ตอนที่31.ลาออก(2)

1523 Words
เรื่อง: ไม่มีนิยามของคำว่ารัก ภาค1 ตอนที่.31 ลาออก(2) โดย: srikarin2489 อินทิรา ตุลยากับบุษกรลาออกจากการเป็นหมออินเทิร์น มาทำงานที่โรงพยาบาลของนายแพทย์อารักษ์ บิดาของอินทิราตามคำชวน ทั้งสองจะเริ่มงานก่อน ไม่รออินทิราที่ยังไม่กลับจากอเมริกา รถยนต์ป้ายแดงสีบอร์นวิ่งมาจอด ยังลานจอดรถสำหรับแพทย์ของทางโรงพยาบาล ตุลยาเปิดประตูลงมาจากรถ การแต่งกายดูเปลี่ยนไปสวมกางเกง สแล็คสีเข้ม เสื้อเชิ้ตคอจีนแขนยาวสีฟ้า มีเสื้อกาวน์ยาวของแพทย์พาดอยู่ที่แขน รองเท้าผ้าใบหนังสีน้ำตาล ยังคงไว้ผมสั้นเหมือนตอนเป็นหมออินเทิร์น แต่งกายแบบนี้ดูมีราศีสมเป็นแพทย์ ยังไม่ทันจะเข้าไปข้างในเห็นรถของบุษกรวิ่งเข้ามา แล้วจอดข้างกันจึงยืนรอก่อน พอเห็นบุษกรลงจากรถ ตุลยาถึงกับยิ้มมองเพลิน บุษกรดูสวยสดใสแตกต่างจากเดิมมาก สวมเดรสสั้นสีชมพู รองเท้าคัชชู ที่ต่างจากเดิมมากคือผม จากผมตรงเปลี่ยนเป็นดัดหยักศกสีน้ำตาลคาราเมล แต่งหน้าบางทาปากสีสด ไม่จำเป็นต้องแต่งมากมาย เพราะบุษกรจัดว่าเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่ง สาวหมวยแต่ตาโตแก้มป่องสวยสดใสเหมือนตุ๊กตา ผิวพรรณดีขาวสะอาด เปลี่ยนแว่นใหม่ เป็นคุณหมอสาวดูสดใสสวยน่ารักมาก “มองอะไรนักหนาตุล” มาหยุดยืนตรงหน้าเพื่อนแล้วทำเสียงแข็งถาม เมื่อเห็นเพื่อนเอาแต่มองแล้วยิ้มตาเยิ้ม “ถามไม่พูด เป็นใบ้ไปแล้วหรือไง” ทำเสียงแข็งว่า “แกสวยจังบุษ” ตุลยาพึมพำราวละเมอ ไม่เคยเห็นบุษกรในลุคสาวสวยสดใสแบบนี้มาก่อน “อินไม่อยู่ ไม่เห็นว่าหมอบุษสวยแค่ไหน” “แกนี่ท่าจะบ้านะตุล เรารู้จักกันมาสิบกว่าปี ที่ผ่านมาฉันไม่สวยหรือไง” ทำเสียงแข็ง ข่มความเขินที่เห็นตุลยามองตาเยิ้มยิ้มหวาน “แต่ก่อนน่ารัก แต่วันนี้สวยจนฉันตะลึง เดี๋ยว ๆ ขอถ่ายรูปไว้ก่อน” บอกพร้อมดึงโทรศัพท์ตัวเองออกมาเปิดกล้องถ่ายรูป “ต้องถ่ายรูปไว้ ส่งให้อินดูด้วย” “ไม่มีอะไรทำหรือไง ถึงมาถ่ายรูปกันเอง” “วางท่าสวย ๆ หน่อย” “เมื่อกี้แกยังบอกว่าฉันสวย จะให้วางท่าสวยอะไรอีก” แว้ดเสียงเข้าใส่ “แกสวยดูดีขึ้นเยอะ เสียอย่างเดียวปากไวไม่เคยเปลี่ยน” พอตุลยาพูดจบเลยถูกเพื่อนฟาดไหล่เข้าให้ “ปากไวไม่พอมือไวด้วย” “แกเองก็ปากเสียไม่เปลี่ยนไอ้ตุล” บุษกรสวนทันควัน “เซลฟี่กันหน่อย” ตุลยาบอกพร้อมเข้าไปกอดไหล่เพื่อนแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายรูป “ยิ้ม...ยิ้มสวย ๆ ฉันจะส่งให้อินดูด้วย” บุษกรแยกเขี้ยวให้คนบอกแล้วหันไปยิ้มให้กล้อง “เออ...สวยมาก” “ฉันพลอยบ้าจี้ไปกับแกด้วย” ทั้งสองมองหน้ากันแล้วหัวเราะ “ส่งให้อินก่อน อีกอาทิตย์เดียวอินจะกลับมาแล้ว เราจะอยู่กันครบแก๊งเหมือนที่ผ่านมา” ตุลยาตรวจดูรูปอย่างพอใจ “ก่อนไปทำงานเราแวะไปเยี่ยมคุณแม่ของอินก่อนนะ พี่อาร์มบอกว่าท่านลื่นล้มแขนหัก” ตุลยาก้มดูรูปอยู่พยักหน้าตกลง “อินรู้หรือยังว่าแม่ล้มแขนหัก มันรักแม่มากถ้ารู้คงปลิวกลับมาเลย” “ไม่รู้สิ ตั้งแต่เขาไปอเมริกาเราไม่ได้ติดต่อกันเลย เข้าไปข้างในเถ่อะ” “พอแล้วอาร์ม” อโรชาบอกลูกเลี้ยงเมื่ออนาวิลช่วยกดปุ่มปรับเตียงให้อยู่ในท่าครึ่งนั่งครึ่งนอน อโรชาอยู่ในชุดคนไข้ของโรงพยาบาลแขนซ้ายหักเข้าเฝือกแล้วคล้องไว้กับคอ “แม่เป็นยังไงบ้างครับวันนี้” อนาวิลเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียงแล้วถาม “รู้สึกดีขึ้นเยอะแล้วลูก พรุ่งนี้น่าจะกลับบ้านได้” อโรชาก้มดูแขนข้างเข้าเฝือกของตัวเองแล้วบอก “คุณพ่อบอกว่าจะให้ช่าง มาเปลี่ยนพื้นหน้าบ้านใหม่ครับ” “ตอนกลางคืนฝนมันตกเลยลื่นง่าย เปลี่ยนพื้นใหม่ก็ดีเหมือนกัน แม่รู้สึกว่าพื้นตรงนี้มันลื่นถ้าไม่ระวังจะล้มง่าย แม่เกือบล้มมาหลายครั้งแล้ว คุณพ่อเขามีความคิดจะเปลี่ยนพื้นใหม่ แต่ยังไม่มีเวลาหาช่าง คราวนี้คงต้องเปลี่ยนจริง ๆ ไม่งั้นคงได้มีใครล้มอีก” อนาวิลพยักหน้าเห็นด้วย “ก่อนอาร์มเข้ามาตุลกับบุษเขาแวะมาเยี่ยม แต่แม่ยังไม่เห็นคุณพ่อของอาร์ม ทุกทีเขาต้องมาดูแม่แต่เช้าก่อนไปทำงาน วันนี้แม่ยังไม่เห็นคุณพ่อของอาร์มเลย วันนี้ไม่มีเคสผ่าตัดตอนเช้านี่นา” อโรชาพึมพำด้วยแววตาแปลกใจ “คุณพ่อไปรับอินที่สนามบินครับ” อนาวิลบอกเสียงเบาอุบอิบ “อินกลับมาแล้วเหรอ” ถามเสียงดังแปลกใจ อนาวิลพยักหน้าทำหน้าแห้ง “แม่บอกแล้วไงว่าอย่าบอกน้อง แม่แค่ล้มแขนหักเข้าเฝือกแล้ว ไม่มีอาการหนักต้องเป็นห่วง” “ผมไม่ได้ตั้งใจจะบอกอินหรอกครับ เขาโทรมาวันแม่ล้มตอนแม่อยู่ในห้องฉุกเฉิน โทรเข้าเครื่องแม่กับคุณพ่อไม่มีใครรับ เขาเลยโทรเข้าเครื่องผม ผมเผลอบอกน้องไป แต่ผมบอกเขาว่าแม่ไม่เป็นอะไรมาก เขาหาตั๋วบินกลับมาเลย” อโรชาถอนใจเบา “แม่ไม่เป็นอะไรมาก แม่อยากให้น้องได้เที่ยวพักผ่อนเต็มที่ ถึงได้สั่งอาร์มไม่ให้บอกน้อง เพราะแม่รู้ว่าถ้าเขารู้เขาจะกลับมาทันที” “ขอโทษครับแม่ ที่ผมเผลอปากไป” อนาวิลบอกเสียงอ่อยทำหน้าเสียใจ แม้จะเป็นแค่แม่เลี้ยงแต่อนาวิลรักเคารพเหมือนแม่ตัวเอง “ช่างเถ่อะลูก บอกแล้วก็แล้วไป น้องบอกว่าจะไปเดือนหนึ่งยังไม่ครบเดือนเลย” ขณะกำลังคุยกันอยู่มีเสียงเปิดประตูห้องเข้ามาขัดจังหวะการคุยทำให้ทั้งสองหันไปดู “แม่...” อินทิราเปิดประตูห้องเข้ามา เดินตัวปลิวแทบเป็นถลาเข้ามาหาแม่ โดยมีบิดาเดินตามหลัง อโรชายิ้มรับเมื่อลูกเข้ามาหาด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความร้อนใจห่วงใย เมื่อรู้ว่าแม่ประสบอุบัติเหตุจนแขนหักต้องนอนโรงพยาบาล ทำให้ต้องรีบกลับเมืองไทยก่อนกำหนด “แม่เป็นยังไงบ้างคะ” อินทิรากวาดสายตามองทั่วร่างแม่ ด้วยความเป็นห่วง สายตามาหยุดอยู่ที่แขนข้างเข้าเฝือก “แม่ไม่เป็นอะไรมากหรอกลูก” “ถ้าอินไม่โทรมาเอง คงไม่มีใครคิดจะบอกอินใช่มั้ย” ทำเสียงต่อว่าปนน้อยใจ มองพี่ชายตาขุ่นขวางไม่พอใจจนพี่ชายยิ้มแห้ง “แม่สั่งไว้เองไม่ให้คุณพ่อกับพี่อาร์มบอกอิน แม่อยากให้อินได้เที่ยวพักผ่อนอย่างเต็มที่” บอกลูกเสียงนุ่มวางมือข้างไม่เจ็บลูบแขนลูกเมื่อเห็นทำหน้าน้อยใจ “อย่าไปว่าพี่อาร์มเขาเลยลูก เราทุกคนอยากให้อินได้เที่ยวพักผ่อนเต็มที่ อาการแม่ไม่มีอะไรน่าห่วงหรอก” “แม่ไม่สบายเรื่องอื่นไม่สำคัญหรอกค่ะ เอาไว้เที่ยวเมื่อไหร่ก็ได้ แม่ดูแลอินมาอย่างดี ดูแลมาตั้งแต่อินยังอยู่ในท้องแม่ พออินเกิดแม่กับคุณพ่อเลี้ยงเองไม่มีพี่เลี้ยง พออินเข้าโรงเรียนแม่ขับรถรับส่งเอง ตั้งแต่อินเรียนอนุบาลจนจบม.6 แม่ต้องลำบากตื่นแต่เช้ามืดทุกวัน เพื่อขับรถไปส่งอิน อินยังไม่ได้ตอบแทนแม่เลย แม่ไม่สบายอินต้องคอยดูแล” “แม่ทำด้วยความเต็มใจ ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองลำบาก แม่มีความสุขที่ได้ดูแลลูกด้วยตัวเอง” อโรชาบอกลูกเสียงนุ่มนวล “แม่ตั้งใจไว้แล้วตั้งแต่รู้ตัวว่าตัวเองท้อง คุยกับคุณพ่อของอินว่าเราจะเลี้ยงลูกเองไม่ต้องมีพี่เลี้ยง” นายแพทย์อารักษ์ยิ้มพยักหน้าสนับสนุนคำพูดภรรยา “อินต้องดูแลแม่เขาดี ๆ นะลูก แม่เขาทุ่มเทให้อินได้ทุกอย่าง พ่อไม่เหนื่อยเท่าแม่เขาหรอก พ่อเป็นแค่หน่วยเสริมคอยช่วยเวลาแม่เขาเหนื่อย แต่โชคดีที่อินเป็นเด็กเลี้ยงง่าย ไม่งอแงโยเยกินอิ่มแล้วก็นอน มาเหนื่อยมากหน่อยตอนเริ่มเดินเป็น ไม่อยากเดินจะวิ่งท่าเดียว บางครั้งคุณย่าวิ่งตามจนเหนื่อยหอบ” “คุณพ่อพูดถูก อินซนมากตอนคลานก็คลานเร็ว จากคลานลุกขึ้นเดินจะวิ่งท่าเดียว” อินทิราได้แต่ยิ้ม เมื่อทุกคนเล่าเรื่องในวัยเด็กของตัวเองให้ฟัง “เอาล่ะ...สายแล้วคุยกันไปก่อนนะ พ่อต้องไปทำงานแล้ว” นายแพทย์อารักษ์ยกข้อมือดูนาฬิกาแล้วบอก “ผมต้องไปทำงานเหมือนกัน อินอยู่ดูแลแม่นะ” อนาวิลบอกน้องสาวก่อนเดินตามบิดาไปอีกคน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD