ตอนที่.12 ถึงจุดแตกหัก (1)

1968 Words
เรื่อง: ไม่มีนิยามของคำว่ารัก ภาค 1 ตอนที่.12 ถึงจุดแตกหัก (1) โดย:srikarin2489 อินทิราเดินเข้าไปข้างใน ส่วนยงยศพาปาลิดาไปนั่งคุยกันตรงโซฟารับแขก เอาไว้รับรองลูกค้าเวลามาเลือกดูรถ สั่งให้ลูกน้องเอาน้ำดื่มมาให้ แล้วหันไปคุยกับสาวน้อยหน้าตาสดใสสวยน่ารัก จนชวนให้รู้สึกเอ็นดูทั้งที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก “น้องรู้จักอินมานานหรือยัง” “ตั้งแต่มาเรียนม.4ค่ะ พี่อินบอกว่าพี่ยอร์ชเป็นพี่รักของเขา” “ขนาดนั้นเชียว” ยงยศว่ายิ้ม ๆ “ไอ้นี่มันปากหวาน อย่าไปหลงคารมมันมากนะ” ปาลิดาได้แต่ยิ้มกับคำบอกนั้น แต่น้ำเสียงของคนพูดเจือไปด้วยความรู้สึกดี ๆ ที่มีต่ออินทิรา “มันเสน่ห์ล้นเหลือมีแต่ผู้หญิงมารุมชอบ ตอนอยู่อนุบาลถูกเพื่อนผู้หญิงไล่หอมแก้ม มันโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงเลย มันหวงตัวไม่ยอมให้ใครหอมง่ายๆหรอก จะถูกมันต่อยเอาด้วยซ้ำ ถ้ามันโกรธแววนักเลงออกเลยนะ ตอนอยู่อนุบาลเรียนร่วมกับผู้ชาย มีเพื่อนผู้ชายมาเปิดกระโปรงเพื่อนผู้หญิง มันกระโดดถีบเลย คอยปกป้องเพื่อนผู้หญิงไม่ให้ผู้ชายมาแกล้ง” ยงยศเล่าด้วยรอยยิ้มขำ เมื่อนึกถึงเรื่องราวของอินทิราในวัยเด็ก พลอยทำให้ปาลิดายิ้มขำด้วย ยงยศดูเป็นคนใจเย็นใจดีเป็นกันเอง หน้าตาออกจีนเด่นชัดแต่ตาไม่ตี่ จัดว่าเป็นหนุ่มตี๋ตาโตหน้าตาดี เช่นเดียวกับน้องสาวคือบุษกร ตัวเตี้ยกว่าอินทิราเล็กน้อยแต่ตัวหนาใหญ่กว่า คุยเก่งมีอัธยาศัยดีสมกับเป็นพ่อค้า ทำให้ปาลิดารู้สึกวางใจที่จะพูดคุยด้วย “อินมันชอบมาร้านพี่ มันชอบมอเตอร์ไซค์มาตั้งแต่เด็กแล้ว พี่พามันขี่ ครั้งแรกตอนสามขวบ มันไม่กลัวเลยชอบใจเสียอีก” น้ำเสียงคนเล่าเต็มไปด้วยความรู้สึกรักเอื้อเอ็นดูต่ออินทิรา “พี่ยอร์ชรู้จักกับพี่อินมานานแล้วหรือค่ะ” “ตั้งแต่วันมันเกิดเลย พี่กับอาร์มพี่ชายมันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนอนุบาล อาร์มชวนพี่ไปดูน้องสาวที่เพิ่งเกิด โครงหน้ามันคมชัดมาตั้งแต่เกิด จมูกโด่งหล่อออกมาเลย ผมนิดเดียวแต่สีทอง ใครเห็นก็บอกว่าเป็นเด็กผู้ชาย รู้มั้ยซื่อยอร์ชของพี่ ไอ้อินเป็นคนตั้งให้” “ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะคะ” “เดิมพี่ซื่อย้งเตี่ยพี่ตั้งให้ ตอนอินหัดพูดมันออกเสียงย้งไม่ได้ ออกเป็น ยอร์ชจนทุกคนเรียกยอร์ชตาม ดูหน้าพี่สิ...ตี๋ชัดขนาดนี้แต่ซื่อยอร์ช เลยได้ซื่อยอร์ช มาจนทุกวันนี้ เตี่ยพี่ยังเรียกยอร์ชเลย นอกจากไอ้ตุลเพื่อนสนิทของมัน มันไม่เคยพาใครมาที่นี่ แสดงว่าฟางต้องเป็นคนพิเศษของมัน” ใบหน้าของสาวน้อยเป็นสีระเรื่อขึ้นเมื่อสบแววตายิ้มเอ็นดูของยงยศ “พี่อินไม่เคยพาแฟนมาหรือคะ” “มันไม่เคยมีแฟนทั้งที่มีคนมาชอบมันเยอะ ทั้งผู้หญิงผู้ชายแต่ผู้หญิงจะเยอะกว่า คงเพราะมันเรียนโรงเรียนหญิงล้วน ขวัญใจสาว ๆ ทั้งโรงเรียนเลยล่ะ พี่ไม่เคยเห็นมันชอบใคร ชีวิตมันมีอยู่สามอย่าง เรียน เล่นบาสแล้วก็รถบิ๊กไบค์” ขณะฟังยงยศเล่าปาลิดาหันไปดูอินทิราที่อยู่ด้านหลังร้าน “อินกับตุลมันสนใจแต่เรื่องที่ผู้หญิงเขาไม่สนใจ แต่อย่าไปว่ามันสองคนเป็นทอมนะ ไม่งั้นจะถูกมันสองคนรุมกระทืบเอา อินเคยต่อยคนที่ว่ามันเป็นทอมปากแตกมาแล้ว มันชกมวยเป็นพี่สอนมันเอง มันดันชกเก่งหมัดหนักซะด้วย อินมันมีพรสวรรค์เรื่องเล่นกีฬา ไม่ว่ามันจะเล่นกีฬาอะไรดูง่ายเก่งไปหมด” ยงยศรู้สึกถูกชะตากับเด็กสาวที่อินทิราพามารู้จัก จึงพูดคุยด้วยอย่างเป็นกันเอง เล่าเรื่องวัยเด็กของอินทิราให้ฟัง บางครั้งตลกจนหัวเราะกันสนุก พูดคุยกันถูกคอ ยงยศเกิดความรู้สึกเอื้อเอ็นดูต่อเด็กสาวมาก เวลาเล่าเรื่องอินทิราให้ฟัง ตาคมกลมโตใสแป๋วฟังอย่างสนใจ “พี่ยอร์ช....สัมภาษณ์ฟางเสร็จหรือยัง” อินทิราเดินกลับมาหา หลังจากปล่อยให้ทั้งคู่คุยกันตามลำพังอยู่ครู่ใหญ่ “พี่เผาอะไรอินหรือเปล่า” มองหน้าคนเป็นพี่ด้วยแววตาระแวง “ถ้าเอ็งมั่นใจว่าเอ็งเป็นคนดี เอ็งจะมากลัวพี่เผาทำไม” “ฟางไปดูรถกัน ขออนุญาตพาฟางไปดูรถนะพี่ยอร์ช” “เอ้อ” รถบิ๊กไบค์คันใหญ่สีดำเป็นเงาวาววับ จอดเด่นเป็นสง่าเป็นคันที่อินทิราตั้งใจพาปาลิดามาดู เป็นรถที่ยงยศเอาไว้ใช้เองจึงไม่จอดรวมกับรถจอดโชว์อยู่หน้าร้าน ลูกน้องของยงยศกำลังตรวจเช็คสภาพรถอยู่ พากันลอบมองอินทิรากับเด็กสาวแปลกหน้าอย่างสนใจ แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากถามหรือแซว อินทิรามาที่ร้านบ่อยคุ้นเคยกับลูกน้องของยงยศทุกคน ถึงจะคุ้นเคยมากแต่อินทิราวางตัวดี ทำให้ลูกน้องของยงยศเกรงใจได้ ไม่กล้าก้าวล่วงทุกเรื่อง “คันนี้พี่ยอร์ชเรียกว่าไอ้ยักษ์ดำ พี่ยอร์ชประมูลมาได้เอาไว้ขับเองไม่ขาย เขารักและหวงมาก” อินทิราเข้าไปลูบสัมผัสรถบิ๊กไบค์สีดำคันใหญ่ ด้วยท่าทางชื่น ชอบหลงใหล ดูอ่อนโยนกับรถจนปาลิดาอดยิ้มไม่ได้ “คุณพ่อบอกว่าถ้าพี่สอบเข้าแพทย์ได้ อยากได้อะไรท่านจะให้ พี่จะให้ท่านขอซื้อรถคันนี้จากพี่ยอร์ช พี่ยอร์ชเขานับถือและเกรงใจคุณพ่อของพี่มาก ตอนวัยรุ่นเขาเกเรไม่สนใจเรียน ก่อเรื่องจนถูกตำรวจจับหลายครั้ง ถูกจับบ่อยจนเตี่ยโกรธไม่ยอมไปประกันตัว พี่อาร์มเลยมาขอให้คุณพ่อไปประกันตัวให้ คุณพ่อของพี่พูดคุยปรับทัศนคติกับพี่ยอร์ช จนเขากลับตัวกลับใจได้ มัวแต่เกเรจนเรียนไม่จบอะไรเลย ธุรกิจของเตี่ยเกี่ยวกับอสังหาเขาก็ไม่ชอบ พี่ยอร์ชเขาชอบมอเตอร์ไซค์ชอบมาก คุณพ่อเลยแนะนำให้เอาความ ชอบมาต่อยอดทำธุรกิจ คุณพ่อช่วยเหลือจนพี่ยอร์ชมีร้านขายรถมอเตอร์ไซค์เป็นของตัวเอง ถ้าคุณพ่อขอซื้อคันนี้พี่ยอร์ชคงไม่กล้าปฏิเสธ” “อะไรกันพี่อิน รู้ทั้งรู้ว่าพี่ยอร์ชเขารักและหวงมาก พี่อินยังคิดจะแย่งของเขา ไม่คิดถึงความรู้สึกของพี่ยอร์ชเลยเหรอ” “นั่นสินะ” พึมพำเบาแล้วถอนใจ มองดูรถอย่างเสียดาย “พี่ชอบรถคันนี้มาก แต่ก็อย่างฟางว่า พี่ยอร์ชเขารักของเขาพี่จะไปแย่งได้ยังไง” “รถมีตั้งเยอะแยะ พี่อินไปเลือกดูคันอื่นก็ได้” อินทิราได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย “อิน...ในนี้ไม่มีอะไรน่าสนุก เอ็งพาน้องฟางไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะใกล้ๆ นี่ดีว่า” ยงยศเดินเข้ามาหาแล้วร้องบอก “ฟางรีบกลับมั้ย ถ้าไม่รีบเราไปเดินเล่นกัน พี่จะพาไปเลี้ยงไอศกรีม หรือถ้าฟางอยากไปเที่ยวที่ไหนบอกมาเลย” ปาลิดามองสบตาคนชวน เห็นอีกฝ่ายมองลุ้นรอคำตอบจากเธอ “ว่าไง ไปมั้ย” “ฟางมีนัดกับคุณพ่อตอนเย็น ท่านจะพาไปช็อบปิง ยังมีเวลาอีกหลายชั่วโมง เราไปเดินเล่นกันก่อน พี่อินต้องเลี้ยงไอศกรีมฟางนะ” อินทิรารีบพยักหน้ายิ้มกว้างดีใจดีใจ เมื่ออีกฝ่ายบอกเสียงสดใสเต็มใจที่จะไปเดินเล่นด้วย “ฟางชอบไอศกรีมรสวานิลลา พี่อินชอบรสอะไร” ปาลิดามองสบตาคมเข้มคู่นั้นที่เป็นประกายสดใสแล้วถาม “ใจเราตรงกันเลย พี่ชอบรสวานิลลาเหมือนกัน” ปาลิดายิ้มขำที่เห็นพี่ม.6ทำท่าดีใจ ที่รู้ว่าชอบเหมือนกัน รอยยิ้มกว้างเปล่งประกายด้วยความสุข “น้องฟาง...ว่าง ๆ มาเที่ยวร้านพี่อีกนะ ร้านพี่ยินดีต้อนรับเสมอ จะให้อินมันพานั่งบิ๊กไบค์ ตอนนี้อินมันขับเก่งแล้ว” “ขอบคุณค่ะพี่ยอร์ช” ปาลิดายกมือไหว้ ก่อนเดินออกไปกับอินทิรา “สวนสาธารณะอยู่ไม่ไกล เดินเอานะฟาง” ทั้งสองเดินเคียงคู่กันออกมาจากร้านของยงยศ เดินมาด้วยกันเงียบ ๆ ยังไม่มีใครพูดอะไร ขณะมองดูรอบกายอย่างสนใจ ปาลิดารับรู้ว่ามือตัวเองมีมือมาสอดจับ จึงก้มลงดูปรากฏว่าเป็นมือของคนเดินเคียงคู่ พอเธอเงยหน้าหันไปทางเจ้าของมือ สบตาคมเข้มสดใสใบหน้าระบายยิ้มอ่อนมองมาอยู่แล้ว เธอไม่ดึงมือออกปล่อยให้คนเดินเคียงคู่จับจูงเดินไปด้วยกัน ไม่ต้องมีคำพูดอะไรต่างรับรู้ถึงความรู้สึกดี ๆ ที่มีต่อกัน แค่เดินจับมือหันมายิ้มสบตากันเป็นระยะ เพียงเท่านี้ก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ กับความรู้สึกพิเศษที่มีต่อกัน ณ.คอนโดมิเนียมที่ลดากับลูกพักอยู่ ลดายกถาดใส่ผลไม้ล้างเรียบร้อยแล้ว ออกมาจากส่วนที่เป็นครัว แปลกใจไม่เห็นสามีนั่งอยู่บริเวณนั้น ทั้งที่ก่อนที่เธอจะเอาผลไม้ไปจัด สามีนั่งเล่นพักผ่อนอยู่ตรงโซฟารับแขก ลดาเอาถาดผลไม้ไปวางบนโต๊ะรับประทานอาหารก่อน ขณะยืนมองหาว่าสามีไปไหน เห็นประตูห้องนอนเปิดแง้มอยู่จึงเดินไปดู พอผลักประตูเข้าไปเห็นสามียืนอยู่ตรงโต๊ะเครื่องแป้งข้างเตียงนอน กำลังก้มดูอะไรบางอย่างในมือ และเห็นลิ้นชักเปิดค้างอยู่ จึงเดินเข้าไปใกล้แปลกใจ ที่เห็นสามีค้นลิ้นชักเก็บของส่วนตัวของเธอ ทั้งที่ปกติไม่เคยสนใจ “พี่วิน...พี่ค้นลิ้นชักส่วนตัวของฝ้ายทำไม” ลดาร้องถามด้วยน้ำากับลูกสานียมที่ลดากับลูกสาวเดินเร็วเข้าไปหาหน้าเครียดไม่พอใจ เมื่อเห็นว่าในมือสามีคือสมุดไดอารี่ของเธอ “มันเป็นลิ้นชักเก็บของส่วนตัวของฝ้าย พี่ไม่มีสิทธิ์มาค้นเอาของฝ้ายคืนมา” ปวินท์เบี่ยงตัวหลบไม่ยอมคืนให้ เมื่อลดาเข้ามาจะหยิบสมุดไดอารี่ในมือ “นี่ใช่มั้ย...ความลับที่เธอปกปิดมาตลอดสิบกว่าปี พี่เข้าใจผิดมาตลอดว่าแฟนเก่าเธอเป็นผู้ชาย ที่ไหนได้มันเป็นผู้หญิง ไอ้คนในรูปนี้ใช่มั้ย พี่อุ้มแฟนเก่าที่เธอไม่เคยลืม” ปวินท์ร้องถามเสียงเข้ม หยิบรูปแผ่นหนึ่งจากในสมุดไดอารี่ขึ้นมาชู “เอาของฝ้ายคืนมา” ลดาร้องว่าเสียงแข็งไม่พอใจ เข้ามาจะแย่งแต่สามีไม่ยอมคืนให้ “รักหวงมากใช่มั้ย” “อย่าฉีกนะพี่วิน” ลดาร้องห้ามเสียงดัง แต่ปวินท์ไม่สนใจฉีกรูปแผ่นนั้นออกเป็นสองส่วน “เกินไปแล้วนะพี่วิน พี่ไม่มีสิทธิ์มาทำลายของส่วนตัวของฝ้าย” “ทำไมจะไม่มีสิทธิ์ ฉันเป็นผัวเธอนะฝ้าย ผัวที่มีลูกด้วยกันแล้ว แต่เธอกลับเก็บแฟนเก่าไว้ไม่ยอมลืม รักมันมากใช่มั้ย”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD