกครึ่งทำให้อารักษ์มีรูปร่างหน้าตาดีโดดเด่น ไม่ถึงกับออกฝรั่งแต่ดูออกว่ามีสายเลือดผสม ความโดดเด่นเรื่องรูปร่างหน้าตาส่งมาถึงลูกสาวคนเดียวด้วย อินทิราหน้าตาคล้ายพ่อมากกว่าแม่ สวยคมออกโทนฝรั่งนิดๆ แถมยังมีความหล่อแบบผู้ชายผสมผสานกันอยู่ในร่างเดียว อโรชาวัยสี่สิบสี่เป็นสาวไทยแท้ สวยคมอย่างสาวไทย ผิวขาวพอประมาณไม่ถึงกับขาวจัด รูปร่างสูงโปร่งสูงถึง173 ซม.แต่ยังไม่สูงเท่าลูกสาวที่สูงถึง 178 ซม. อินทิรามีความสูงเกือบเท่าบิดากับพี่ชายซึ่งสูงหกฟุตพอดี อโรชาบุคลิกเป็นคนนิ่ง สวยคมออกแนวเท่ไม่ใช่สาวหวาน ชอบแต่งกายด้วยสูทเพื่อความคล่องตัวในการทำงาน ทำงานด้านบริหารเป็นหลัก ไม่ได้ทำหน้าที่แพทย์แล้วแม้จะจบแพทย์มาก็ตาม เพราะต้องดูแลสามีกับลูกและงานบริหารโรงพยาบาลจึงยุติงานด้านการรักษาคนไข้ ส่วนนายแพทย์อารักษ์ต้องทำทั้งงานบริหารและเป็นแพทย์ควบคู่กัน เนื่องด้วยเป็นศัลยแพทย์มือดี จึงยังวางมือจากการเป็นแพทย์ไม่ได้ อาร์มหรืออนาวิลเป็นลูกติดของนายแพทย์อารักษ์ วัยยี่สิบหกเรียนจบแพทย์แล้ว กำลังจะไปเรียนต่อเฉพาะทางเพิ่มเติมที่ต่างประเทศ หน้าตาออกโทนไทยครึ่งจีนไม่ออกโทนฝรั่งเหมือนน้องสาว “เรามาจับคู่กันแข่งชู้ตบาสดีกว่า พ่อคู่กับแม่ให้อาร์มคู่กับอิน” “ดีครับ อีกไม่กี่วันผมต้องไปเรียนต่อแล้ว อีกหลายปีกว่าจะได้กลับมา จะได้เก็บบรรยากาศแบบนี้ไว้คิดถึง” “พี่อาร์มจะไปเรียนต่อแล้ว ไปลาพี่ยอร์ชเขาหรือยัง ถ้ายังเราไปด้วยกันนะ” ชวนพี่ชายด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย “เจ้าเล่ห์นักนะอิน พี่รู้ว่าอินอยากไปร้านไอ้ยอร์ช อยากไปขับบิ๊กไบค์ของมันใช่มั้ย” อินทิราหัวเราะเบาเมื่อพี่ชายรู้เท่าทัน “นิดหนึ่ง” “อินเขากลายเป็นศิษย์เอก ของไอ้ยอร์ชแล้วนะครับคุณพ่อ ทั้งสอนขับรถบิ๊กไบค์ให้ หัดชกมวย หัดแทงสนุ๊กแทงเก่งจนเอาชนะคนสอนอย่างไอ้ยอร์ชได้ ไอ้ยอร์ชกับเพื่อนในแก๊งแทงสนุ๊กแพ้อินหมด รวมทั้งผมกับคุณพ่อด้วย ผมกับคุณพ่อเล่นสนุ๊กมาตั้งหลายปี ตั้งแต่อินพึ่งหัดเดิน เรากลับมาแพ้คนพึ่งเล่นได้ไม่กี่เดือนอย่างอิน” “เราต้องยอมรับ ว่าน้องมีพรสวรรค์เรื่องเล่นกีฬา มาแข่งกันต่อดีกว่า” สี่คนพ่อแม่ลูกผลัดกันชู้ตบาสลงห่วง มีเสียงหัวเราะแซวหยอกล้อกันเป็นระยะ เป็นภาพครอบครัวอบอุ่นอบอวลไปด้วยความรัก โรงอาหารของโรงเรียนในตอนพักเที่ยง คลาคล่ำไปด้วยนักเรียนที่มาทานอาหารกลางวัน เสียงจึงค่อนข้างดังและพลุกพล่าน ณิชมนกับปาลิดาพร้อมเพื่อนกลุ่มใหญ่ นั่งจับกลุ่มพูดคุยกินขนมหลังกินอาหารกลางวันเสร็จ รอเวลาเข้าเรียนภาคบ่าย ปาลิดาเข้ากับเพื่อนใหม่ได้เป็นอย่างดี จากตอนแรกค่อนข้างเงียบ ตอนนี้สดใสขึ้นพูดจาหยอกล้อเล่นกับเพื่อนใหม่ได้ ระหว่างนั่งกินขนมพูดคุยกันอยู่ ปาลิดาเห็นพี่ม.6คนดังกำลังเดินตรงมาทางเธอกับกลุ่มเพื่อน อายุเพียงสิบหกปีแต่สูงถึง178 ซม. ถือว่าสูงสำหรับหญิง ไทยจึงดูโดดเด่นมาก เพราะเป็นโรงเรียนหญิงล้วนนักเรียนที่มีความสูงมากจึงมีน้อย เดินไปทางไหนมีแต่คนหันมามองบางทีร้องทักทาย ซึ่งเจ้าตัวยิ้มทักทายตอบ อย่างมีอัธยาศัย “หวัดดีแนน” “พี่อิน” ณิชมนแทบกรี๊ดด้วยความดีใจ เมื่ออินทิราเข้ามาทักก่อนที่ผ่านมาเป็นแต่ฝ่ายวิ่งตาม คอยกรี๊ดเชียร์เวลาอินทิราแข่งบาสเกตบอล พี่ม.6คนดังอยู่ในเครื่องแบบนักเรียนม.ปลาย แต่งกายเรียบร้อยถูกระเบียบทุกอย่าง ทั้งสวยและหล่ออยู่ในร่างเดียว ผมยาวถักเปียสองเส้นมัดด้วยริบบิ้นผ้าสีขาว “ทำอะไรกัน” ถามพร้อมกวาดสายตามองบนโต๊ะตัวยาว เห็นมีถุงขนมต่าง ๆ วางอยู่ “กินขนมค่ะ พี่อินกินขนมด้วยกันสิ” ณิชมนชี้มือไปยังถุงขนมที่วาง อยู่ ซื้อมาวางรวมกันใครอยากกินอะไรหยิบกินได้เลย “พี่อิ่มแล้ว ไม่เห็นแนะนำเพื่อนใหม่ให้พี่รู้จักเลย น้องทุกคนในกลุ่มพี่รู้จักหมด ยกเว้นน้องใหม่คนนี้” ปาลิดาปรายตามองพี่ม.6 เมื่อถูกพาด พิงถึง เธอทำหน้านิ่งเหมือนไม่สนใจทั้งที่ใจเต้นแรง “พี่ไม่เคยเห็นน้องคนนี้มาก่อนเลย” “อ๋อ...” ณิชมนลากเสียงยาวแล้วหันไปทางปาลิดา “ฟางเขาเป็นเพื่อนใหม่ของพวกเราค่ะ ที่พี่อินไม่เคยเห็น เพราะฟางเขาจบม.3มาจากโคราช เราเป็นเพื่อนกันและเป็นญาติกันด้วย คุณย่าของแนนเป็นพี่คุณย่าของฟาง” อินทิราทำหน้าหงึกหงักเข้าใจ ขณะฟังณิชมนอธิบายแต่สายตาจับที่หน้าน้องใหม่ด้วยความสนใจ “ฟางซื่อจริงปาลิดา พิชญานันท์ ฟางนี่พี่อิน อินทิรา การัณยภาส” อินทิรายิ้มให้ เมื่อน้องใหม่หันมายกมือไหว้หลังจากณิชมนแนะนำ “เรียนห้องเดียวกับแนนใช่มั้ย” “ค่ะ” “หน้าตาคล้ายแนนนะ” ปากคุยกับณิชมนแต่สายตามองหน้าน้องใหม่ตลอด ส่งยิ้มสดใสให้แต่อีกฝ่ายนิ่งไม่ยิ้มไม่ยอมสบตาด้วย “ตอนเด็กเราสองคนถูกทักว่าเป็นคู่แฝดบ่อย เราเกิดวันเดียวกันแต่คนละเดือน แนนเกิดก่อนฟางเดือนหนึ่งพอดี” ณิชมนเล่าเสียงสดใส ไม่ได้รู้สึกผิด สังเกตว่าพี่ม.6เข้ามาหา เพราะสนใจเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ มัวแต่ดีใจที่อินทิราเข้ามา พูดคุยด้วย “ท่าทางจะพูดไม่เก่งเหมือนแนน นั่งเงียบเชียว” “เรื่องพูด ฟางเขาสู้แนนไม่ได้หรอกค่ะพี่อิน” ปาลิดายังคงนั่งเงียบ ระหว่างทั้งสองคุยกันและพาดพิงมาถึงเธอ “อิน” ยังไม่ทันจะได้คุยกันต่อ มีเสียงร้องเรียกพร้อมร่างบุษกรเดินเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD