บทนำ - 1
โซ่รักสลับวิวาห์
- ไม่มีนอกกาย ไม่มีนอกใจ -
- พระเอกธงเขียว -
- หวานฉ่ำ คลั่งรักทั้งเรื่อง -
#ฝากกดใจ กดติดตามด้วยนะค้า#
จ้าวพายุ นเรศอัศวกุล
รมิตา ดุจไพศาล
เรื่องย่อ
พรหมลิขิต...มักเกิดขึ้นเพราะเทพรังสรรค์
พรหมลิขิต...มักเกิดขึ้นเพราะบังเอิญ
พรหมลิขิต...มักเกิดขึ้นเพราะคนอื่น
แต่พรหมลิขิตของ 'เขา' ดันเกิดขึ้นเพราะตัวเอง!
พรหมลิขิตที่ก่อเกิดเป็นบ่วงพันธการรัดตัวทำให้ 'จ้าวพายุ นเรศอัศวกุล' ได้แต่งงานกับ 'เธอ'
เธอ...ที่เขาไม่รู้ว่าเป็นใคร
แต่พอมองไป...ก็น่ารักดีเหมือนกัน
เกริ่น
ข้อบังคับทางกฎหมาย
© นวนิยายเรื่อง โซ่รักสลับวิวาห์ ผู้แต่งขอสงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 15 ภายใต้บังคับมาตรา 9 มาตรา 10 และมาตรา 14 เจ้าของลิขสิทธิ์ย่อมมีสิทธิแต่ผู้เดียว
คำเตือน
นวนิยายเรื่อง โซ่รักสลับวิวาห์ เป็นนวนิยายของจักรวาลโซ่รัก ในนวนิยายอาจมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมเล็กน้อย ทั้งเรื่องของการใช้สารเสพติด เซ็กส์ คำพูด อารมณ์ ฯลฯ ประกอบกับการกล่าวถึงสถานที่ที่มีอยู่และไม่มีอยู่จริง และเรื่องที่เกิดขึ้นในเนื้อเรื่องเป็นเพียงจินตนาการของนักเขียนเท่านั้น นักเขียนขอให้นักอ่านใช้วิจารณญาณในการอ่าน ทั้งนี้ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ทางนักเขียนขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
ปทุมวดี
บทนำ
ณ โรงแรมหรูใจกลางเมืองเชียงใหม่ แขกเรื่อที่มาร่วมงานมงคลสมรสมีมากหน้าหลายตาเพราะทางเจ้าบ่าวนั้นเป็นตระกูลที่ใคร ๆ ในจังหวัดก็รู้จัก
ตระกูล...นเรศอัศวกุล
ตระกูลนเรศอัศวกุลเป็นเจ้าของไร่แสงตะวัน ไร่ชาและองุ่นส่งออกที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด พร้อมกันนั้นยังขึ้นชื่อเรื่องผลไม้แปรรูปที่วางขายอยู่ในห้างสรรพสินค้า ร้านค้าชั้นนำและร้านค้าทั่วไป อีกทั้งยังมีขายในออนไลน์ทุกแพลตฟอร์มในชื่อของ ‘คุณนายจัน ผลไม้แปรรูป’ จนกลายเป็นของฝากประจำจังหวัดที่ใคร ๆ ต่างก็ต้องหยิบซื้อกลับไปฝากคนที่บ้าน
ซึ่งเจ้าของไร่คนปัจจุบันจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ‘พ่อเลี้ยงอัคนี’ ลูกชายคนโตของพ่อเลี้ยงเมฆาและคุณนายจันทรา
ส่วนลูกชายคนที่สองซึ่งเป็นคนสุดท้องก็ไม่น้อยหน้า แม้เขาจะไม่ได้กลับมารับหน้าที่ดูแลไร่แสงตะวันอีกครึ่งหนึ่งร่วมกับพ่อเลี้ยงอัคนีตามที่พ่อเลี้ยงเมฆาหวังเอาไว้ แต่หน้าที่สูงสุดของจังหวัดก็ถูกเขารวบไว้ได้ด้วยความสามารถของตนเองในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด ‘ผู้ว่าฯ นทีธร’
และระดับตระกูลนเรศอัศวกุล เมื่อถึงเวลาที่สมควรที่จะมีหลานสะใภ้คนแรก จะน้อยหน้าตระกูลดังตระกูลอื่นในจังหวัดได้อย่างไร
ข่าวระดับจังหวัดพาดหัวข่าว ตระกูลนเรศอัศวกุลกำลังเกี่ยวดองกับตระกูลดุจไพศาล ตระกูลนักธุรกิจไฮโซจากกรุงเทพฯ
ตระกูลดุจไพศาลทำธุรกิจเกี่ยวกับขนมหวานหลากรส หลากรูปแบบและวางขายอยู่ตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าชั้นนำจนกลายเป็นแบรนด์ขนมอันดับต้น ๆ ที่มีโรงงานทำขนมอยู่หลายจังหวัด ทั้งกรุงเทพฯ อยุธยา เชียงใหม่ เพชรบุรีและชลบุรี
ซึ่งผู้บริหารระดับสูงที่สุดคือ คุณไพศาล ดุจไพศาล ผู้เป็นเพื่อนเก่าเก็บของคุณนายจันทรา
และความเป็นมิตรสหายกันของทั้งสองท่านนี้ก็ทำให้เอ่ยปากผูกสัญญากันไว้ตั้งแต่หลานยังเป็นเด็กน้อยไม่รู้ประสีประสา
‘สัญญาว่าหากหลานโตขึ้น จะให้หลานแต่งงานกัน ไม่คนใดก็คนหนึ่ง’
และคนที่รับหน้าที่นั้นก็คงไม่พ้นหลานชายคนโตของตระกูลนเรศอัศวกุล ‘จ้าวพายุ นเรศอัศวกุล’
ส่วนเจ้าสาวแน่ล่ะว่าไม่พ้นต้องเป็นหลานสาวคนโตของตระกูลดุจไพศาล ‘ปารมิตา ดุจไพศาล’
“พี่ปารเป็นยังไงบ้างคะ”
เสียงหวานของใครบางคนเอ่ยถามช่างแต่งหน้าที่เพิ่งออกมาจากห้องรับรองเจ้าสาว “สวัสดีค่ะคุณมิตา คุณปารนั่งซึมอยู่ด้านในแหน่ะค่ะ สงสัยจะง่วง ต้องตื่นมาแต่งหน้าทำผมตั้งนาน”
ช่างแต่งหน้าพูดด้วยความไม่รู้ก่อนขอตัวออกไป ทำให้ ‘รมิตา ดุจไพศาล’ หรือ ‘แฝดผู้น้อง’ ชะงักไป แต่เพียงเสี้ยววินาที รมิตาก็ตัดสินใจเปิดประตู
เพราะเธอมีเรื่องสำคัญต้องคุยกับพี่สาวฝาแฝด
และต้องเป็นวันนี้ด้วย
“พี่ปาร” หญิงสาวเรียกคนที่นั่งอยู่หน้ากระจก ใบหน้าสวยสะท้อนกระจกกลับมาให้คนด้านหลังได้เห็นว่าปารมิตายังคงร้องไห้และเอามือกุมท้องของตนเองเอาไว้ “ตามีอะไรเหรอ” พี่สาวฝาแฝดพยายามข่มเสียงไม่ให้สั่น
รมิตาล็อคประตูและค่อย ๆ เดินเข้ามาหาพี่สาว
“ตามีเรื่องจะถามค่ะ”
“ว่ามาสิ พี่รอฟังอยู่”
“พี่ปาร...”
“ท้องกับผู้ชายที่ชื่ออธิชาติใช่ไหม”
หลายเดือนก่อนงานมงคลสมรส
ไร่แสงตะวัน
“แม่อุ้ยค้าบ ผมบอกแล้วไงว่าที่เกิดอุบัติเหตุมันเป็นเพราะตัวผมเองครับ ไม่ใช่เพราะดวงหรืออะไรหรอก แม่อุ้ยเลิกคิดมากได้แล้ว” ชายหนุ่มรูปหล่อหน้าคมอายุยี่สิบแปดปีเดินเข้ามากอด ‘คุณนายจันทรา’ ผู้เป็นย่าอย่างเอาอกเอาใจ
ผู้ใหญ่ตรงหน้าเขานี้ช่างคิดมากเสียจริง
“ไม่ ๆ ยังไงย่าก็ว่าเป็นเพราะดวง” แต่คุณนายจันทราก็ดันหน้าของ ‘จ้าวพายุ’ ผู้เป็นหลานชายออกไปห่าง ๆ พลางคิดไปว่านับวันหลานชายคนโตยิ่งเหมือนกับ ‘พ่อเลี้ยงอัคนี’ ลูกชายของนางไม่มีผิด
จะไม่เหมือนได้อย่างไรเล่า ก็นี่มันพ่อลูกกัน
“แต่ปรางเห็นด้วยกับพี่ยุนะคะ พี่ยุเมาแล้วขับเอง ไม่เกี่ยวกับดวงอะไรหรอกค่ะ” ‘เฌอปราง นเรศอัศวกุล’ หลานสาวคนกลางที่นั่งไขว่ห้างอ่านนิตยสารฉบับใหม่อยู่เสริมทับเข้าไปจนจ้าวพายุคิดว่า นี่ น้องช่วยหรือตั้งใจจะซ้ำพี่กันแน่
“พอเลย ทั้งพี่ทั้งน้อง แม่ปรางไม่ต้องช่วยพ่อจ้าวเลย” ว่าแล้วนั่งลงตรงข้ามหญิงสาววัยยี่สิบหกปี
“ปรางก็พูดตามความจริง พี่ยุอกหักก็ไปเมา พอขับรถกลับก็ดันเกิดอุบัติเหตุ ถ้าจะตายเพราะดวง ปรางว่าตายเพราะแม่ตีง่ายกว่าค่ะ” เฌอปรางว่าล้อเลียนชายหนุ่มที่ยืนมองสองย่าหลาน
“โหนี่ยายปราง จะช่วยพี่หรือจะซ้ำเติม หืม?”
“ปรางช่วยอยู่นะเนี่ย” ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้
“พอ ๆ ยังไงซะ พ่อจ้าวก็ต้องไปดูดวงกับย่าที่วัดด่วน ๆ เลย ไม่งั้นย่าจะตัดบัตรเครดิต ทั้งของพ่อจ้าวแล้วก็ของแม่ปราง แถมพ่อกล้าให้ด้วยอีกคน” เมื่อได้ยินคำประกาศิตประกาศลงมาแล้ว ทั้งจ้าวพายุและเฌอปรางก็อ้าปากเหวอ
“อ้าว ปรางกับกล้าไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลยนะคะ ทำไมถึงโดนล่ะ” เฌอปรางรีบเดินมานั่งข้าง ๆ ผู้เป็นย่าพลางเกาะแขนส่งสายตาออดอ้อนราวกับเป็นแมวน้อย แต่ผู้เป็นย่าก็ไม่ได้คิดจะใจอ่อนให้ หันไปหาหลานชายคนโต
“ว่ายังไงพ่อจ้าว จะไปไม่ไป”
“พี่ยุ ไปเลย ไปให้คุณนายเขาสบายใจหน่อยเถอะน่า” เฌอปรางเปลี่ยนฝั่ง
“ยายปราง”
“เร็วสิพี่ยุ” เร่งรัดเอาคำตอบ
“โอเคครับ โอเค ผมยอมแพ้ละ” สุดท้ายเขาก็ต้องยกมือเป็นธงขาวยอมแพ้ให้กับคุณนายจันทรา ผู้เป็นใหญ่ที่สุดในไร่แสงตะวัน
“แต่วันนี้ พรุ่งนี้ผมไม่ว่าง ไว้วันมารืนแล้วกันนะครับ ไปนะครับ!” แต่เหมือนเชื้อพ่อจะแรงมากกว่า เมื่อกล่าวจบก็วิ่งมาหอมแก้มย่าแล้วรีบวิ่งหนีออกไปจนคุณนายจันทราเอ่ยเรียกไม่ทัน
“พ่อจ้าว! ดูพี่เราสิแม่ปราง ทำไมกะล่อนแบบนี้กัน”
“เชื้อพ่อมันแรงจริง ๆ เลย”