เรื่อง: ไม่มีนิยามของคำว่ารัก ภาค 1
ตอนที่.26 ฉลองเรียนจบ
โดย: srikarin2489
อาหารถูกจัดวางเรียงรายเต็มโต๊ะเน้นอาหารทะเล มีเมนูทั้งเผา นึ่ง ปิ้ง ย่าง ทำเอาตุลยากับเพื่อนทั้งสองอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่เดินมาที่ห้องรับประทานอาหาร ถึงกับทำตาโตตื่นเต้นเมื่อเห็นอาหารมากเต็มโต๊ะ โต๊ะทานข้าวตัวใหญ่ทำจากไม้สักเคลือบสีเป็นเงางามเห็นลายไม้เด่นชัด มีเก้าอี้ถึงสิบตัว เพราะเป็นครอบครัวใหญ่มีลูกหลายคน แต่ตอนนี้เติบโตหมดแล้วแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตของตัวเอง ที่บ้านจึงเหลือเพียง เตชน์กับมุกดา
“มานั่งเลยลูก แม่ทำอาหารหลายอย่าง ใครอยากกินอะไรตามสบายเลย วันนี้กินเมนูซีฟู้ดส์ก่อน มื้อต่อไปจะทำอาหารใต้ให้ชิม”
“แม่อย่าลืมเมนูใบเหลียงผัดไข่นะ ตุลไม่ได้กินนานแล้ว เห็นใบเหลียงในสวนกำลังงามเชียว” ผู้เป็นแม่พยักหน้าด้วยรอยยิ้มเอ็นดู
“ตอนตุลกลับกรุงเทพฯ แม่จะเก็บใบเหลียงให้เอากลับไปด้วย คุณยายชอบเมนูเกี่ยวกับใบเหลียงเหมือนกัน อยากได้อะไรอีกบอกแม่มา แม่จะให้คนงานหาเตรียมไว้ให้ แต่นั่งเครื่องกลับคงเอาอะไรไปเยอะไม่ได้”
“พ่อล่ะแม่” ตุลยาเลื่อนเก้าอี้ออกให้บุษกรนั่ง แล้วเลื่อนให้ตัวเอง
“ไปอาบน้ำเดี๋ยวคงออกมา”
“แม่ทำอะไรเยอะแยะคะนี่” บุษกรจับขาแว่นขยับมองดูอาหารจัดวางเรียงรายล้วนน่ากิน
“ตุลพาเพื่อนมาเที่ยวบ้านทั้งที พ่อกับแม่ตั้งใจเลี้ยงเต็มที่”
“แหม๋แม่...อยู่สบายของกินเยอะแยะแบบนี้ ตุลไม่ไปเป็นหมออินเทิร์น ได้มั้ย อยู่บ้านให้แม่เลี้ยงสบาย ๆ ”
“ตุลไปเรียนกรุงเทพฯสิบกว่าปี กลับบ้านปีละครั้งสองครั้งตอนปิดเทอม แต่พอขึ้นม.ปลายไม่ค่อยกลับ ทั้งที่ตอนแรกงอแงไม่อยากไป แม่นี่ปวดหัวเลยกว่าจะหลอกล่อให้เขายอมไปได้ ไปฟ้องย่าว่าแม่จะเอาไปทิ้งที่กรุงเทพฯ ร้องไห้ประท้วงทั้งที่ปกติเขาไม่ใช่คนร้องไห้ง่าย ๆ ”
“ไอ้ตุลหรือแม่ร้องไห้” บุษกรถามเสียงประหลาดใจ ขณะที่เจ้าตัวทำหน้ายิ้มยียวน
“ตอนนั้นเขาติดเพื่อนมาก อยู่ที่นี่เขาเป็นหัวหน้าแก๊งมีลูกน้องเยอะ แยะ เขาสนุกกับการได้เป็นหัวหน้าแก๊ง แต่ที่กรุงเทพฯเขาไม่มีเพื่อนเลย”
“ใครนะ ยอมมาเป็นลูกน้องมัน” คนถูกว่าหัวเราะหึ ๆ เมื่อถูกบุษกรปรายตามาว่า
“ลูกหลานเพื่อนบ้านแถวนี้ ลูกน้องเขาทั้งนั้น รวมทั้งลูกคนงานด้วย แก๊งใหญ่มีเป็นสิบ ๆ ชอบปั่นจักรยานแข่งกัน เพราะอย่างนี้เขาถึงไม่อยากไปอยู่กรุงเทพฯ ตอนแรกจะไม่ยอมไปท่าเดียว แม่ต้องต้องคิดหาสารพัดวิธีหลอกล่อเอาถึงยอมไป
เขาตอบโต้ด้วยการประท้วงไม่ยอมกินข้าว” ตุลยายิ้มเมื่อเพื่อนทั้งสองหันมามอง
“คนกินเก่งอย่างไอ้ตุลนี่นะ ประท้วงด้วยการไม่ยอมกินข้าว คนอย่างมันกลัวตัวเองอดจะตาย” ตุลยาหัวเราะหึ ๆ
“แต่พอครบปีจะให้กลับชุมพร ไม่ยอมกลับซะงั้น แม่ต้องกลับกับตาล สองคน จะให้มาเรียนม.2ที่ชุมพรบอกไม่มา กอดคุณยายแน่นไม่ยอมปล่อย กลัวแม่พากลับ เขาบอกว่าชอบโรงเรียนใหม่แล้ว และยอมไว้ผมยาวตลอดไป”
เตชน์อาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ เดินเข้ามาในห้องทานข้าวทุกคนมาพร้อมแล้ว หน้าตายิ้มแย้มสดใส แต่มีอาการชะงักยืนนิ่ง มองดูลูกสาวกับอินทิราสลับกันเพราะเพิ่งเห็นว่าทั้งคู่ตัดผมสั้นแล้ว
“นึกว่าไอ้หนุ่มที่ไหน...ลูกชายคนที่สี่ของเราเหรอแม่” ตุลยาได้แต่ยิ้มเมื่อพ่อนั่งลงแล้วเอ่ยแซว
“ทำไมตัดผมล่ะลูก”
“เตรียมตัวลุยศึกอินเทิร์นจ้ะพ่อ”
“ดูๆ ไปแล้ว ตุลเหมือนพ่อตอนหนุ่มๆ นะแม่ เหมือนพ่อส่องกระจกเห็นตัวเอง” เตชน์เอียงซ้ายเอียงขวามองดูลูกสาว มองหน้าลูกแล้วเหมือน ส่องกระจกเห็นตัวเองในวัยหนุ่ม มีส่วนคล้ายกันมากจนอดยิ้มไม่ได้ มีลูกชายถึงสามคน แต่กลับกลายเป็นลูกสาวคนโตที่เหมือนพ่อมากกว่าใคร ต่างแค่ผิวกับเพศเท่านั้น ตุลยาตัดผมสั้นแบบนี้ยิ่งเห็นความเหมือนพ่อมาก
“แม่รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน ต่างแค่ผิวตุลผิวไม่เข้มเหมือนพ่อ ตุลตัดผมสั้นแล้ว หน้าตาเหมือนพ่อตอนเรียนอยู่ราม”
“ตุลลูกพ่อนี่นา ใคร ๆ ก็บอกว่าตุลเหมือนพ่อ เวลาตุลกลับมาบ้าน ไปทางไหนมีแต่คนทักว่าเหมือนนายหัวเตชน์ตอนหนุ่ม” ตุลยาบอกแล้วยิ้มประจบ
“พ่ออย่าลืมสัญญานะ”
“เรื่องรถน่ะเหรอ” ลูกสาวรีบพยักหน้า
“พ่อเคยบอกว่าจะซื้อรถให้ตุล หลังจากเรียนจบแล้ว”
“อยากได้รถอะไรไปเลือกดูเอา งบไม่เกินล้านห้า” บุษกรทำหน้าหมั่นไส้ เมื่อเห็นเพื่อนทำตาโตลูบปากดีใจ
“ตุลยังไม่ซื้อตอนนี้หรอกพ่อ รอให้ผ่านอินเทิร์น1ก่อน”
“ลงมือทานได้แล้วลูก พ่อไปซื้อของทะเลขึ้นมาจากเรือสด ๆ เลย ให้แม่เขาทำเลี้ยงหมอจบใหม่” แม่บ้านยกถาดใส่ขวดเบียร์แช่เย็นมาวางให้เตชน์ ตุลยา มองขวดเบียร์ตาวาวขณะพ่อรินใส่แก้ว ระหว่างรินเบียร์เตชน์เหลือบตาขึ้นสบตาลูกสาว แล้วยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าของลูก
“ดื่มกับพ่อมั้ย” ตุลยาพยักหน้าทันทีด้วยรอยยิ้มยินดี
“เอาแก้วมาเพิ่มอีกสามใบ เอาเบียร์มาเพิ่มด้วยอีกสองขวด” เตชน์หันไปสั่งแม่บ้าน ทำให้อินทิรากับบุษกรมองสบตากันด้วยรอยยิ้มอ่อน กับท่าทางของตุลยา รู้ดีว่าเพื่อนชื่นชอบเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์มาก
“โตเรียนจบแล้วดื่มได้ ดื่มอยู่ที่บ้านเราเองตามสบายเลยลูก” เตชน์รินเบียร์ใส่แก้วให้ลูกกับเพื่อนลูก อินทิรากับบุษกรยกมือไหว้ก่อนรับแก้วเบียร์มาวางไว้ก่อน ส่วนตุลยายกขึ้นดื่มด้วยท่าทางสดชื่นถูกใจ แล้วยื่นแก้วให้พ่อรินเพิ่มให้อีก
“ได้เบียร์เย็น ๆ แล้วกินอร่อยเลยทีนี้” ตุลยาทำท่าคึกคัก
“อินกับบุษดื่มเลยลูก โตแล้วดื่มได้พ่อไม่ว่าหรอก ชนแก้วกับพ่อหน่อย พ่อขอแสดงความยินกับคุณหมอใหม่ทั้งสามคน” ตุลยากับเพื่อนทั้งสองยกแก้วเบียร์ขึ้นชนแก้วกับเตชน์ก่อนดื่ม ส่วนมุกดาไม่ดื่มด้วย
“น้ำจิ้มซีฟู้ดส์ฝีมือแม่ฉันอร่อยเด็ด ฉันบอกแม่ว่าแกสองคนกินเผ็ดจัดไม่ได้ ชิมดูว่าเผ็ดไปมั้ย ส่วนของฉันต้องเผ็ดถึงจะอร่อย” น้ำจิ้มซีฟู้ดส์ในถ้วยของตุลยามีพริกเยอะกว่าถ้วยของเพื่อน แม่ทำให้เป็นพิเศษ
“กำลังแซ่บอร่อยเลยค่ะแม่” มุกดายิ้มเอ็นดู เมื่ออินทิราชิมน้ำจิ้มซีฟู้ดส์แล้วเงยหน้ามาบอก
“แม่ทำน้ำจิ้มซีฟู้ดส์อร่อยกำลังดีเลยค่ะ เผ็ดนิดเปรี้ยวหน่อยเป็นรสแบบที่บุษชอบ”
“ตุลเขาบอกแม่ว่าบุษชอบเปรี้ยวหน่อย” ตุลยายิ้มยักคิ้วให้เพื่อน
“แซ่บก็ต้องทานเยอะ ๆ นะลูก ของทะเลพวกนี้พ่อเขาไปเลือกซื้อเอง ส่วนผักเราปลูกเองแม่ให้คนงานปลูกไว้เยอะ เราไม่ต้องซื้อผักกิน พริกเราก็ปลูกเองดกงามมาก มีพริกสดกินตลอดทั้งปี กินไม่ทันพอพริกสุกเก็บมาทำเป็นพริกแห้งไว้ใช้ทำ อาหาร สวนเรากว้างปลูกพืชผักสวนครัวกินเองได้ รับรองปลอดสารทุกอย่างทานสดได้เลย”
“เหลืออย่างเดียว แม่ไม่ออกทะเลไปจับกุ้งหอยปูปลาเอง” มุกดายิ้มขำกับคำแซวของลูก
“เป็นหมออินเทิร์น ทำไมไม่เลือกมาบ้านเราล่ะลูก พ่อนึกว่าตุลจะมาเป็นหมอที่ชุมพร”
เตชน์หันไปถามลูกสาว เห็นกำลังอร่อยอยู่กับปลาหมึกย่างของโปรด เป็นเมนูที่ตุลยาชอบมากแม่ทำให้เต็มที่ พร้อมน้ำจิ้มรสเด็ดดูแล้วน่าจะเผ็ดเพราะเต็มไปด้วยพริก
“หัวหน้าแก๊งเขาเลือกไปอีสานจ้ะพ่อ”
ตุลยาทำหน้าพยักพเยิดไปทางบุษกร ที่กำลังอร่อยอยู่กับปลาเผา ห่อด้วยผักสดกรอบอร่อย มุกดาให้แม่บ้านจัดถาดผักมาวาง ผักสดถาดใหญ่ดูสดกรอบน่าทาน มีทั้งผักสลัด ผักกาดขาว ผักชีไทย ผักชีฝรั่ง ผักกาดหอม รวมทั้งผักอย่างอื่นอีกสองสามอย่าง
“ลูกทีมอย่างตุลกับอินต้องตามใจเขา เราสองคนมอบให้บุษเป็นคนตัดสินใจเลือกจังหวัด”
“แต่บุษสำรองแผนสองไว้ค่ะพ่อ ถ้าจังหวัดแรกที่เลือกไว้ไม่ได้ จะพากันลงใต้มาบ้านตุล จับได้เลยต้องไปอีสาน โชคดีมากเลยที่เราจับได้ที่เดียวกัน”
“จังหวัดที่บุษเลือกคนเลือกเยอะเกินโควต้า เลยต้องมีการจับฉลากเอา แม่หมอเขาเล่นของด้วยนะพ่อ ก่อนจับฉลากให้ตุลกับอินต้องทำตามเคล็ดของเขาทุกอย่าง เริ่มตั้งแต่วันนั้นใส่ชั้นในสีอะไร ตอนขึ้นไปจับฉลากก้าวขาไหนออกก่อน ให้เอามือซ้ายจับลูกปิงปองห้ามเอามือขวาจับ ล้วงมือเข้าไปเจอลูกไหนก่อนจับมาเลย แม่หมอมีการร่ายคาถาก่อนจับฉลากด้วยนะ ตุลกับอินต้องท่องจำคาถาของเขาให้ได้” ตุลยาเล่าแล้วยิ้มขำ
“ทำตามที่ฉันบอกแล้วผิดหวังมั้ยล่ะ” บุษกรหันมามองค้อนว่าเพื่อน
“หมอสายมูอุตส่าห์เล่นของ จะผิดหวังได้ยังไง”
“ทำไมเลือกจังหวัดนั้นล่ะลูก” เตชน์วางกุ้งเผาตัวโตแกะเปลือกแล้ว ใส่จานให้บุษกร
“เออนั่นสิบุษ...ฉันลืมถามไปว่าทำไมแกเลือกที่นั่น คนเลือกเยอะด้วยนะจังหวัดนี้ ฉันลุ้นแทบแย่ตอนจับลูกปิงปอง”
“พี่รหัสฉันไปเป็นหมออินเทิร์นอยู่ที่นั่น เขาบอกว่าโอเคอยู่นะ น่าอยู่เมืองใหญ่เจริญ อาหารการกินหาง่ายไม่ลำบาก ผู้คนมีอัธยาศัยดี พี่ ๆ พยาบาลที่นั่นน่ารัก ส่วนเรื่องสตาฟเราต้องลุ้นเอา”
“จังหวัดใหญ่ หมายความว่าคนไข้ต้องเยอะด้วยนะแก นี่เราคิดถูกหรือคิดผิดวะอิน ที่ให้บุษเป็นคนเลือกจังหวัด เราไม่เคยถามมันเลยนะว่ามันเลือกที่ไหน” ตุลยาหันไปบ่นกับอินทิรา เพื่อนกำลังอร่อยเพลินอยู่กับปูนึ่ง
“คิดถูกหรือผิดแกทำอะไรไม่ได้แล้วตุล นอกจากลุย หมออินเทิร์นอยู่ที่ไหนสถานการณ์คงไม่ต่างกันเท่าไหร่ อย่างที่รุ่นพี่เคยบ่นว่างานหนักเป็นบ้า”
“เอ้อ” ตุลยาทำเสียงเหมือนจะยอมรับชะตา
“โตเป็นสาวกันหมดแล้วนะ เรียนจบแล้วด้วย มีแฟนกันหรือยัง” ตุลยาถึงกับสำลักกับคำถามของพ่อ จนต้องรีบคว้าแก้วน้ำมาดื่ม
“แหม๋พ่อ...คำถามสะเทือนใจ” อินทิรากับบุษกรยิ้มขำ เห็นเพื่อนทำหน้าโอดครวญกับคำถามของพ่อ
“โตจนเรียนจบหมอไม่เคยมีแฟนกับเขาสักคน เรียนหนักจนไม่มีเวลาหาแฟน อีกหน่อยคงได้หันมาชอบกันเอง” ตุลยาพูดทีเล่นทีจริง
“หันไปทางไหนเจอกันเองแค่สามคน ดีไม่ดีจะได้ตบตีกับไอ้บุษแย่งไอ้อิน”
“ไอ้บ้า” บุษกรแยกเขี้ยวว่าเพื่อน แต่ตุลยากลับหัวเราะชอบใจ
“มันจริงนี่นา ดูอินสิมันหล่อมาก แกกับฉันต้องแย่งกัน ถ้าต้องชิงกันจริงๆ ฉันไม่ยอมแพ้แกหรอกบุษ ฉันจะจีบแกมาเป็นลูกสะใภ้หรือลูก เขยพ่อแม่ฉันดีอิน” ทำเป็นหันไปถามอินทิราเป็นเชิงปรึกษา
“แล้วแต่แกสะดวกเลย อยากให้ฉันเป็นอะไรก็ตามนั้น” อินทิราว่าเจือยิ้มรับมุกเพื่อน
“จีบมาเป็นลูกเขยดีกว่า ขืนมาเป็นลูกสะใภ้พ่อแม่ฉันคงสู้ค่าสินสอดไม่ไหว ทายาทโรงพยาบาลGPHค่าสินสอดคงมหาศาล พ่อแม่ฉันหมดตัวแน่ ตอนไปสู่ขอได้ยินตัวเลขค่าสินสอดคงเป็นลมหงายหลัง” อินทิราหัวเราะเบากับคำพูดของเพื่อน
“ใช่มั้ยพ่อ เศรษฐีต่างจังหวัดอย่างพ่อสู้ไม่ไหวแน่” เตชน์ได้แต่ยิ้ม บรรยากาศระหว่างรับประทานอาหารค่ำด้วยกัน จึงเต็มไปด้วยความสดใสสนุก สนานเป็นกันเอง พูดคุยสนุกอาหารอร่อย พ่อแม่ของตุลยาพูดคุยเก่งทั้งคู่ เป็นคนมีอัธยาศรัยและใจดี เพราะคุ้นเคยกับเพื่อนลูกเป็นอย่างดี รู้จักมาตั้งแต่ยังเป็นเพียงเด็กนักเรียนมัธยมต้น จนตอนนี้กลายเป็นแพทย์จบใหม่หมาด