เรื่อง: ไม่มีนิยามของคำว่ารัก ภาค 1
ตอนที่.25 กลับชุมพร (2)
โดย: srikarin2489
บ้านสองชั้นหลังใหญ่ค่อนข้างเงียบมองหาใครไม่เห็นเลย เมื่อบุษกรเดินออกมาจากห้องพักที่แม่ของตุลยาจัดให้ เปลี่ยนชุดใหม่อาบน้ำ เรียบร้อยหน้าตาสดใส โดยไม่ต้องแต่งมากเป็นคนผิวพรรณดี ขาวเนียนสะอาด สวมชุดลำลองเสื้อกางเกงผ้ายืดใส่สบาย ผมยาวปล่อยตามธรรมชาติ บุษกรหยุดยืนอยู่ตรงส่วนที่เป็นห้องรับแขก มองหาเพื่อนทั้งสองแต่ไม่เห็น ได้ยินเสียงคุยกันดังแว่วมาจึงเดินตามเสียง ผ่านไปถึงห้องครัวกว้างขวาง เห็นแม่ของตุลยากำลังเตรียมของสำหรับทำอาหารอยู่ โดยมีแม่บ้านคอยช่วยอีกคน
“ตุลกับอินล่ะคะแม่” บุษกรเดินเข้าไปหาแล้วถามแม่ของตุลยา เห็นกำลังง่วนอยู่กับของสดวางเต็มโต๊ะตัวยาว ็
“เห็นชวนกันขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปข้างนอก แม่นึกว่าออกไปด้วยกัน เห็นเงียบไปทั้งสามคนเลย ตุลเวลากลับมาเยี่ยมบ้าน เขาชอบขับมอเตอร์ไซค์ออกตะลอนไปหาเพื่อน พวกเขาไม่ชวนบุษไปด้วยเหรอลูก”
“คงพากันออกไปทำอะไร ที่ไม่อยากให้บุษไปด้วยน่ะสิคะ แม่ทำอะไรคะ ทำไมอาหารทะเลเยอะแยะเลย” บุษกรมองดูของทะเลสดวางอยู่บนโต๊ะตัวใหญ่ มีทั้ง กุ้ง หอย ปู ปลา รวมทั้งปลาหมึกสด นอกจากของทะเลสดแล้วยังมีผักสดอีกหลายชนิดวางอยู่บนถาดใบใหญ่ ซึ่งเก็บมาสด ๆ ใหม่
“ของทะเลพวกนี้ พ่อเขาไปซื้อจากเรือชาวประมงเลยนะลูก ขึ้นมาจากทะเลใหม่ ๆ เลย พ่อเขาให้เตรียมอาหาร สำหรับเลี้ยงต้อนรับหมอจบใหม่ พ่อเขาดีใจมากเลยที่ตุลจบแพทย์ ไปทางไหนคุยอวดเขาไปทั่ว” มุกดาเล่าด้วยสีหน้าระบายยิ้มแจ่มใส มือหยิบจับของคล่องแคล่วทำงานไม่หยุด จัดแยกของทะเลให้แม่บ้านเอาไปล้างทำความสะอาดเตรียมไว้ทำอาหาร
“แม่เป็นคนกรุงเทพฯแต่ต้องมาอยู่ไกลถึงชุมพร แม่รู้สึกยังไงคะ” บุษกร นั่งลงที่เก้าอี้ตัวอีกตัว ช่วยหยิบจับของระหว่างคุยกัน
“ยอมรับว่าตอนแรกแม่เครียดมาก ช่วงแรกย่าของตุลเขม่นแม่นิดหน่อย เพราะท่านหมายตาผู้หญิงไว้ให้พ่อของตุลแล้ว แต่พ่อบอกว่าจะแต่งงานกับแม่คนเดียวเท่านั้น ถ้าไม่ได้แต่งกับแม่จะบวชไม่ยอมสึกตลอดชีวิต ท่านเลยต้องตามใจลูกชาย” มุกดาเล่าด้วยรอยยิ้มขำ
“มาเป็นสะใภ้ชุมพรแม่ต้องปรับตัวเยอะ ต้องหัดกินหัดทำอาหารใต้ก่อนรู้จักกับพ่อของตุลแม่กินอาหารใต้ไม่เป็นเลยนะ ลองกินครั้งแรกน้ำตาแทบร่วง เพราะแม่คุ้นเคยกับอาหารแบบภาคกลาง แต่ต้องพยายามปรับตัวให้ได้ มีพ่อขอตุลคอยให้กำลังใจ อดทนสู้จนเอาชนะใจย่าของตุลได้ กลายเป็นสะใภ้คนโปรด” บุษกรฟังอย่างสนใจบางครั้งพลอยยิ้มด้วย เมื่อแม่ของตุลยาเล่าเรื่องในอดีตใฟัง
“มันไม่ง่ายหรอกลูก ที่จะต้องอดทนอยู่ที่นี่ให้ได้ในตอนแรก ตอนนั้นชุมพรยังไม่มีสนามบิน ต้องเดินทางด้วยรถยนต์เท่านั้น เดินทางเข้ากรุงเทพฯทีนั่งรถจนเหนื่อย ความสะดวกสบายไม่มีเหมือนทุกวันนี้ เงียบมากจนบางทีแม่ถึงกับท้อใจ ตอนมาอยู่ที่นี่ใหม่ ๆ เล่นเอาแม่แย่เหมือนกัน แต่พ่อของตุลเขาคอยดูแลเอาใจใส่ดี ไปไหนเอาแม่ไปด้วยจะได้ไม่ต้องเหงาอยู่บ้าน จนทุกวันนี้แม่ชินและชอบความสงบเรียบง่าย กลายเป็นว่าไม่ชินกับกรุงเทพฯที่มีแต่ความรีบเร่ง”
“แม่เก่งนะคะ จากบ้านที่กรุงเทพฯมาอยู่ที่นี่ได้” บุษกรมองดูแม่เพื่อนอย่างชื่นชมในความอดทนจนแกร่ง
“เมื่อตัดสินใจเลือกเราต้องยอมรับให้ได้ วิธีหนี่งที่ทำให้ย่าของตุลใจอ่อนคือรีบมีหลานให้ พอมีลูกแม่ยุ่งกับการเลี้ยงลูกจนลืมเครียดลืมเหงา ที่พ่อกับแม่มีลูกด้วยกันถึงห้าคน ย่าของตุลอยากมีหลานเยอะ ๆ ท่านมีลูกแค่สองคนคือพ่อของตุลกับน้องสาว คนที่หนึ่งถึงสี่ห่างกันคนละ3ปี แต่ตุลกับตาลปีต่อปีเลี้ยงเหมือนคู่แฝดเลย แม่เป็นแม่ลูกอ่อนเลี้ยงตาล พ่อต้องเป็นคนเลี้ยงตุล ให้เขาหย่านมแม่เพราะมีน้องแล้ว ฝึกเขากินนมชงแทนโชคดีเขาชอบกินนมชง โดยเฉพาะนมกล่องชอบมาก” บุษกรยิ้มขำเมื่อนึกถึงฉายาของเพื่อน“ไอ้ตุลนมกล่อง” มันมีที่มาแบบนี้นี่เอง
“ตุลเคยเล่าให้ฟัง ตอนเด็กมีกันห้าคนพี่น้องสนุกมาก”
“พวกเขาสนุก แต่พ่อกับแม่หัวหมุนไปหมด โดยเฉพาะตุลไม่มีความเป็นผู้หญิงเลย คู่กัดกันเลยกับตั้ม มีตาลเป็นลูกคู่คอยช่วยพี่บางทีแม่ทั้งขำทั้งสงสารตั้ม ถูกน้องสองคนรุมแกล้ง พากันรุมกัดพี่จนพี่ร้องไห้” บุษกรพลอยยิ้มขำเมื่อนึกภาพตามมุกดาเล่า และเคยฟังสามพี่น้องเล่าเผากันเองเป็นที่สนุกสนาน
“ตามตัวตามหูมีแต่รอยฟันของน้อง แต่ตั้มชอบแหย่ตุล แหย่กันไปแหย่กันมาสุดท้ายก็ทะเลาะกัน ไม่กล้าตีน้องบางทีร้องไห้มาขอให้แม่ช่วย ตอนนี้โตกันหมดแล้ว บ้านเงียบสงบลงเยอะ เห็นพวกเขาเติบโตเรียนจบไม่เกเร พ่อกับแม่ก็ภูมิใจแล้ว” มีเสียงรถมอเตอร์ไซค์วิ่งมาจอดหน้าบ้าน ทำให้บุษกรหันไปดูทางเสียง
“ตุลกับอินคงกลับมาแล้ว บุษขอตัวไปหาพวกเขาก่อนนะคะ” บอกแล้วเดินตัวปลิวไปทางหน้าบ้านทันที
“เธอสองคนไปทำอะไรมา”
บุษกรร้องถามเสียงแข็งขณะเดินเข้าไปหาเพื่อนทั้งสอง เห็นกำลังยืนกินไอศกรีมแท่ง คุยกันอยู่ข้างรถมอเตอร์ไซค์จอดอยู่หน้าบ้าน เป็นบ้านปูนสองชั้นหลังใหญ่ ปลูกอยู่บนเนื้อที่กว้างขวางร่วมห้าไร่ บ่งบอกถึงฐานะเจ้าของได้เป็นอย่างดี ถึงจะมีอาณาบริเวณกว้างขวาง แต่มีรั้วรอบขอบชิดมั่นคงแข็งแรง ไม่ให้ใครรุกล้ำเข้ามาได้ง่าย ๆ
รอบบ้านร่มรื่นไปด้วยต้นไม้นานาชนิด ส่วนมากจะเป็นไม้ผลอย่างต้นทุเรียน ลองกองมังคุดหรือแม้แต่สะตอ รวมทั้งผักพื้นบ้านของภาคใต้เช่นต้นเหลียง มันปู มะเดื่อฉิ่งหรือลูกฉิ่งที่ติดลูกดกอยู่ตามต้นและกิ่งก้าน เป็นต้นไม้เน้นกินผลผลิตได้ไม่ใช่แค่เป็นไม้ประดับ เป็นบ้านกึ่งสวนได้รับการดูแลดีหญ้าถูกตัดเรียบไม่รกตา
“กินติมไง” ตุลยาตอบพร้อมยื่นไอศกรีมแท่งให้ดู
“ฉันไม่ได้หมายถึงไอติม” บุษกรว่าเสียงแข็ง
“อ้าว...แล้วแกหมายถึงอะไร” ตุลยายกไอศกรีมแท่งกัดกินต่อ
“นี่ไง...ไปทำอะไรกับผมมา” ถามพร้อมจิ้มนิ้วลงบนศีรษะตุลยาเคย ไว้ผมยาวเกือบถึงกลางหลัง กลายเป็นผมสั้นทรงทูบล็อกหรือรองทรงต่ำ อินทิรา ตัดทรงเดียวกันกลายเป็นหนุ่มหล่อแพ็คคู่ ถ้าไม่ใช่คนรู้จักกันมาก่อนต้องเข้าใจว่า
ทั้งสองเป็นผู้ชายจริง ๆ
“อ๋อ...” ตุลยาลากเสียงยาวแล้วยิ้มแฉ่ง
“พวกเรากำลังจะไปลุยศึกอินเทิร์น1 ฉันกับอินเลยตัดสินใจตัดผม เพื่อ
เตรียมลุยเต็มที่ พี่รหัสฉันบอกว่างานหนักมาก หนักจนแทบไม่มีเวลาดูแลตัวเอง”
“ไม่เสียดายหรือไง ไว้ผมยาวมาตั้งหลายปี” บุษกรถามด้วยสีหน้าขัดใจ
มองดูเพื่อนทั้งสองแล้วเสียดายผมแทน
“แค่ตัดผมจะเสียดายทำไม ใช่มั้ยอิน” อินทิรากำลังอร่อยเพลินกับไอศกรีมแท่ง จึงพยักหน้าแทนการตอบ
“แค่ตัดผมแกจะอะไรนักหนาบุษ ทำยังกับเรื่องคอขาดบาดตาย”
“แล้วทำไมไม่บอกฉัน”
“บอกได้แกก็ไม่ตัดด้วยหรอก แกรักผมยาวของแกมาก ฉันมีญาติทำร้านตัดผมเลยให้เขาตัดให้ ตัดแล้วสบายหัวดีออก” ตุลยายกมือเสยผมตัวเอง วางมาดหล่อประกอบจนเพื่อนมองค้อน
“เราสองคนหล่อมั้ยบุษ”
ตุลยาเอนร่างไปกอดไหล่เพื่อนที่กินไอศกรีมแท่งอยู่แล้วยักคิ้วให้บุษกร จากสาวสวยกลายเป็นหนุ่มหล่อหน้าคม พอตัดผมสั้นแล้วดูหน้าเปลี่ยนไปทั้งสองมีโทนหน้าออกคมเข้มอยู่แล้ว คนหนึ่งคมแบบไทยส่วนอีกคนคมไปทางฝรั่ง ยิ่งตัวสูงอยู่แล้วทำให้ดูเผิน ๆ เหมือนเด็กหนุ่มมาก หน้าอกมีน้อยแทบมองไม่เห็น
“เวลาทำงานจะได้สะดวก ผมยาวเดี๋ยวมัดเดี๋ยวปล่อยบางทีน่ารำคาญจริง ๆ แล้วฉันชอบผมสั้น ไปเรียนกรุงเทพฯไว้แต่ผมยาว ไว้เอาใจแม่มาหลายปี ตอนนี้ขอเอาใจตัวเองมั่ง”
“อินไม่เสียดายผมเหรอ อินชอบผมยาวนะ” น้ำเสียงบุษกรอ่อนโยนลงเมื่อถามอินทิรา ทำให้ตุลยาแยกเขี้ยวให้ เวลาพูดกับตุลยา บุษกรมักใส่อารมณ์เต็มทีไม่นุ่มนวลอ่อนโยนเหมือนพูดกับอินทิรา
“ตอนแรกอินไม่คิดจะตัดหรอก แต่เห็นตุลตัดแล้วท่าทางน่าสบายหัวดี
ตัดได้มันก็ยาวใหม่ได้ ให้จบงานอินเทิร์นก่อนค่อยไว้ผมยาวใหม่” บุษกรทำหน้าไม่ชอบ
ใจนักแต่มันเป็นสิทธิ์ส่วนตัวของเพื่อน
“พรุ่งนี้เราค่อยไปนอนรีสอร์ทกัน อยู่ติดชายหาดจะได้เล่นน้ำให้สนุก”
“รีสอร์ทอยู่ไกลมั้ยตุล อยากเห็นทะเลชุมพร นี่เป็นครั้งแรกที่เรามาบ้านแก”
“ไม่ไกล พ่อฉันสร้างรีสอร์ทไว้ มีทั้งส่วนที่เป็นโรงแรม กับบังกะโลเป็นหลัง
แกสองคนเหนื่อยมั้ย” เพื่อนสบตากันแล้วหันมาสั่นหน้า
“ไปดูทะเลกันมั้ย กลับมาคงทันอาหารค่ำพอดี ส่วนเรื่องเล่นน้ำเอาไว้วันหลัง”
“แกจะขับรถคันไหนไป”
บุษกรมองไปทางโรงจอดรถข้างบ้าน เห็นมีรถจอดอยู่หลายคันมีทั้งรถเก๋ง รถเอสยูวีหรือรถเอนกประสงค์เจ็ดที่นั่ง รถกระบะ รวมทั้งรถมอเตอร์ไซค์ แม้แต่จักรยานจอดอยู่เต็มไปหมด เป็นโรงจอดรถขนาดใหญ่จอดได้หลายคัน เตชน์พ่อของตุลยาเป็นนักธุรกิจท้องถิ่นมีฐานะดีระดับเศรษฐี
“ไปด้วยไอ้นี่”
ตุลยาตบมือลงบนเบาะรถมอเตอร์ไซค์ ที่เพิ่งขับมาจากข้างนอก เป็นมอเตอร์ไซค์แบบผู้หญิงสีน้ำเงินคันกลางเก่ากลางใหม่
“คันเดียวไปสามคนเลยเหรอ” บุษกรร้องถาม ตุลยาพยักหน้าแล้วขึ้นนั่งคร่อมเบาะรถหันมาถามเพื่อน
“แกจะนั่งตรงไหนบุษ”
“แค่รถมอเตอร์ไซค์เลือกที่นั่งได้ด้วยเหรอวะ” บุษกรมองดูเบาะรถมอเตอร์ไซค์ ด้วยสายตากังขา มันแค่เบาะยาวจะเลือกที่นั่งได้ยังไง
“แกจะนั่งข้างหน้าหรือนั่งข้างหลังฉันได้ทั้งนั้น แต่ถ้านั่งข้างหน้าแกต้องก้มหน่อยจะได้ไม่บังสายตาฉัน แกตัวเล็กเตี้ยไม่บังเท่าไหร่หรอก”
“ไอ้คนตัวสูง” ตุลยาหัวเราะเสียงดังชอบใจ ถูกเพื่อนร้องว่าพร้อมทั้งฟาดมือลงบนไหล่
“คิดอยู่แล้วว่าแกต้องเลือกนั่งกลาง เพื่อให้อินประกบซ้อนหลัง” ตุลยาทำเสียงเปรยขึ้น เมื่อบุษกรขึ้นนั่งซ้อนหลัง
“พูดมากเดี๋ยวกัดหูขาดหรอก ขับดี ๆ ด้วยฉันอุตส่าห์เอาชีวิตเสี่ยงนั่งซ้อน
มอเตอร์ไซค์แก” บุษกรคำรามขู่อยู่ข้างหู
“ขึ้นมาเลยอิน ฉันจะพาซิ่งไปดูทะเลกัน” อินทิราขึ้นนั่งซ้อนหลังสุดทำให้
บุษกรนั่งกลางแทบจมหาย เพราะเพื่อนสองคนล้วนแต่สูงทั้งคู่
“อย่าขับเร็วมากนะตุล” บุษกรร้องบอก เห็นเพื่อนออกรถค่อนข้างแรงพุ่งทะยานไปบนถนน แต่ตุลยากำลังคึกสนุกบิดแรงเร็วถูกบุษกรทุบไหล่ยังไม่สนใจ
อินทิราพลอยสนุกไปด้วยส่งเสียงดังกันสนุกสนาน ไม่ว่าจะขับผ่านไปทางไหนมีแต่คนหันมามอง เห็นซ้อนสามมีสาวหมวยตาโตแก้มป่อง สวมแว่นหน้าตาสวยน่ารักนั่งกลางประกบหน้าหลังด้วยหนุ่มหล่อสองคน อำเภอบ้านตุลยาเป็นอำเภอไม่ใหญ่นัก พอมีคนแปลกหน้าเข้ามาจะผิดสังเกตได้ง่ายจึงได้รับความสนใจมองตาม
“ขากลับแกขับนะอิน”
“โอเค...ฉันอยากขับแบบนี้มานานแล้ว จะบิดให้สะใจเลย” อินทิราร้องรับด้วยท่าทางคึกคัก
“เวลากลับมาบ้านตอนปิดเทอม ฉันชอบขับมอเตอร์ไซค์เที่ยว ฉันเคยขับเข้าไปหาเพื่อนถึงในตัวจังหวัด”
ตุลยาเล่าเสียงดังแข่งกับรถ ตุลยาสนุกกับการบิดเร่งเครื่องพาเพื่อนซิ่ง ส่งเสียงเป็นระยะมีอินทิราเป็นลูกคู่ จนบุษกรพลอยรู้สึกสนุก ปล่อยใจสนุกสนานกันเต็มที่ หลังจากคร่ำเคร่งกับการเรียนหนักมาถึงหกปี ลมแรงปะ ทะหน้าจนผมปลิวลู่ลม สองข้างทางมีบ้านคนเป็นระยะไม่หนาแน่น สลับกับสวนยางพารา สวนปาล์น้ำมัน ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจของภาคใต้ บรรยากาศเป็นธรรมชาติ ไม่วุ่นวายเหมือนเมืองกรุงที่จากมา