CHAPTER 01
โฮสต์อ่อย
“จูบละพัน เอาปะล่ะ?”
เดลหยอกล้อกับแขกอย่างทีเล่นทีจริงภายในคลับที่เขาทำงาน สายตาพราวเสน่ห์จ้องมองไปยังนัยน์ตาของลูกค้าหน้าใหม่ที่ผลัดกันเข้ามาใช้บริการวนเวียนไม่ซ้ำหน้า ตัวเขาเองยังนับว่าใหม่สำหรับที่นี่จึงยังไม่มีลูกค้าประจำเหมือนรุ่นพี่คนอื่นๆ
“ไม่ดีกว่า กลัวติดใจแล้วจะไม่มีตังค์จ่ายนาย”
ทั้งคู่หัวเราะให้กันก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นจรดปาก นับว่างานแบบนี้เหมาะกับเขาพอสมควร จากที่ต้องหาเงินส่งตัวเองเรียนมหาวิทยาลัยด้วยการเป็นพนักงานที่โรงภาพยนตร์แห่งหนึ่งในห้างสรรพสินค้า ดีที่พี่รหัสเป็นโฮสต์อยู่ที่นี่จึงชักชวนมาทำ
จากการทำงานที่นี่ได้อาทิตย์กว่า เขาก็คล้ายว่าจะสนุกไปกับมัน
“พี่อย่าคิดมากนะครับ ลูกสาวพี่ต้องเข้าใจในความหวังดีของพี่สักวัน
มีอะไรมาปรึกษาผมได้ตลอดนะ มาบ่อยให้จูบฟรีเลยก็ได้ ฮะๆๆ”
“พูดเก่งนะเราน่ะ อ่ะนี่ทิป พี่ไปก่อนนะไว้ถ้าได้มาอีกจะเรียกนาย
คนแรกเลยเดล”
“ขอบคุณครับ”
ใบหน้าหวานยื่นไปกระซิบข้างใบหูของชายวัยสี่สิบที่เพิ่งมารู้ตัวว่าตนเองชอบผู้ชายก็ตอนลูกสาวโตแล้ว ทำให้เกิดความอึดอัดอยากหาที่ระบายจึงต้องมาคลายเครียดที่บาร์โฮสแห่งนี้นั่นเอง
มือเล็กคว้าแบงค์พันมาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้ออย่างรวดเร็วพร้อมส่ง
ยิ้มหวานอำลาแขกคนแรกของวันด้วยความสุข การทำงานที่นี่มันได้เงิน
ง่ายดีแต่ว่ารับคนเข้ามาทำงานยากพอสมควร ดีที่รู้จักคนข้างในเลยได้มาทำ เงินจากทิปที่ได้ถือว่าเป็นกำไร เป็นส่วนที่ได้แล้วเก็บไปเลยไม่ต้องมาแบ่งใคร ส่วนรายได้รายชั่วโมงก็จะได้เป็นเงินเดือนตอนสิ้นเดือน ซึ่งเรทราคาของแต่ละคนจะแตกต่างกันไป เด็กใหม่อย่างเดลจะโดนทางบาร์หักเงินไปถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของเงินรายชั่วโมงที่ได้ นับว่าโหด แต่ทิปที่นี่ถือว่าดี และคิดว่าน่าจะอยู่ที่นี่ได้อีกนาน หากเขาพยายามทำตัวเองให้แขกที่มีเงินติดเขาได้
ล่ะก็นะ
“เดล ไปรับแขกโต๊ะโน้นต่อไป”
“ครับพี่”
เด็กใหม่อย่างเขาไม่มีเวลาได้พักหรอกถ้าแขกเยอะ แล้วก็ปฏิเสธไม่ได้ซะด้วยสิ เขาเดินไปหาชายหนุ่มร่างกำยำคนหนึ่งตามคำสั่งของผู้จัดการ ใบหน้าคมนั่งก้มหน้าอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ เสื้อเชิ้ตสีดำถูกปลดกระดุมลงมาถึงหน้าอกพร้อมทั้งดึงเนกไทหลวมๆ
ท่าทางจะเครียด จะปลอบยากไหมนะ...
เดลเดินอ้อมไปด้านหลังโซฟา ก่อนจะเอื้อมมือไปบีบนวดลาดไหล่กว้าง
เบาๆ หน้าหวานยื่นเข้าไปใกล้แล้วกระซิบแผ่วเบา
“อย่าเครียดสิครับ เสียดายหน้าหล่อๆของพี่นะ”
ร่างกำยำชะงักเมื่อมีลมหายใจอุ่นของใครบางคนเป่ารดที่ใบหู ไม่นานเจ้าของสัมผัสอ่อนโยนเมื่อครู่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า สายตาคมที่หม่นแสงและเหนื่อยล้าเต็มทีมองไปยังคนตัวเล็กด้วยความหวัง
“เด็กใหม่เหรอเรา?”
“ใช่ฮะ เพิ่งมาทำได้อาทิตย์กว่าเอง พี่ชื่ออะไรเหรอ? ผมชื่อเดลนะครับ”
เขาแนะนำตัวพร้อมหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาตรงข้าม ยอมรับว่ามีอาการโคลงเคลงเล็กน้อย เพราะดื่มมาพอสมควรจากแขกคนก่อนหน้านี้
“พี่ชื่อเฉินนะ ชงเหล้าให้ที ขอเข้มๆ”
“ความเครียดจะทำลายความหล่อนะครับพี่เฉิน อย่ามัวแต่นั่งก้มหน้าเลย เงยหน้ามามองกันดีกว่านะครับ”
เฉินไม่สนใจเสียงเจื้อยแจ้วของคนตรงหน้า เขายังคงนั่งก้มหน้าต่อไปจนกระทั่งมืออุ่นของเดลยื่นมาประคองใบหน้าของเขาทั้งสองข้างทำให้ต้องช้อนตามาสบกันอย่างเลี่ยงไม่ได้
“นาย...”
“ไหนบอกมาสิครับว่าเป็นอะไร เดี๋ยวผมจะช่วยพี่เฉินเอง”
ยอมใจความตื๊อเก่งของคนตัวเล็กกว่า เฉินจึงได้ระบายความอัดอั้นของตัวเองกับการแอบรักใครคนหนึ่งแต่โดนเมินเฉยใส่เสมอ นี่เป็นครั้งแรกที่เดลได้รับรู้เรื่องของเฉินกับคนชื่อภภีมที่เป็นเจ้านายของเฉินอีกที และเฉินเป็นบอดี้การ์ดหรือลูกน้องคนสนิทของคนชื่อภภีม
เขานั่งตั้งใจฟังเหมือนว่าเพิ่งได้ยินเรื่องทุกข์ใจของคนอื่นเป็นครั้งแรก ทั้งที่ตลอดการทำงานที่นี่มาหลายวันมักจะมีแต่ปัญหาเรื่องรักๆใคร่ๆมาเป็นประเด็นกันทั้งนั้น เขาไม่ได้เจนกับเรื่องความรักหรอกเพียงแต่เดลเป็นคนอารมณ์ดี จึงมักจะเล่นมุกตลกแทรกเพื่อให้แขกผ่อนคลายความเครียดลงได้บ้าง
เหล้าสีเข้มแก้วแล้วแก้วเล่าที่เฉินกลืนมันลงคอเสมือนน้ำเปล่าเป็นการระบายความเครียดอีกทาง เพราะเมื่อเมาเขาก็อาจจะลืมเรื่องราวอะไรไปได้บ้างชั่วขณะ
แต่เรื่องที่ทำให้เฉินพาตัวเองมานั่งอยู่ที่นี่มันเป็นเรื่องเล็กน้อยจนเดลถึงกับกุมขมับ
“พี่อุตส่าห์เป็นห่วงเขา แต่ดูเขาทำสิ เมินน้ำที่พี่ตั้งใจเอาไปให้”
โอ้โห ไอ้เวรนี่ ให้กูมานั่งฟังเรื่องขี้ปะติ๋วอะไรอยู่วะ
เดลเริ่มด่าร่างสูงในใจโดยเผยยิ้มบนใบหน้าตลอดเวลา ไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มตรงหน้าเขาทำไมถึงได้จริงจังกับทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตขนาดนี้
ตัวใหญ่ใจเล็กชะมัด เพียงแค่ภภีมไม่ดื่มน้ำที่เขาเอาไปวางไว้ให้เท่านั้นเอง กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่โตมานั่งน้อยใจ
“เขาอาจจะไม่อยากกินน้ำตอนนั้นก็ได้นี่ครับ”
ร่างสูงยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว ก่อนจะลุกเดินออกไปเข้าห้องน้ำด้วยอาการเซไปมา
เมื่อพ้นเงาของเฉิน ร่างเล็กก็เอนหลังพิงกับพนักโซฟา ในใจนึกอยากกลับบ้านไปนอนเต็มทีแล้ว ข้อมือเล็กยกขึ้นมามองนาฬิกาพบว่าตอนนี้เกือบเที่ยงคืนแล้ว ตาหวานกวาดมองบรรยากาศรอบๆบาร์โฮสต์แห่งนี้ด้วยความเบื่อหน่าย เสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆไม่ได้ช่วยให้เขาเพลิดเพลินสักเท่าไร เนื่องจากวันนี้รับแขกมาสามคนแล้ว ฟังเรื่องคนอื่นจนหูชา แต่ตัวเขาเองยังไม่ได้พักเลย นั่งนานๆก็ชักจะเมื่อยหลัง
หมับ
“เป็นไงมึง”
เดลตกใจเมื่อมีมือใครสักคนมาผลักศีรษะของเขาจากด้านหลังจึงหันไปมอง ปรากฏว่าเป็นรุ่นพี่ในร้านนั่นเอง
“วันนี้ก็เพลียๆนิดหน่อยแล้วอ่ะพี่”
“ใหม่ๆก็งี้แหละมึง ร้านแม่งเรียกใช้ไม่ให้มึงพักหรอก เป็นช่วงทดสอบว่ามึงจะทำงานที่นี่ไหวไหม”
“แล้วจะทดสอบผมอีกนานไหมอ่ะ”
“ตอนกูเข้ามาทำก็เป็นเดือนเหมือนกันนะกว่ามันจะปล่อยๆละก็เพิ่มเงินรายชั่วโมงให้ กูไปก่อนนะ เออ แขกคนนี้อย่าปล่อยให้เมานะ แต่เงิน
ถึงดี ทิปหนัก”
พูดทิ้งทวนไว้แค่นั้นเมื่อเห็นว่าเฉินกำลังเดินกลับมาที่นี่ ร่างเล็กนั่ง
ตัวตรงรอแขกด้วยท่าทางสง่า สายตามองเฉินหวานเยิ้มกว่าเดิมเมื่อรู้ว่า
แขกคนนี้เงินถึง อย่างน้อยก็ปิดจ็อบของวันนี้ด้วยเงินหลักพันก็คงจะดีไม่น้อย ถ้าได้มากกว่าแขกคนก่อนหน้าคงนอนฝันหวานเลยล่ะ
เฉินเข้ามานั่งข้างเดลอีกครั้ง มือใหญ่ยกขึ้นเสยผมตัวเองจนเสียทรง ทว่าร่างบางกลับยื่นมือเข้าไปจัดทรงให้อย่างเอาใจ
“พี่เฉินครับ...”
เจ้าของชื่อหันมามองหลังจากที่โดนเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงหวาน ภาพเบื้องหน้าเริ่มเบลอเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ สายตาสะท้อนผิวอกเนียน
สีขาวผ่องที่ตอนนี้มันเผยออกมาจากร่มผ้าโดยเป็นความตั้งใจของเดลเองที่ปลดกระดุมลงมาลึกถึงช่วงกลางลำตัว มือเล็กจับปกเสื้อขยับขึ้นลงเล็กน้อย
“ขาว...”
เสียงแหบห้าวหลุดพูดเสียงต่ำออกไปโดยไม่รู้ตัว มือใหญ่ล้วงไป
ที่กระเป๋ากางเกง ก่อนจะหยิบกระเป๋าตังค์ออกมาแล้วหยิบเงินในกระเป๋ามา
หนึ่งใบท่ามกลางความตื่นเต้นของเดลที่เขาเริ่มจับจุดได้แล้วว่าเฉินชอบอะไร
“ร้อนเนอะ ผมร้อนจัง”
ร่างบางจับปกเสื้อเชิ้ตกระพือให้แรงกว่าเดิมเมื่อเห็นว่ามือที่ถือเงินของเฉินยื่นเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
แปะ
ฝ่ามือเย็นวางแหมะที่แผงอกเล็กก่อนจะค่อยๆลูบลงมาเนิบนาบจนกลายเป็นการล้วง สัมผัสหวามมาหยุดลงที่หน้าท้องบางที่ตอนนี้แขม่วเกร็งเต็มที เดลไม่เคยเซอร์วิสลูกค้าคนไหนเท่านี้มาก่อนจึงยังไม่ชินที่จะทำอะไรเปลืองตัวแบบนี้
ร่างเล็กมองชายหนุ่มตรงหน้าทุกการกระทำ สัมผัสมือเย็นชืดจากการไอเย็นของแก้วเหล้าทำให้เดลเองทำอะไรไม่ถูก ยิ่งเห็นใบหน้าหล่อแอบยิ้ม
มุมปากพร้อมทั้งจ้องมองหน้าอกของเขาไปด้วยนั้นยิ่งประหม่า
แหมะ
เฉินปล่อยเงินในมือไว้ในเสื้อของร่างเล็กแล้ววางมือบนหน้าขาของ
เดลแทน อาการนั่งโคลงเคลงไม่อยู่กับที่ของเฉินทำให้ตัวเขาเอียงมาเบียดโฮสต์หนุ่มอย่างเลี่ยงไม่ได้
ได้เงินง่ายแบบนี้ก็ยอมๆไปอีกสักหน่อยก็แล้วกัน ได้อีกสักใบสองใบก็คุ้มวะ
“นายไม่กินเหล้ากับพี่เหรอ กินหน่อยสิ”
“ผมชอบมองพี่กินมากกว่า”
มือใหญ่วางลงบนที่หน้าขาของเดล ก่อนจะลูบขึ้นลงด้วยความปรารถนาบางอย่างที่มีฤทธิ์ของเหล้ากระตุ้น ร่างกำยำของเฉินโถมพิงร่างบางเอาไว้จนเดลแทบจะตั้งตัวไม่อยู่ เขายังคงชงเหล้าให้เฉินดื่มเรื่อยๆพร้อมทั้งหยอดคำหวานให้เฉินประทับใจ
“นายมีแฟนรึยัง?”
“ยังครับพี่”
“พี่ก็ยัง มีแต่คนที่พี่รักแต่ว่าเขาไม่รักพี่”
แม้ว่าเมายังไง หลายประโยคสนทนาที่หลุดจากปากของเฉินมักจะมีเรื่องของภภีมคนที่ตนแอบรักเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่เสมอ
“ถ้าผมมีแฟนนะ อยากได้คนผิวขาว ตาตี่ๆหน่อย มีกล้ามสมส่วน ตัวสูงกว่าผม แบบพี่นี่แหละสเปคผมเลย”
“ฮั่นน่ะ พูดถูกใจป๋า”
อีกครั้งที่เฉินหยิบเงินจากกระเป๋าตังค์แล้วหยอดใส่ในเสื้อของเดลโดยไม่ลืมที่จะลูบสัมผัสแผงอกขาวๆนั่น
ตอนไม่เมานี่ดูนิ่งจนไม่กล้าเข้าหา แต่พอเมาแล้วเหมือนหมาเลย เปลี่ยนเป็นคนละคนจากหน้ามือเป็นหลังเท้า
เดลคิดในใจถึงสิ่งที่เฉินเป็น ทว่าก็ยังปรนนิบัติไม่ขาด
ตุบ
แล้วสิ่งที่ไม่คิดไม่ฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเฉินโน้มตัวลงนอนบนตักนิ่มโดยไม่
ไถ่ถามเจ้าตัวเลยสักนิด เดลเองก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าต้องรับมือยังไง ใบหน้าหล่อซุกเข้าที่หน้าท้องบางพร้อมทั้งปล่อยลมหายใจอุ่นออกมาจนเดลต้องเกร็งหน้าท้องตาม
“พี่เฉิน ลุกขึ้นก่อนครับ”
“ง่วง”
“ง่วงก็ไปนอนที่บ้านสิพี่ ลุกเร็วเดี๋ยวผมเรียกแท็กซี่ให้ไปส่ง”
“อยากนอนด้วย”
“จะมาอยากนอนกับผมทำไมล่ะพี่ ไม่ได้ครับ ตื่นก่อน!!”
เหล้าแค่ไม่กี่ขวดทำให้คนเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยเหรอ?
ทั้งอ้อน ทั้งเจ้าเล่ห์ ทั้งที่ตอนไม่กินเหล้านี่โคตรหล่อ คูล คีพลุกสุดๆ
เดลส่ายหัวอย่างไม่รู้จะทำยังไง หันมองการ์ดที่ร้านไปรอบๆก็ไม่มีใครเดินมาแถวนี้เลยสักคน
“ชงเหล้าให้ป๋าหน่อย”
“โอ้ยพี่เฉิน ผมหนักนะเนี่ย ไม่ให้กินแล้วเหล้าน่ะ กลับบ้านดีกว่านะครับเดี๋ยวผมให้คนเรียกแท็กซี่ให้”
แต่ร่างกำยำก็นิ่งสนิทไม่ไหวติง เดลจึงจัดการดึงตัวของเฉินให้ลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล ร่างกายที่อุดมไปด้วยกล้ามเนื้อมันหนักเกินแรงของเดลทำให้บอดี้การ์ดขี้เมาล้มลงที่ตักอุ่นอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้มันต่างจากเมื่อครู่ตรงที่...ที่ใบหน้าหล่อกลับซุกอยู่ตรงเป้ากางเกงของเดล ซึ่งนับได้ว่าเป็นพื้นที่สงวน การที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกก็ไม่ควรได้สิทธิมาทักทายตรงนั้นกัน ยิ่งเฉินขยับใบหน้ามุดลงไปอีกทำให้ใบหน้าของเดลร้อนผ่าว
“นิ่ม”
“ยังจะมาพูดอีกเหรอพี่ ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้เลย!! ตอนนี้นิ่มแต่อีกเดี๋ยวมันจะไม่นิ่มแล้วนะฮะ”
มึงช่วยดึงสติหน่อยเถอะ กูเหนื่อยแล้วนะ!!
เดลเองก็ชักจะหงุดหงิดที่ร่างสูงพูดไม่รู้เรื่อง เมาแล้วเรื้อนขนาดนี้อย่าเมาเลยดีกว่า เป็นบอดี้การ์ดซะเปล่าไม่เซฟตัวเองเอาซะเลย เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูว่าจะครบชั่วโมงหรือยัง กับแขกคนนี้เกือบครบชั่วโมงที่สามแล้วอีกสิบห้านาที เป็นการป้องกันไม่ให้ทางร้านหักตังค์เขาจึงตัดสินใจนั่งนิ่งอยู่แบบนั้น กินเวลาไปให้จบไปอีกชั่วโมงเพราะเหลืออีกแค่สิบห้านาทีเอง
ร่างบางปล่อยให้เฉินนอนมุดอยู่อย่างนั้นก่อนที่เขาเองจะเอนตัวพิงกับพนักโซฟาแล้วปิดเปลือกตาลงอย่างเหนื่อยล้า อย่างน้อยก็มีเวลางีบสักสิบห้า
นาทีก็ยังดี
แต่แล้วความเพลียก็นำพาให้เขาเข้าสู่นิทราได้ลึกกว่าที่คิด จากสิบนาทีเป็นครึ่งชั่วโมง จากครึ่งชั่วโมงเป็นสี่สิบห้านาที โดยที่ร่างเล็กไม่รู้เลยว่า
บอดี้การ์ดขี้เมาได้ลุกขึ้นจากตักของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เฉินเองก็ตื่นมาเพราะปวดฉี่ เมื่อเขาเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำเสร็จสรรพจึงมานั่งที่โซฟาต่อเหมือนเดิม เขามองเดลที่นั่งหลับพริ้มด้วยความมึนงง
“ไอ้เด็กนี่แม่ง มอมกูซะเมา”
ยังพอมีสติรู้ว่าตัวเองเมามาก แต่ไม่สามารถยั้งสติตัวเองไว้ได้ หลายต่อหลายครั้งที่เวลาเขาเมามักจะทำตัวไร้สาระแบบนี้ คล้ายว่าเป็นจิตใต้สำนึกของตัวเองที่ตอนเมาชอบนึกแต่เรื่องลามก หรือชอบทำอะไรพิเรนทร์ๆอย่าง เช่นตอนนี้...
เรียวฟันสวยงับก้อนน้ำแข็งขนาดพอดีปากเมื่อเขาคิดได้ว่าอยากจะปลุกโฮสต์หนุ่มคนนี้ให้บริการเขาต่อ แต่ปลุกธรรมดามันก็คงจะไม่สนุกและอาจเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ดื่มไปจำนวนมากด้วยถึงได้นึกคิดทำอะไรแบบนี้
ร่างสูงคาบก้อนน้ำแข็งแล้วค่อยๆโน้มหน้าลงไปที่หน้าอกขาวเนียนของเดล ซึ่งในขณะนี้กระดุมเสื้อที่ปลดลงมาต่ำมันยังไม่ได้มีการติดเพิ่มให้มิดชิดแต่อย่างใด
ก้อนน้ำแข็งสัมผัสเข้ากับผิวเนียนบริเวณหน้าอกและกำลังเลื่อนลงมายังหน้าท้องบาง ทำให้ร่างเล็กขนลุกซู่ไปทั้งตัว เด็กหนุ่มลืมตาตื่นเมื่อรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกบางอย่างกำลังลูบไล้บนผิวกาย
จนกระทั่ง...
“โอ๊ะ!!”
เย็น เย็นฉิบหาย เย็นในเป้ากางเกงกูเนี่ย!!
เป็นฝีมือของเฉินเองที่ง้างขอบกางเกงของเดลแล้วคายน้ำแข็งก้อนนั้น
ลงไป ก่อนจะรีบกลับมานั่งที่เดิมด้วยท่าทางโอนเอนเพราะความเมา พฤติกรรมเหล่านี้มักเป็นที่เอือมระอาแก่โฮสต์ของที่นี่เป็นอย่างมาก เพราะรูปลักษณ์ภายนอกของเฉินทั้งหล่อ สุขุม ไม่คิดว่าเวลาเมาจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
เขานั่งรอก้อนน้ำแข็งละลายแล้วทำปฏิกิริยากับ...เอง
และมันเริ่มได้ผลเมื่อเดลลืมตาตื่นแล้วนั่งตัวตรงทันทีที่รู้สึกเย็นเหลือเกิน
“กลับก่อนดีกว่า ไว้ป๋าจะมาหาใหม่”
มีพิรุธมาก..
เดลอดทนมองร่างสูงเช็กบิลจนเสร็จแล้วค่อยวิ่งไปเข้าห้องน้ำ เขาไม่กล้าที่จะลุกออกมาก่อนถ้ายังไม่เห็นว่าตัวเขาจะได้รับเงินแน่ๆอย่างการ
เช็กบิล ต่อให้ทนเย็นนานกว่านี้ก็ทน
เป้ากางเกงยีนส์สีอ่อนเปียกเป็นวงใหญ่เพราะน้ำแข็งละลาย เขาจัดการทิ้งก้อนน้ำแข็งนั้นอย่างเคียดแค้น ร่างบางยืนส่องกระจกที่สะท้อนรูปร่างของตัวเองอย่างหัวเสีย เขาก็เป็นแค่โฮสต์คนหนึ่งที่ทำงานหาเงินใช้ ไม่ได้หมายความว่าจะให้ใครมาแกล้งหรือย่ำยีศักดิ์ศรีแบบนี้ได้ แค่เปลืองเนื้อเปลืองตัวเพื่อแลกกับเงินอย่างที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็ละอายใจตัวเองจะแย่
มือเรียวจัดการติดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดล่าง แต่ก็นึกได้ว่าเฉินเอาเงินไปไว้ให้ในเสื้อ จำไม่ผิดก็ได้มาสองใบก็น่าจะได้ทิปจากเฉินมาสองพัน แต่จะว่าไปเจอลูกค้าทิปหนักๆแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ
ชายเสื้อเชิ้ตของเขาที่ทับในกางเกงถูกดึงออกเพื่อให้เงินที่ค้างเติ่งอยู่ภายในหลุดร่วงลงพื้น แต่แล้วสิ่งที่เขาเห็นกลับทำเขาช็อก ฟันกรามกัดเข้าหากันดังกรอด
เงินที่ร่วงลงพื้นเบื้องหน้าเป็นแบงค์ยี่สิบสองใบ...
“ไอ้เหี้ย!! มึงเล่นกูขนาดนี้ให้ทิปกูสี่สิบบาทเนี่ยนะ!!”
ไอ้เฉินมึง!!
เขาก้มเก็บเงินสี่สิบบาทใส่กระเป๋ากางเกงด้วยความขุ่นเคือง ตอนนั้นไฟสลัวก็เลยเห็นแบงค์สีเขียวเป็นสีเทา นึกว่าได้เงินทิปจากเฉินทีละพันเขาจึงเซอร์วิสเต็มที่เลย อุตส่าห์ปลดกระดุมอ่อย ยอมให้ลูบหน้าอก หน้าท้อง นอนตัก ค่าตัวคืนนี้ยังไม่ได้ข้าวมื้อนึงเลย
“ขี้งกฉิบหาย ไอ้เวร!!”
เดลบ่นอย่างหัวเสียพร้อมทั้งจัดแจงเสื้อผ้าของตัวเองให้เข้าที่ วันนี้คงพอแค่นี้ก่อน ไม่มีอารมณ์รับแขกที่ไหนแล้ว ชาติหน้าฉันใดอย่าได้เวียนมาเจอกันอีกเลย
พอกันทีไอ้บอดี้การ์ดขี้งก!!