ตอนที่.9 หนุ่มน้อยหน้าคม

2549 Words
เรื่อง: ไม่มีนิยามของคำว่ารัก ภาค 1 ตอนที่.9 หนุ่มน้อยหน้าคม โดย: srikarin2489 ณิชมนกรี๊ดตามคนอื่น เมื่อเห็นอินทิราเดินมาตรงหน้าอาคารเรียน มีเพื่อนสนิทหกคนล้อมหน้าล้อมหลังไว้ ที่นักเรียนสาวๆ ส่งเสียงกรี๊ด เพราะอินทิรามาในลุคใหม่แปลกตา ผมตัดสั้นดูหล่อ คม เท่ ถูกใจสาวๆมาก ยิ่งวันนี้ไม่ได้ใส่ชุดนักเรียนแต่ใส่ชุดพลศึกษา ทำให้ดูเผินๆเหมือนเด็กหนุ่มมาก เป็นหนุ่มน้อยหน้าคม “เพราะอย่างนี้ ฉันถึงต้องให้พวกแกมาพาขึ้นตึก” อินทิราบ่นกับเพื่อน รู้ว่ามาถึงโรงเรียนต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้แน่นอน พอแม่ขับรถมาส่งจึงโทรศัพท์บอกให้เพื่อนลงไปรับ “น่าภูมิใจออกอิน พวกเขากรี๊ดในความหล่อของแก” ตุลยาแซวเพื่อน “อินจะกลัวทำไม ยิ้มมั่นใจเข้าไว้” “อินไม่เคยตัดผมสั้นนะบุษ นี่เป็นการตัดผมสั้นครั้งแรกในชีวิต อินไม่มั่นใจเลยเบาหัวแปลก ๆ ยังไงไม่รู้” ทำหน้ายุ่งบ่นกับเพื่อน “มัวแต่ช่วยพี่ยอร์ชแต่งรถ ผมถูกสารเคมีจนแพ้ ช่างประจำของแม่บอกว่าต้องตัดผมออก ถ้าไม่ตัดผมจะเสียมากกว่านี้” บ่นพลางยกมือขึ้นลูบผมตัวเอง ไม่เคยตัดผมสั้นมาก่อนทำให้ขาดความมั่นใจ ตั้งแต่เล็กจนโตไว้ผมยาวมาตลอดจนเคยชินไม่ว่าจะเดินผ่านไปทางไหน มีแต่เสียงกรี๊ดเสียงร้องเรียกยกมือถือขึ้นถ่ายรูป ยิ่งทำให้เจ้าตัวทั้งเขินทั้งไม่มั่นใจ “ไอ้อินเอ้ย...ยิ่งกว่าซุปตาร์ดาราดัง” ตุลยาแซวเพื่อนอีก ได้แต่หัวเราะเห็นเพื่อนเขินขาดความมั่นใจ กว่าจะฝ่ากลุ่มนักเรียนที่เข้ามารุมล้อมถ่ายรูปไปถึงห้องเรียนได้เล่นเอาเหนื่อย ทั้งเพื่อนที่ช่วยกันกันอินทิราไว้ ซึ่งเจ้าตัวแทบจะวิ่งหนีด้วยความเขิน “พี่อินตัดผมสั้นหล่อมาก” ณิชมนกับเพื่อนกรี๊ดกันยกใหญ่เมื่อเห็นอินทิรา ปาลิดาได้แต่ยิ้มขำเมื่อเห็นเพื่อนทำท่าเหมือนจะพากันเพ้อ กับลุคใหม่ของพี่ม.6คนดังที่ดูเขินขาดความมั่นใจจนดูออก เธอเดินกลับเข้าห้องเรียน ได้ยินเพื่อนคุยกันเรื่องความหล่อของอินทิราเซ็งแซ่ ถึงจะไม่ได้ร่วมพูดคุยกับเพื่อน แต่สีหน้าปาลิดาสดใสขึ้นมากกับการได้เห็นพี่ม.6กลับมาเรียนตามปกติ ยิ้มออกมาได้โดยไม่รู้ตัว นักเรียนชั้นม.4กับม.6ที่จะทำการแสดงร่วมกัน มารวมตัวกันหลังโรงเรียนเลิกเพื่อเริ่มการฝึกซ้อมเป็นวันแรก ปาลิดายิ้มเมื่อมองร่างสูงของพี่ม.6 อยู่ในชุดพลศึกษา เป็นเสื้อเชิ้ตโปโลสีประจำโรงเรียน กางเกงวอร์มขายาวสีเข้ม สวมถุงเท้าสีขาวส่วนรองเท้าถอดวางไว้บนชั้นวางหน้าห้อง ผมตัดสั้นหน้าคมดูดี หล่อเท่เหมือนเด็กหนุ่ม อย่างที่ณิชมนเคยบอกว่า อินทิราเป็นคนสวยหล่อครบจบในร่างเดียว อายุแค่สิบหกแต่ตัวสูงได้กรรมพันธุ์จากพ่อกับแม่ เดินเข้ามาหาปาลิดาด้วยท่าทางหงอยๆ “เป็นอะไรพี่อิน หงอยเหมือนถูกใครทุบมา” “พี่ไม่เคยตัดผมสั้น ไม่มั่นใจเลย” “หล่อดูดีออก สาว ๆ กรี๊ดโรงเรียนแทบแตก” ปาลิดาแซวแล้วยิ้ม “เอาน่า...ตัดแล้วมันก็ยาวใหม่ได้ พี่อินตัดผมสั้นแบบนี้ดูหล่อมากเลยนะ” เห็นพี่ม.6ไม่มั่นใจ ปาลิดาถือโอกาสแซวเสียเลย “ฟางชอบมั้ยล่ะ ถ้าฟางชอบพี่ก็โอเค” ปาลิดาหุบรอยยิ้มร้อนวูบทั้งใบหน้า เมื่อพี่ม.6ยื่นหน้ามาถามใกล้ด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ตาเป็นประกายพราวระยับ “ว่าไง โอเคปะ” อินทิรายิ้มขำ เมื่อคนถูกถามไม่ยอมตอบ ทำหน้าเฉยแต่ไม่ยอมสบตา ทำเป็นเมินมองไปทางอื่นแก้มเป็นสีชมพูจาง ๆ “ไม่มีอะไรทำหรือไง มามองอยู่ได้” “อยากมองนี่นา” อินทิราหัวเราะเบา เมื่อคนเขินเดินหนีไปหาณิชมน ทำเป็นเข้าไปคุยกับณิชนกับเพื่อน “แกคงชอบน้องฟางคนนี้จริงๆนะอิน ฉันไม่เคยเห็นแกมองใครตาเชื่อมแบบนี้มาก่อน” ตุลยาเข้ามาเกาะไหล่เพื่อนที่มองตามปาลิดาด้วยรอยยิ้มสดใสจนผิดสังเกต ตุลยามองปาลิดาแล้วหันมามองหน้าเพื่อนเห็นยิ้มตาเป็นประกาย มันเป็นอาการของคนตกหลุมรักอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นเพื่อนกันมาหลายปีเพิ่งเห็นเพื่อนมีอาการแบบนี้เป็นครั้งแรก และมีทีท่าว่าจะอาการหนักด้วย “อาการฉันออกขนาดนั้นเลยหรือตุล” “เอ้อ...มองน้องฟางตาฉ่ำหวานจนมดจะขึ้นตา ถ้าไอ้บุษมาเห็นแกมองน้องฟางแบบนี้มีหวังมันคลั่งตายแน่” “ฉันไม่รู้มันเป็นไปเอง ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย” ตุลยายิ้มขำเมื่อเห็นเพื่อนออกอาการเขิน “ฉันรู้แต่ว่าฉันอยากเห็นหน้าเขา หลับตายังเห็นแต่หน้าเขาวนเวียนอยู่ในหัว ทำไมเป็นแบบนี้น๊า” พึมพำแล้วถอนใจจนเพื่อนหัวเราะ กับท่าทางของคนที่เพิ่งมีประสบการณ์ตกหลุมรักเป็นครั้งแรก “เป็นเอามาก สงสัยแกจะคลั่งรักน้องฟาง” “ฉันดูแย่มากมั้ยตุล” “ก็...นิดหนึ่ง แกจะออกอาการเฉพาะเวลาอยู่กับน้องฟาง” “คุณครูมาแล้ว” เสียงเพื่อนร้องบอกกัน แต่ละคนแยกย้ายกลับมายืนคู่กับคู่ของตัวเอง เมื่อคุณครูผู้หญิงวัยสาวสองคนเดินเข้ามาในห้อง เพื่อจะได้เริ่มต้นทำการซ้อมการแสดง “พร้อมกันหรือยัง บางคนอาจจะเคยเต้นมาแล้ว ส่วนใครไม่เคยพยายามหน่อย ดูคู่เต้นของตัวเองด้วย” “เต้นลีลาศจังหวะบีกิน พี่เคยเต้นมาแล้วสบาย ไม่ยากหรอกพี่คิดว่าฟางทำได้” “ฟางเคยเต้นมาแล้วเหมือนกัน” อีกฝ่ายคุยโอ่คืนบ้าง “โอ้โห...แบบนี้ถูกคู่เลย แหม...อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น” ปาลิดามองค้อนแต่แววตายิ้ม เมื่อเห็นพี่ม.6 ทำท่าคึกคักกระดี๊กระด๊าจนน่าหมั่นไส้ ก่อนเจอตัวได้รู้จักกันเธอเคยคิดว่าพี่ม.6คนดังคงมาดเยอะขี้เก๊ก ที่ไหนได้กลายเป็นคนขี้เล่น ออกไปทางตลก ภาพที่เคยคิดไว้กับตัวจริงคนละเรื่องเลย คู่ของอินทิรากับปาลิดาเต้นเข้าคู่กันได้ราบรื่นกว่าคู่อื่น ครูผู้ทำการฝึกเต้นให้ต้องหยุดเพลงเป็นระยะคอยเข้าไปดูให้คำแนะนำคู่ที่มีปัญหา ซึ่งมีด้วยกันสองสามคู่ แต่ทุกคนให้ความร่วมมือตั้งใจฝึกซ้อมเป็นอย่างดี “ฟางเต้นเก่งนะเนี่ย” “สบายมาก ฟางแสดงงานโรงเรียนมาตั้งแต่อนุบาลแล้ว” ปาลิดามองค้อนเมื่อพี่ม.6ยิ้มล้อ มีการฝึกซ้อมเต้นลีลาศแทบทุกวันในตอนเย็นหลังโรงเรียนเลิก ทำให้ปาลิดากับอินทิราคุ้นเคยกันมากขึ้นและเต้นเข้าคู่กันเป็นอย่างดี พูดคุยสนิทสนมถึงขั้นหยอกล้อเล่นกันได้ ปาลิดากลายเป็นคนสดใสพูดเยอะขึ้นโดยไม่รู้ตัว ส่วนพี่ม.6ช่างยั่วช่างแหย่ขี้เล่น คนอื่นไม่มีใครรู้สึกผิดสังเกตกับอาการของทั้งคู่ มีเพียงตุลยาคนเดียวที่ดูออกและเฝ้าสังเกต หลังจากซ้อมเต้นลีลาศเสร็จ ทั้งสองเดินออกไปรอรถด้วยกัน อินทิราเดินช้าพลอยทำให้คนเดินเคียงข้างต้องเดินช้าตามไปด้วย อยากยืดเวลาได้พูดคุยกันตามลำพังออกไปนานๆ บรรยากาศพลุกพล่านจอแจหลังโรงเรียนเลิกเงียบลง เมื่อนักเรียนทยอยกลับจวนหมด เหลือแต่คนที่ยังทำกิจกรรมอยู่ ปาลิดาปรายตามองหน้าพี่ม.6ด้วยใบหน้ายิ้มๆ เห็นคุยแจ้วๆ ไม่ขาดปาก เธอจะเป็นฝ่ายฟังเสียมากกว่าเมื่ออีกฝ่ายเหมาพูด มีเรื่องมาพูดมาเล่าจนเธอฟังเพลินบางครั้งได้ยิ้มหัวเราะ อโรชาขับรถยุโรปคันหรูสีดำ มาชะลอจอดใกล้เห็นอินทิรายืนคุยอยู่กับนักเรียนหญิงคนหนึ่ง ตรงจุดรอรถเมื่อเห็นว่าไม่มีรถจอแจติดขัด เธอจึงลงจากรถเดินไปหาลูก “รอนานมั้ยลูก” ปากถามลูกแต่สายตามองเด็กสาว ที่ยืนอยู่กับอินทิราอย่างสนใจ รู้สึกคุ้นหน้าแต่มั่นใจว่าไม่รู้จักไม่เคยเห็นมาก่อน โดยเฉพาะดวงตาดำกลมโตช่างเหมือนกับใครบางคนเหลือเกิน “อินพึ่งออกมารอแม่ค่ะ” เมื่อได้ยินอินทิราเรียกผู้หญิงที่ดูสวยสง่า ภูมิฐานว่าแม่ ปาลิดาจึงยกมือไหว้ “จะไม่แนะนำเพื่อนใหม่ ให้แม่รู้จักหรืออิน” อโรชามองหน้าปาลิดาด้วยแววตาครุ่นคิด แปลกใจที่รู้สึกคุ้นหน้าทั้งที่ไม่รู้จัก “ฟางเป็นน้องม.4ค่ะแม่ ที่จะเต้นลีลาศคู่กับอิน ฟางนี่แม่ของพี่” ปาลิดา ยกมือไหว้อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้อโรชารับไหว้ “แม่ไม่เคยเห็นหนูมาก่อน แต่รู้สึกคุ้นหน้ามากเลย” “ฟางเขาจบม.3มาจากโคราชค่ะ แม่เขาเป็นศิษย์เก่าที่นี่ เลยให้ฟางมาเรียนที่นี่” ปาลิดายิ้มเป็นการยอมรับเรื่องที่อินทิราบอกแม่ “แม่เป็นศิษย์เก่าที่นี่เหมือนกัน แม่หนูอายุเท่าไหร่” อโรชาถามอย่างสนใจ “สี่สิบสองค่ะ“ “อ่อนกว่าแม่แค่2ปี แสดงว่าเรียนอยู่ที่นี่ช่วงไล่เลี่ยกัน วันหน้าถ้าได้เจอแม่ของหนู คงได้พูดคุยกันอาจจะรู้จักกันก็ได้” “อินคิดว่าน่าจะรู้จักนะคะแม่ ตอนแม่เรียนแม่เป็นคนดังดาวโรงเรียน แม่พี่เป็นนักบาสเหมือนพี่นะฟาง เป็นอดีตกัปตันทีมบาสโรงเรียนด้วย” เล่าอวดด้วยรอยยิ้มภาคภูมิใจ “แม่พี่เล่นบาสเก่ง เรียนเก่งมากด้วย จนได้เป็นนักเรียนดีเด่นของโรงเรียน” “คุยอวดเพื่อนแบบนั้นไม่อายหรืออิน” “เรื่องจริงนี่คะแม่ แม่เก่งลูกเก่งด้วย อินเหมือนแม่ทุกอย่าง ยกเว้นความประพฤติ อินยอมรับว่าอินเรียบร้อยไม่เป็น เพื่อนแม่ที่เป็นครูชอบว่าอินเกเรไม่เหมือนแม่ นอกจากความประพฤติแล้วนอกนั้นเหมือนแม่หมด เป็นลูกไม้ที่หล่นตรงโคนต้นเป๊ะ” “จริง ๆ แล้วแม่ไม่ใช่คนเรียบร้อยหรอก แต่การเป็นลูกครูเป็นนักเรียนดีเด่นด้วย ทำให้แม่ต้องอยู่ในกรอบ อย่าไปฟังอินมากเลยหนู เขาขี้คุย” “แม่” อินทิราทำหน้าขัดใจเมื่อถูกแม่ขัดคอเจือยิ้ม ทำให้ปาลิดาอมยิ้ม เห็นอินทิราทำท่างอแงกับแม่เหมือนเด็ก “ไปขึ้นรถได้แล้วลูก” อโรชาเห็นรถยนต์คันหนึ่ง กำลังวิ่งเข้ามาจึงหันไปบอกลูก “หนูกลับยังไงลูก” “แม่ฟางกำลังขับรถมานั่นค่ะ” อโรชาพยักหน้ารับรู้แล้วกลับไปขึ้นรถ อินทิรายิ้มโบกมือให้น้องม.4ก่อนเดินไปขึ้นรถตัวเอง รถยุโรปคันหรูราคาแพงของอโรชา วิ่งสวนกับรถญี่ปุ่นราคาพอประมาณของลดา ที่วิ่งเข้ามาจอดแทนที่รถยุโรป ลดาเอี้ยวคอมองตามรถยุโรปคันนั้น เพราะเห็นว่าผู้หญิงเจ้าของรถยืนคุยอยู่กับลูกสาวก่อนกลับขึ้นรถ แต่เห็นหน้าไม่ชัด ดูจากรถและการแต่งตัวแล้วน่าจะเป็นคนมีฐานะดี โรงเรียนแห่งนี้คนมีฐานะดีนิยมส่งลูกสาวมาเรียน จะเห็นรถหรูราคาแพงส่วนมากเป็นรถยุโรป มารับมาส่งนักเรียน ด้วยค่าเทอมที่สูงพอสมควรต้องเป็นคนมีฐานะดีระดับหนึ่งถึงจะส่งลูกเข้าเรียนได้ “รถคันเมื่อกี้ รถใครหรือลูก” ลดาหันไปถามลูกสาวที่กำลังรัดเข็มขัดนิรภัย “คุณแม่ของพี่ม.6ค่ะ ท่านมารับพี่อินเลยลงมาคุยด้วย” น้ำเสียงที่เรียก “พี่อิน” ฟังดูสนิทสนมพอสมควร ทำให้ลดารู้สึกผิดสังเกตจนหันมามองหน้าลูกสาวอีก เห็นลูกยิ้มหน้าตาสดใสเป็นพิเศษ วัยสิบสี่ย่างสิบห้ากำลังรุ่นสาวสวยสดใสตามวัย หน้าตาออกโทนไทยผสมจีนแต่ตาโต นับวันความสวยยิ่งฉายแววโดดเด่น ยิ่งมาระยะหลังนี้ลูกดูสดใสขึ้นมาก เห็นลูกปรับตัวเข้ากับโรงเรียนใหม่ได้ดี ทำให้ลดาสบายใจขึ้น “งานโรงเรียนที่ฟางร่วมแสดง คุณย่าบอกว่าจะมาดูด้วย” “จริงหรือคะแม่” ลดายิ้มพยักหน้า เมื่อลูกสาวหันมาร้องถามเสียงตื่นเต้นดีใจ “ตั้งแต่เราย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ ฟางไม่เจอคุณย่าเลย คุณพ่อล่ะคะมาด้วยมั้ย” “แม่โทรไปบอกคุณพ่อแล้ว เขาบอกว่าวันนั้นไม่ว่าง” ปาลิดาพยักหน้ารับรู้ไม่เซ้าซี้ถามเหตุผล คุ้นชินกับการอยู่กับแม่ตามลำพังมาตั้งแต่เด็ก ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯแล้วพ่อยังไม่มาอยู่ด้วย ยิ่งห่างเหินกันออกไปอีก “วันงานถ้าคุณแม่พี่อินมา ฟางจะพาแม่ไปรู้จักกับท่าน” “ทำไมถึงอยากให้แม่รู้จักล่ะ” ลดาถามเสียงเรื่อย ๆ ตามองถนนเบื้องหน้า รถเยอะจึงเคลื่อนตัวได้ช้าแต่ลดาเริ่มชินแล้วกับสภาพการจราจรของกรุงเทพฯ จะไปไหนมาไหนต้องเผื่อเวลาไว้ตลอด รถติดเป็นเรื่องปกติของเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ ต่างจังหวัดอย่างนครราชสีมายังรถติด นับประสาอะไรกับกรุงเทพฯ “คุณแม่ของพี่อินเป็นศิษย์เก่าที่นี่ อายุมากกว่าแม่แค่สองปี แม่อาจจะรู้จักก็ได้” “งั้นเหรอ ฟางพาแม่ไปทำความรู้จักก็แล้วกัน ได้รู้จักกับศิษย์เก่าช่วงวัยไล่เลี่ยกัน น่าจะมีเรื่องคุยกันมาก แต่ขับรถหรูราคาแพงมากอย่างนั้น คงเป็นคนรวยเขาจะถือตัวมั้ย แม่แค่คนธรรมดา” “ท่านดูเป็นคนใจดีค่ะแม่ สวยมากด้วยสูงเหมือนพี่อินเลย ตอนเรียนเป็นนักบาสโรงเรียนด้วย” “นักบาสเหรอ เขาซื่ออะไรลูก” ถามเสียงรัวเร็วเจือความตื่นเต้น “ฟางไม่รู้ค่ะ พี่อินไม่ได้บอกซื่อ นามสกุลการัณยภาส แต่คงเป็นนามสกุลคุณพ่อของพี่อิน” ลดารู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่รู้ซื่อไม่มีรายละเอียดมากกว่านี้ “รูปร่างหน้าตาเขาเป็นยังไง” ปาลิดามองถนนข้างหน้า จึงไม่เห็นว่าท่าทางของแม่ดูตื่นเต้นเต็มไปด้วยความสนใจอยากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับแม่ของอินทิรา “สูงค่ะ แต่พี่อินสูงกว่า น่าจะสูงเกือบเท่าคุณพ่อ สวยมากหน้าออกไทย ๆ แต่พี่อินเขาเหมือนฝรั่งนิด ๆ แนนเคยบอกว่า พี่อินเขาหน้าตาคล้ายคุณพ่อเขา คุณย่าของพี่อินเป็นลูกครึ่งฝรั่ง ตอนเรียนท่านเป็นนักเรียนดีเด่นด้วยนะคะแม่” “ชักอยากเจอแล้วสิ แม่อาจจะรู้จักก็ได้ ตอนเรียนแม่เคยรู้จักกับนักเรียนดีเด่นของโรงเรียน รู้จักกับนักบาสโรงเรียนด้วยหลายคน อาทิตย์หน้าจะถึงวันงาน ฟางพาแม่ไปทำความรู้จักกับเขาด้วยนะ” “ค่ะแม่”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD