ตอนที่.29 ลุยศึกอินเทิร์น1

2276 Words
เรื่อง: ไม่มีนิยามของคำว่ารัก ภาค 1 ตอนที่.29 ลุยศึกอินเทิร์น1 โดย: srikarin2489 อินทิราอาบน้ำแล้วเปลี่ยนมาใส่ชุดสครับสีเทา พร้อมขึ้นเวรต่อทั้งที่ควงเวรมาตั้งแต่เมื่อวานยังไม่ได้นอนเลย ทั้งเพลียอ่อนล้าและง่วงแต่ต้องกัดฟันสู้ แม้จะอาบน้ำแล้วยังรู้สึกดีขึ้นแค่นิดหน่อย ตุลยากับบุษกรอยู่ในชุดสครับสีฟ้าเตรียมขึ้นเวรเช่นกัน หิ้วถุงใส่ของกินเข้ามาในห้องพักเพื่อน “ฉันกับบุษไปหาซื้อของกินมา มากินก่อนอินก่อนไปขึ้นเวร ถ้าไม่รีบกินตอนนี้แกอาจได้กินตอนเที่ยงคืน” ตุลยาวางถุงใส่ของลงส่วนบุษกรไปหยิบจานช้อนมา “โชคยังดีที่มีตลาดนัดตอนเย็นในโรงพยาบาล ทำให้เราหาของกินได้ง่ายขึ้น ไม่งั้นต้องพึ่งแต่อาหารเวฟในร้านสะดวกซื้อ ตอนเรามาอยู่ที่นี่ใหม่ ๆ กินแต่อาหารเวฟฉันเบื่อแทบกลืนไม่ลง วันนี้ได้ข้าวเหนียวหมูปิ้ง หมูทอด ไก่ทอด ไส้ย่าง ข้าวมันไก่หลายอย่าง แกจะกินอะไรเลือกเอาเลย ขนมหวานอยู่ในถุงนี้” บอกพร้อมขยับถุงใส่ขนมหวานไปใกล้เพื่อน รู้ว่าเพื่อนชอบ “วันนี้ฉันได้กินข้าวเช้าตอนเที่ยง” อินทิราพูดพร้อมนั่งลงใกล้เพื่อน “กว่าจะออกจากวอร์ดได้ไปถึงแผนกOPD คนไข้นั่งยืนรอเต็มจนล้นมองมาด้วยสายตาพิฆาต หมอเสียวสันหลังวาบ” เล่าเจือยิ้มขำแต่ฝืดกร่อยเต็มที รู้สึกอ่อนเพลียเมื่อยล้าแต่ต้องไปขึ้นเวรต่อ “สายตาพิฆาตของคนไข้ฉันเจอจนชิน พอเดินเข้าไปในแผนกOPD สายตาทุกคู่มองมาที่เรา โอ้โห...” ตุลยาส่ายหน้าว่า “บางคนแอบนินทา แต่ให้หมอได้ยินด้วยนะ บอกว่าคนไข้มารอแต่เช้าตรู่ แต่หมอโผล่มาตอนสาย พวกเขาจะรู้บ้างมั้ยว่าหมอยังไม่ได้นอนทั้งคืน ตรวจไปท้องร้องจ้อกๆ หิวข้าว คนไข้แค่นั่งรอหิวก็ไปหาอะไรกินได้ แต่หมอตรวจไม่ได้หยุดเลย พอตรวจเสร็จมีการว่าหมออีกนะ ว่านั่งรอเป็นชั่วโมงๆ หมอตรวจแค่ไม่กี่นาทีนี่นะ ก็อยากตรวจนานหรอกนะแต่มันทำไม่ได้ รอกันอยู่หน้าห้องตรวจเต็มพรืด ยังไม่รู้จะเสร็จเมื่อไหร่” ตุลยากินไปบ่นไป “ชีวิตหมอช่างน่าสงสารตัวเอง ยิ่งวันไหนเจอคนไข้สูงอายุพูดไทยกลางไม่ได้ กว่าจะคุยกันรู้เรื่องเหนื่อยยิ่งกว่าเก่า ถ้าภาษาอีสานฉันพอฟังออก แต่ถ้าเป็นภาษาเฉพาะของเขาอย่างเขมรส่วยอะไรแบบนี้ หูฉันไม่กระดิกเลย หมอพูดด้วยเขาฟังออกแต่พอตอบกลับใช้ภาษาตัวเอง ซึ่งหมออย่างฉันฟังไม่รู้เรื่อง” อินทิรากับบุษกรได้แต่ยิ้มขำ กับท่าทางโอดครวญของเพื่อน “ไม่ต้องถึงภาษาเฉพาะถิ่นหรอก แค่ภาษอีสานฉันกับอินก็ฟังไม่ออกแล้ว ต้องให้พี่พยาบาลมาช่วยแปล เจอทุกวันด้วยนะคนไข้ที่พูดภาษาไทยไม่ได้ บางวันเจอหลายคนทำเอาหมอกุมขมับ” บุษกรบ่นอย่างเหนื่อยใจ “ถ้าแกเลือกลงใต้นะบุษ แกจะปวดหัวยิ่งกว่านี้ เจอคนไข้แหลงใต้ใส่” “แต่ยังดีหน่อยที่เขาฟังหมอออก แต่บางรายกว่าจะสื่อสารกันเข้าใจรู้เรื่องทำเอาหมอเหนื่อย” คำพูดของบุษกรทำให้เพื่อนอีกสองคนพยักหน้าเห็นด้วย “แต่มันมีเรื่องดีๆ น่ารักอยู่นะ อย่างเวลาตรวจคนไข้ในวอร์ด เราคุยกับคนไข้ไม่รู้เรื่อง ญาติเตียงข้างๆ จะมาช่วยแปลให้ ญาติเขายินดีช่วยหมอเต็มที่โดยไม่ต้องขอร้อง แค่หันไปหาเขารีบขยับเข้ามาช่วยทันที” อินทิราเล่าถึงประสบการณ์ในด้านดี ๆ ของการเป็นหมออินเทิร์นจนยิ้มออกมาได้ เพื่อนทั้งสองพยักหน้าเห็นด้วย “แกเคยถูกคนไข้นินทาต่อหน้ามั้ยอิน ฉันโดนมาแล้ว เขารู้ว่าเราฟังไม่ออกเลยนินทาต่อหน้าเลย ฉันแอบไปถามญาติเตียงข้างๆ ว่าคนไข้เตียงนั้นเขาว่าอะไรฉัน ถึงฉันฟังไม่ออกแต่รู้ว่าเขานินทาฉัน เขาว่าเรียนเก่งจนได้เป็นหมอ ทำไมแค่นี้ฟังไม่ออก โอ้โห...ถ้ารู้ความหมายตั้งแต่ตอนนั้นนะ จะบอกยายแกว่าหมอเป็นคนใต้นะ ถ้าหมอแหลงใต้ใส่ยายจะฟังรู้เรื่องมั้ย” อินทิรากับบุษกรหัวเราะออกมาได้ เมื่อตุลยาเล่าประโยคท้ายๆ เป็นภาษาใต้ “คงสนุกพิลึกล่ะ ถ้าหมอแหลงใต้แล้วคนไข้พูดเขมร” ตุลยาได้หัวเราะบ้างเห็นด้วยกับคำพูดของอินทิรา “น่าจะเกิดสงครามภาษา หมอใต้คนไข้เขมรทะเลาะกันคงมันพิลึก มีพยาบาลเป็นกรรมการห้ามด้วยภาษาไทย” ตุลยาพูดเองหัวเราะเอง ทำให้เพื่อนทั้งสองพลอยยิ้มขำ “นอกจากภาษาคุยกันไม่รู้เรื่อง คนไข้สูงอายุยังหูไม่ค่อยดีอีก พูดเบาไม่ได้ยิน พอเราพูดเสียงดังก็ว่าทำไมหมอดุจัง” ตุลยาส่ายหน้าเหนื่อยใจ “วันนี้ขึ้นเวรวอร์ดน่าจะได้นอนบ้าง ไม่เหมือนตอนอยู่เวรอีอาร์ แกยังไม่ได้นอนเลยใช่มั้ยอิน” อินทิราพยักหน้าเอา เพราะกำลังเคี้ยวข้าวเหนียวหมูปิ้งเต็มปาก “ฉันจำไม่ได้แล้ว ว่าได้นอนสบายเต็มอิ่มครั้งล่าสุดเมื่อไหร่” “แกอยู่เวรอีอาร์ทีไรชอบแจ็คพอตแตก มีแต่เคสวุ่นๆทั้งคืน เมื่อคืนมีอุบัติเหตุใหญ่เจ็บกันระนาว ครั้งก่อนวัยรุ่นยกพวกตีกัน ทั้งยิงทั้งแทงจนไส้ทะลัก หอบหิ้วไส้มาหาหมอ” “เมื่อคืนวุ่นกันทั้งแผนก พี่พยาบาลทำพีซีอาร์ ส่วนฉันใส่ทิ้วเจาะปอดวุ่นไปหมด ตอนเช้ามาราวน์วอร์ดต่อ ถูกอาจารย์ตำหนิอีกตามเคย ฉันมันมีดวงเวรเยิน บุษเขาโชคดีไม่ค่อยมีอะไรวุ่นวาย” “ขึ้นเวรอีอาร์ก็เหนื่อยเหมือนกันอิน แต่ไม่เจอหนักสาหัสเหมือนอิน” บุษกรกำลังอร่อยกับข้าวหมูแดงเงยหน้ามาพูด “ใช่ อินมีดวงเวรเยินของจริง ขึ้นเวรวอร์ดยังแทบไม่ได้นอน เดี๋ยวดูคนไข้แอดมิดใหม่ ดูคนไข้เตียงนั่นเตียงนี่วุ่นทั้งคืน พอจะเอนหลังพักหน่อยถูกพี่พยาบาลเรียกอีกแล้ว ของอินจะเวรวอร์ดเวรอีอาร์พอๆ กัน” “พวกเรามาทำอะไรกันที่นี่วะเนี่ย ข้าวเช้าได้กินตอนเที่ยง ข้าวเย็นบางทีกินตอนเที่ยงคืน มิน่าล่ะ...รุ่นพี่บางคนถึงป่วยเป็นกรดไหลย้อนเป็นโรคกระเพาะ มื้ออาหารมาถึงตอนดึก เลือกเอาว่าจะกินหรือนอน ถ้ากินก่อนมีโอกาสเป็นกรดไหลย้อน ถ้าไม่กินก็เป็นโรคกระเพาะ นี่มันหมอหรืออะไรวะเนี่ย” “แกจะบ่นอะไรนักหนาตุล อินเจอหนักกว่าแกเขายังไม่เคยบ่น” “ถึงอินจะเจอสตาฟดุ แต่ดีหน่อยที่เขาไม่เคยเทเวร เวลามีเคสต้องคอนเซ้าท์พอคุยกันได้ ตอนต้องคอนเซ้าท์กับเขาครั้งแรก อินยอมรับว่าอินใจไม่ดีเลย ตอนโทรไปหาคิดว่าคงถูกว้ากแน่ เขาก็พอคุยได้ค่อยยังชั่วหน่อย พี่ ๆ พยาบาลดีด้วยคอยช่วยตลอด” อินทิราเล่าด้วยรอยยิ้มอ่อน พอจะมีเรื่องดี ๆ ปะปนอยู่บ้าง “พยาบาลน่ารักทุกวอร์ดเลย โดยเฉพาะรุ่นใหญ่รุ่นป้า ๆ น้าๆ พวกเขาใจดีกับหมออินเทิร์นอย่างเรามาก เอ็นดูเหมือนเราเป็นลูกเป็นหลาน เวลาทานอาหารมีมาเผื่อเราด้วย เรียกน้องหมออินเทิร์น” ประโยคท้ายบุษกรทำเสียงสองเลียนแบบพยาบาลจนเพื่อนพากันยิ้ม “เรียกด้วยน้ำเสียงเอ็นดู จนเรารู้สึกตัวเล็กตัวน้อยเลย” “ฉันไม่ชอบพยาบาลตรงไหนรู้มั้ย กำลังหลับชอบเรียกขัดจังหวะ รู้หรอกว่าเป็นหน้าที่ของพวกเขา นี่ฉันคิดผิดหรือเปล่าวะ ที่ตามแกสองคนมาเป็นหมอ” “ลาออกไปบริหารโรงแรม กับรีสอร์ทให้พ่อแกซะสิ” บุษกรหันมาว่าด้วยน้ำเสียงเริ่มรำคาญ แล้วหันไปหาอินทิรา “อิน...บุษซื้อชาไทยมาให้ด้วย อินเอาใส่แก้วเก็บความเย็นไว้ดื่มนะ เวลาเพลียๆ จะได้กระตุ้นให้สดชื่นขึ้น” “ขอบใจนะบุษ” “แกไม่เคยดูแลฉัน เหมือนดูแลอินเลย” ตุลยาทำเสียงโวยวายว่า “มนุษย์เหล็กอย่างแก ดูแลตัวเองได้ไม่ต้องให้ฉันดูแลหรอก” “อาทิตย์หน้าแม่กับคุณพ่อฉันจะมาเยี่ยม นัดเจอกันที่ห้างฯในเมือง ไปด้วยกันมั้ย” “ไปซี่” เพื่อนทั้งสองร้องบอกพร้อมกัน เมื่ออิ่มกันแล้วเตรียมตัวไปขึ้นเวรวอร์ดต่อ ทั้งที่ยังรู้สึกอ่อนเพลียแต่กัดฟันสู้ เมื่อถึงวันที่นัดหมายกับลูก อโรชากับนายแพทย์อารักษ์เดินทางมาหา ถึงจังหวัดที่อินทิราเป็นหมออินเทิร์นอยู่ ครั้นจะให้ลูกกลับไปหาที่กรุงเทพฯเป็นไปได้ยาก เพราะวันหยุดมีน้อย เรียกว่าหยุดเหมือนไม่ได้หยุด ทั้งสองนั่งรออยู่ในห้องอาหาร ภายในห้างสรรพสินค้าใหญ่ของจังหวัด อโรชาคอยมองไปตรงประตูทางเข้าห้องอาหารใจจดจ่อ ไม่เจอลูกเลยตั้งแต่เสร็จงานรับปริญญา “ลูกมาแล้วค่ะพี่โอม” อโรชาหันไปบอกสามี น้ำเสียงดีใจเมื่อเห็นลูกเดินเข้ามาโดยมีเพื่อนทั้งสองเดินตามหลังมาด้วย อโรชาลุกขึ้นยืนเมื่อลูกเดินตรงเข้ามาหา ทั้งสามยกมือไหว้เมื่อเดินมาถึง “เป็นยังไงบ้างลูก” ถามเสียงนุ่มเมื่อเห็นสภาพลูก อินทิราปกติเป็นคนสดใสร่าเริง อารมณ์ดีขี้เล่นยิ้มเก่ง ตอนนี้ลูกดูอ่อนล้าอย่างเด่นชัด เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว กับกางเกงยีนส์ที่สวมดูหลวมจนดูออกแสดงว่าผอมลงด้วย เพื่อนรักทั้งสองดูไม่สดใสเช่นเดียวกัน ผมตัดสั้นเหมือนจะแค่หวีหรือใช้มือเสยไว้ลวก ๆ ไม่ใส่ใจมาก ดวงตาสีน้ำตาลเข้มดูเหน็ดเหนื่อยอิดโรย สภาพทุกอย่างดูแย่จนใจคนเป็นพ่อแม่ได้แต่เวทนาสงสาร “เพลียค่ะแม่” นายแพทย์อารักษ์มองภาพที่ลูกสาว เข้ากอดแม่แล้วซบหน้าลงกับไหล่ ท่าทางลูกดูอิดโรยมาก “แม่รู้ สภาพแบบนี้แม่เคยผ่านมาแล้ว” อโรชาวางมือลูบไหล่ลูกอ่อนโยน บุษกรกับตุลยามองดูเพื่อนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม มันไม่ใช่อาการปกติของอินทิราเลย อินทิราผู้ไม่เคยยอมแพ้ต่อสิ่งใด ดูเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าจนดูออก ความสดใสหายไปนับตั้งแต่มาเป็นหมออินเทิร์น มีแต่ความเหนื่อยอ่อนล้าจากการควงเวรยาว “อินพึ่งได้หยุด แต่ไม่ได้นอนมาสองวันแล้ว พักสิบหกชั่วโมงแล้วขึ้นเวรใหม่ แล้วลากยาวเหมือนเดิม เรื่องนอนเป็นเรื่องของอนาคต ที่ไม่รู้ว่าจะเป็นปกติเมื่อไหร่” รอยยิ้มคนพูดดูจืดชืดและอ่อนเพลีย “นั่งก่อนลูก หิวกันหรือยัง พ่อสั่งอาหารไว้แล้ว สั่งของชอบของทั้งสามคนเลย” นายแพทย์อารักษ์หันไปถามเพื่อนลูก “เกือบปีที่พวกเรากินนอนไม่เป็นเวลา หิวไม่ได้กินง่วงไม่ได้นอน บางทีกำลังตรวจคนไข้ ท้องร้องจ้อกจนคนไข้ยิ้มแซว ตั้งแต่เกิดมาตุลไม่เคยต้องทนหิวจนไส้กิ่วแบบนี้ แต่ต้องอดทน เห็นคนไข้มานั่งรอตรวจด้วยความหวัง พวกเขาก็ลำบากอดทนรอหมอตรวจอาการให้ บางคนมาตั้งแต่ยังไม่สว่างบ้านอยู่ไกล ลำบากพอกันเลยทั้งคนไข้ทั้งหมอ เห็นจำนวนคนไข้มารอตรวจในแต่ละวัน หมออยากเป็นลม” “หมอในโรงพยาบาลรัฐ มันเป็นแบบนี้แหละลูก ปัญหามันหมักหมมมานาน ไม่เคยได้รับการแก้ไขจริงจังสักที มันเป็นเรื่องน่าเห็นใจ ที่หมอต้องแบกรับภาระการทำงานแสนจะหนักอึ้ง” อาหารที่นายแพทย์อารักษ์สั่งไว้ให้ ถูกทยอยนำมาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะ “ถ้าอยากทานสลัด ลุกไปตักเอาเลยที่สลัดบาร์ พ่อไม่ได้ตักมาให้ คิดว่าทุกคนคงอยากเลือกผักเอง” ดูเหมือนความอยากอาหารของหมออินเทิร์นทั้งสาม จะลดน้อยลงแม้แต่ตุลยาปกติเป็นคนชื่นชอบและมีความสุขกับการกิน ยังดูแววตาเนือย ๆ ขณะมองดูอาหารที่เน้นไปทางเมนูอาหารฝรั่ง “ข้าวยำแซลมอนกับผักโขมอบชีส รู้ว่าบุษชอบพ่อสั่งไว้ให้ ของตุลเป็นเมนูของทอด มันฝรั่งบดของชอบของอินกับสปาเกตตีซอสเนื้อ” “ขอบคุณค่ะคุณพ่อ” บุษกรกับตุลยายกมือไหว้ เห็นอาหารที่นายแพทย์อารักษ์สั่งไว้ให้ล้วนแต่ของชอบ “อินดูผอมไปนะลูก” “น้ำหนักอินหายไปหลายโลค่ะแม่ กางเกงตัวนี้เคยพอดีตัว แต่ตอนนี้กลายเป็นหลวม” “เอาสลัดมั้ย เดี๋ยวแม่ไปตักมาให้ แม่ไปดูตรงสลัดบาร์แล้วผักเขาหลากหลาย น่ากินเชียว” ผู้เป็นแม่ถามเสียงนุ่มเอาใจ “ไม่เป็นไรค่ะแม่ ถ้าจะทานอินลุกไปตักเองได้” อินทิราเริ่มรับประทานอาหาร เมื่อเห็นสายตาห่วงใยของพ่อกับแม่ “ลาออกมั้ย” คำถามของนายแพทย์อารักษ์ทำให้ หมออินเทิร์นทั้งสามชะงักแล้วหันมามองหน้ากัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD