02

2964 Words
“แต่หนูอยากให้อาโกวอยู่กับหนู อยากให้อาโกวเห็นหนูมีแฟนแต่งงาน หนูอยากให้อาโกวเลี้ยงลูกของหนู อยู่กับหนูทุกช่วงเวลาชีวิตของหนู หนูไม่อยากให้อาโกวตาย อาโกวก็รู้ว่าหนูไม่มีใครเลย" หนูแพรวบอกน้ำเสียงสั่นเครือ เหมยลี่อดสะเทือนใจไม่ได้ ได้แต่กอดปลอบหนูแพรวด้วยความรู้สึกทั้งดีใจเสียใจปะปนกันไปหมด หากหนูแพรวมาเกิดเป็นลูกของเธอก็คงจะดีไม่น้อยเลย “หนูแพรว อาอยู่กับหนูเสมอลูก อย่าได้คิดน้อยใจเลย สมัยเด็กอาก็เหมือนหนู หนูยังดีนะลูกที่มีอา อาน่ะโตมาแบบไม่มีใครเลย มันเจ็บปวด อาเข้าใจ แต่วันหนึ่งถ้าหนูมีคนรัก มีครอบครัว ก็จงเลือกให้ดี ฉลาดทำงานก็ต้องฉลาดใช้ชีวิต เงินทองอาจจะสำคัญ แต่ชีวิต ความสุขของเราสำคัญกว่า” เหมยลี่พร่ำสอนหลานสาวจนกระทั่งมาถึงกรมที่ดิน แต่ในความเป็นจริงแล้วเธอยังเหลือที่ดินอีกหลายแห่งที่อาจจะต้องให้ทนายเป็นคนดำเนินการแทน เพราะที่ดินของเธอมีมากมายทีเดียว ทั้งยังพาหนูแพรวไปที่ตู้เซฟธนาคารเพื่อทำการขนถ่ายทรัพย์สินอันมีค่าหลายอย่าง เหมยลี่สะสมเงินตราต่างประเทศจำนวนมาก ทั้งยังรวมถึงทองแท่งขนาดใหญ่น้ำหนักหลายสิบกิโลอยู่หลายอัน “อาโกวเก็บทรัพย์สินไว้เยอะจังเลยค่ะ หนูไม่กล้ารับเลย” “อาไม่ให้หนูแล้วจะไปให้ใครล่ะ อาสินธรน่ะหรอ อาคงยอมให้เขาเอาทรัพย์สินของอาไปให้ลูกสาวเขาไม่ได้หรอก” เหมยลี่บอก หนูแพรวขมวดคิ้ว คุณอาสินธรแต่งงานกับอาโกวมานานแล้ว จะมีลูกสาวตอนไหน และหากว่ามีลูกสาวแล้วทำไมอาโกวถึงไม่เคยรู้เลย “คุณอาสินธรเนี่ยหรอคะ” “อืม… วนาลี ลูกสาวกานดา แม่บ้านอาเป็นเมียน้อยแสนรักของอาสินธรเราเลยแหละ พวกเขารักกันมาก่อนอาซะอีก” เหมยลี่บอกเล่าราวกับว่าเรื่องราวพวกนั้นไม่เกี่ยวกับเธอ ส่วนแพรวพรรณก็ได้แต่ตกใจยกมือทาบอก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณอาสินธรถึงได้ดูเอ็นดู เมตตาวนาลีมากขนาดนั้น ถึงขั้นซื้อรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นให้ไปเรียน เรียนพิเศษอะไรก็ได้หมด ส่วนกานดาก็มักจะแสดงความเจ้ากี้เจ้าการ บางครั้งก็เห็นว่ากานดาใช้ของแบรนด์เนมราคาแพงเสียด้วย หน้าตาก็นับว่าสะสวยไม่น้อย การศึกษาก็ไม่ได้ด้อย แต่กลับมาเป็นแม่บ้าน ที่แท้แล้วเรื่องราวมันช่างซับซ้อน “แล้ว… อาโกวยอมหรอคะ” “อาไม่ได้ยอมหรอกลูก แต่ว่าโวยวายไป พวกเขาก็จะรู้ทันเรา ที่ผ่านมาอาก็จัดการไปได้หลายเรื่องแล้ว ที่เหลือก็คงต้องให้พ่อเราช่วยนั่นแหละ อาห่างจากงานบริหารไปเยอะ อีกทั้งอาก็เป็นผู้หญิง สู้ให้พ่อเราช่วยดีกว่า อย่างน้อยเสียผลประโยชน์ก็ยังเข้าครอบครัวเราเอง” เหมยลี่กล่าว พี่ชายของเธอเป็นคนหน้าเลือดมากคนหนึ่ง เขาคงไม่ยอมทำอะไรให้เหมยลี่โดยไม่หวังผลประโยชน์ แต่ก็นั่นแหละ ต่อให้หวังผลประโยชน์จากเธอ แต่ถ้าประโยชน์พวกนั้นมันเข้าไปอยู่กับญาติพี่น้องของเธอก็นับว่าไม่เสียผลประโยชน์หรอก “หนูช่วยอะไรอาโกวไม่ได้เลย” “ตัวเล็กแค่นี้จะช่วยอะไรได้ เรียนให้จบ ใช้ชีวิตให้ดีเท่านี้ก็ถือว่าช่วยอาแล้วล่ะลูก” เหมยลี่กล่าวด้วยความเอ็นดูก่อนที่ทั้งสองจะพากันไปทานอาหารริมน้ำร้านโปรดของเธอ กุ้งชุบแป้งทอด ปูผัดผงกะหรี่ ปลาหมึกต้มมะนาว ต้มยำกุ้ง หรือจะอาหารอีกหลายอย่าง ที่แม้ว่าพวกเขาจะกินไม่หมดก็ไม่เป็นไร เหมยลี่ในอดีตย่อมทิ้งอาหารเหลือพวกนี้ไปเลย แต่ตอนหลังเธอได้เรียนรู้เกี่ยวกับฟู้ดเวส ทำให้เธอห่ออาหารเหลือพวกนี้กลับไปกินที่บ้าน เพราะคงไม่มีใครทานร้านอาหารได้ทุกวัน เหมยลี่เองก็เช่นกัน แม้จะมีเงินมากมาย แต่ก็ไม่ได้ชอบใช้เงินหรูหราแบบที่ผ่านมา เพราะท้ายที่สุดคำว่า ตายไปก็เอาไปไม่ได้ นั้นมีอยู่จริง “อาโกวอยู่บ้านใหญ่ไม่ดีกว่าหรอคะ ไม่ต้องไปอยู่ที่นั่นแล้ว จะได้มีคนดูแลอาด้วย” “ไม่เป็นไรหรอกลูก อาอยู่ได้ คิดถึงก็ค่อยมาหาอาก็พอ" “หนูจะไปเยี่ยมอาโกวบ่อยๆ นะคะ” “จ้ะ” เหมยลี่กลับมาบ้านด้วยท่าทางที่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สังหาริมทรัพย์จำพวกทอง นาฬิกา เงินสดถูกถ่ายเทเข้าตู้เซฟของหนูแพรวไปหมดแล้ว จะเหลือก็พวกกระเป๋า เครื่องเพชรอีกไม่กี่อย่าง ซึ่งเหมยลี่ก็จะใช้ตรงนี้เป็นการจัดการคนที่เธอไว้ใจที่สุดอย่างกานดา กับวนาลี เธอไว้ใจคนทั้งสองมาก และเอ็นดูวนาลี ส่งเสียให้เรียนสูง มีเงินมีทอง ถึงขั้นมีรถขับไปเรียนด้วยซ้ำ ทั้งที่เป็นลูกแม่บ้าน เธอก็ยอมปล่อยให้วนาลีวางตนเป็นลูกสาวเธอ อวดร่ำอวดรวยกับคนอื่นโดยไม่หักหน้าของวนาลีมาก่อน เพราะคิดว่ากานดาเป็นแม่บ้านที่ซื่อสัตย์ แต่แท้จริงคนรอบข้างเธอกลับมีแต่คนที่ไม่สามารถไว้ใจได้เลย เหมยลี่จะใช้จุดอ่อนในการกำจัดทั้งคู่ เพื่อเป็นบทเรียนที่กล้ามาหลอกลวงเธอ “คุณผู้หญิงโทรคุยกับใครหรอคะ หน้าเคร่งเครียดเลย” “ก็ช่างน่ะสิ อยู่ดีๆ ระบบสแกนนิ้วห้องกระเป๋ามันเสีย ไหนจะอยู่ดีๆ เน็ตก็ล่มอีก กล้องก็เสีย แย่จริง” “ตายจริง อย่างนี้ช่างจะมาเมื่อไหร่คะเนี่ย” “อีกอาทิตย์นึงจ๊ะ ฉันว่าฉันจะไปเที่ยวเชียงใหม่ด้วย อย่างนั้นฉันฝากกานดาหน่อยนะจ๊ะ ของมันเยอะ เดี๋ยวช่างมาก็ช่วยดูแลหน่อยนะกานดา” เหมยลี่ยิ้มบอกก่อนจะทานอาหารเช้าของตนเองด้วยรอยยิ้มสดใส กานดาไม่ได้มีนิสัยลักเล็กขโมยน้อย แต่เมื่อลูกสาวเริ่มโต เธอก็เริ่มหยิบฉวยของบางอย่างของเหมยลี่เอาไปให้ลูกสาว แม้มันจะไม่ได้มีมูลค่ามากนัก แต่เหมยลี่ก็จดจำสิ่งของของตนเองได้แม่น เธอเริ่มต้นจากไม่ค่อยมีอะไร จะซื้อหาแต่ละอย่าง เธอคิดแล้วคิดอีก แม้จะซื้อเยอะ แต่ก็จำได้อยู่ดีว่าเธอมีอะไรหรือไม่มีอะไร ที่ผ่านมาเธอทำเหมือนมองไม่เห็น แต่ตอนนี้เธอจะใช้จุดนี้ทำให้เป็นประโยชน์มากที่สุด “คุณนายมาเที่ยวหรอจ๊ะ” เสียงชาวบ้านที่หญิงวัยชราถามเหมยลี่ เธอพยักหน้า จุดกำเนิดของธุรกิจของเธอหลายอย่างโดยเฉพาะแสงระวีฟู้ดของเธอ ไม่เพียงแต่ทำด้านวัตถุดิบอาหาร เหมยลี่ยังมีโรงสีขนาดใหญ่ที่มีนาข้าวของชาวบ้านในเครือหลายพันไร่ เป็นข้าวที่ส่งออกให้กับต่างประเทศ ทั้งยังมีฟาร์มมากมายในเครือของเธอ เหมยลี่ไม่ได้สร้างฟาร์มขึ้นมาเอง แต่กลับเป็นแหล่งเงินทุนให้ชาวบ้าน และนำระบบเทคโนโลยีเข้าไปมีส่วนร่วมกับชุมชน แม้จะเหมือนเจ้าหนี้ไปบ้าง แต่ก็พัฒนาได้ในระยะยาว เธอต้องการแค่เพียงพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ ไม่ได้ต้องการเอาเปรียบใคร และที่สำคัญเธอทำเพื่อความยั่งยืน แต่เมื่อสินธรเข้ามาบริหารแทน เขากลับเปลี่ยนแนวคิดการทำงานของเธอจนหมด เหมยลี่มาเพื่อสำรวจความเป็นไปของชาวบ้าน ทั้งยังส่งคนมาเก็บหลักฐานการโกงของสินธรเพิ่มเติม คำพูดที่ว่าตีงูต้องตีให้ตาย เหมยลี่คิดว่าเธอจะตีให้ตายยกรัง จะได้ไม่เป็นปัญหาอีก ทั้งอีกอย่างก็เพื่อปูทางให้หลานสาวแสนรักขึ้นมาเป็นผู้บริหารแทนเธอในอนาคต ตอนนี้ก็เพียงจัดการวางแผนให้เป็นไปตามนั้น เหมยลี่ใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไปที่นอนโรงแรมหรูพอสมควร พร้อมกับเรียกรถสองแถวชาวบ้านแบบเหมาทั้งวันไปเทีี่ยวในสถานที่มากมาย ทุกที่เป็นสถานที่ที่น่าท่องเที่ยว อาหารเหนือบางอย่างก็ไม่ถูกปาก แต่โดยรวมก็ถือว่าอร่อยมากพอสมควร สิ่งที่เหมยลี่ชอบมากที่สุดก็เห็นจะเป็นไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม เธอเดินเที่ยวเล่นในเส้นทางร้านอาหารยามเย็นด้วยความพอใจ ไม่นานก็มีสายหนึ่งโทรเข้ามาหาเธอ “คุณเหมยครับ ผมได้หลักฐานจากกล้องวงจรปิดสำรองแล้วครับ” เสียงของทีมงานที่เหมยลี่จ้างมาจัดการเรื่องนี้เฉพาะโทรมาบอกข่าวดี พร้อมกับส่งไฟล์หลักฐาน ความจริงเหมยลี่แสร้งวางของไม่เรียบร้อยไปเสียอย่างนั้น โดยเฉพาะแหวนจำนวนหลายวงพวกนั้น สำหรับคนที่ไม่เคยได้ครอบครองแหวนอาจจะไม่รู้ว่าเพชรแต่ละเม็ดมีความพิเศษในตัวเอง เหมยลี่มีใบเซอร์สำหรับเพชรพวกนั้นทั้งหมด หากมีการขโมยนำไปขาย ก็จะสามารถตรวจสอบได้ไม่ยาก เรื่องราวของสินธรเอง เธอก็วางแผนเป็นปีกว่าจะทำให้เขาตกหลุมพรางได้ เหมยลี่รู้ว่าสินธรเชื่อในซินแส ฮวงจุ้ย ดวงชะตาทุกอย่าง เธอได้ร้องขอให้พ่อหมอที่มีวิชามากความสามารถคนหนึ่งช่วยโกหก ความจริงแล้วผู้ทรงศีลไม่ควรผิดศีล แต่คนเล่นไสยศาสตร์อัพเกรดตัวเองขึ้นมาเป็นพ่อหมอผู้มีวิชาอาคม จะต้านทานอำนาจเงินของเธอได้อย่างไร เหมยลี่หมดเงินไปหลายล้าน กว่าจะหลอกให้สินธรลงลายมือชื่อสำหรับการหย่า โดยตกลงปากเปล่าว่าเป็นการหย่าชั่วคราวสามปี และที่เหมยลี่ลงมือขอความช่วยเหลือพี่ชาย และโยกย้ายทรัพย์สิน เพราะมันครบการจดทะเบียนหย่าหนึ่งปีแล้ว ความจริงสินธรเป็นคนขี้ระแวง แต่เพราะการแต่งงานที่ผ่านมาหลายปี เหมยลี่เชื่อฟังคำพูดเขาทุกคำพูด แทบจะไม่โต้แย้ง ในโลกแห่งธุรกิจเธออาจจะมีความร้ายกาจอยู่บ้าง แต่ก็เพราะได้ทีมงานผู้ช่วยผู้บริหาร และองค์กรที่ดี อีกอย่างก็ต้องยอมรับว่าการประสบความสำเร็จของเธอในครั้งนี้มันมาจากนามสกุลของเธอ เหมยลี่ไม่ได้คิดว่าตนเองเก่งมากมายอะไร เพียงแค่เธอรู้จักเรียนรู้ ไขว่คว้าโอกาส ใช้ชื่อเสียง เส้นสายให้เป็นประโยชน์ แต่ในด้านการเป็นภรรยาแล้ว เธอโง่เขลาเบาปัญญา ประดุจดั่งเป็นควายให้เขาลากจูง เมียน้อยอยู่ข้างเมียหลวงมานานหลายปี เธอยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย สินธรจึงได้วางใจและเชื่อเธออย่างสนิทใจ ทั้งเขายังตกหลุมพรางบริษัทลมของเธอที่ตั้งมาเพื่อดูดเงินเขาโดยเฉพาะ สินธรซื้อคริปโตที่เธอซื้อเล่นไว้ตอนที่ราคาของมันถูก เขาทุ่มเงินทั้งหมดที่มีซื้อคริปโตที่เธอครอบครองอยู่ ท้ายที่สุดคริปโตพวกนั้นจากที่ราคาสูงก็พุ่งต่ำลงมาจนติดดิน ความจริงเรื่องนี้สำหรับเหมยลี่ดูได้ไม่ยาก เป็นธรรมดาของปั่นราคาเพื่อล่อแมลงเม่าบินเข้ากองไฟเสียมากกว่า ตอนที่เหมยลี่ซื้อก็เพราะรู้ว่าอนาคตน่าจะมีคนใช้โอกาสนี้อยู่แล้วในวันหนึ่ง ตอนแรกเธอลืมคริปโตที่เธอซื้อไว้แล้วด้วยซ้ำ จำได้ว่าช่วงคริปโตมาใหม่ที่มีอยู่ไม่กี่สกุลเงิน เพื่อนเธอลงทุนกับเหมืองไปเยอะทีเดียว ควบคุมยาก ต้องวางระบบเพิ่ม ทำเอาราคาการ์ดจอขึ้นทะยานสูงเป็นประวัติการณ์เลย ท้ายที่สุดเหมยลี่ก็ดูดเงินของตัวเองคืนมาได้อย่างมหาศาล สินธรคงหัวเสียอย่างมาก แต่ก็พูดอะไรไม่ได้ เพราะเงินพวกนั้นเป็นเงินที่เขาโกง ยักยอกมานาน คงเป็นความแค้นเคืองใจที่บอกใครก็ไม่ได้ คิดแล้วก็น่าเห็นใจสินธรเหมือนกัน เขาเองก็ทำงานให้กับเธอมาไม่น้อยเลย แต่ทว่า… งานก็ส่วนงาน ความซื่อสัตย์ไม่มีเลย หากว่าบอกเธอตามตรงตั้งแต่แรก คนอย่างเธออาจจะให้อภัยเขา ทั้งยังรับเลี้ยงทั้งเมียน้อย และลูกเขาได้ไม่ยากด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อหมิ่นน้ำใจ หยามเกียรติเธอมากขนาดนี้ สินธรก็ไม่ควรได้รับความเมตตาจากใคร “โยมเป็นอย่างไรบ้าง จิตใจนิ่งสงบบ้างหรือยัง” หลวงพ่อท่านนั้นที่ได้เอ่ยเตือนสติของเหมยลี่ถามหลังจากไม่ได้พบกันมานานหลายปี แต่ท่านย่อมจดจำได้ว่าผู้หญิงตรงหน้าเป็นผู้นำแสงสว่าง ความเจริญ ถนนหนทางมาให้แก่คนในหมู่บ้าน “นิ่งบ้างแล้วเจ้าค่ะ แต่ยังรู้สึกให้อภัยไม่ได้อยู่บ้าง” “มนุษย์เราก็เป็นเช่นนี้แหละโยม จะให้ปล่อยวางได้ทั้งหมด โยมก็คงเดินสู่เส้นทางแห่งธรรมแล้ว แต่หากว่าให้อภัยได้ก็เป็นทานแก่โยม และคนผู้นั้น เอาเถอะชีวิตของโยมสุดแท้แต่โยม สิ่งที่อาตมาจะเตือนก็คือกาลข้างหน้าเจออะไรที่ไม่ปกติ จงอย่าได้ตื่นตระหนกตกใจ ทุกอย่างเป็นเพียงกรรมและวาสนาที่นำพาโยมไปเท่านั้น” หลวงพ่อท่านเอ่ยเตือนเหมยลี่ ความจริงเหมยลี่ไม่ได้มีความเชื่อในด้านศาสนามากมายขนาดนั้น แต่ทว่า… ในตอนที่ได้ฟังคำพูดเตือนสติครั้งนั้น ทำให้เธอรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ใจที่รุ่มร้อนราวมีเปลวเพลิงกำลังแผดเผา สงบลงอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ทำให้หลายครั้งที่เธอทุกข์มากจึงเริ่มหันหน้ามาฟังธรรม แต่เพราะใจไม่ได้มุ่งสู่เส้นทางศาสนาทำให้เธอก็ฟังได้ไม่นานนัก แต่ก็นิ่งมากขึ้น มองเห็นอะไรในรูปแบบอื่นมากขึ้น เหมยลี่เดินทางกลับมาบ้านของเธอพร้อมกับตำรวจหลายนาย ที่มาพร้อมพยานและหลักฐานการกระทำความผิด วนาลีขโมยกระเป๋าของเธอไปขาย โดยกระเป๋าใบนี้เป็นกระเป๋าที่หลบอยู่ในกล่อง ไม่ได้มีรอยแกะ ทั้งยังอยู่ในนั้นมานานจนวนาลีคาดว่าเหมยลี่คงลืมไว้แล้ว เพราะเธอชอบขึ้นมาทำความสะอาดห้องด้านบนเพื่อคอยมองกระเป๋าในห้องเก็บของแบรนด์เนมด้วยความชื่นชม เหมยลี่ตอนที่ล่วงรู้ความลับของสามคนพ่อแม่ลูก เธอได้ยินสินธรบอกกับลูกสาวตัวเองว่าสักวันของในนั้นจะเป็นของวนาลี …ซึ่งนั่นมันเหลวไหลที่สุด “คุณผู้หญิงมากับตำรวจมีอะไรหรอคะ เกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า” กานดาถามเหมยลี่ด้วยความแปลกใจ เหมยลี่หยิบกระเป๋าแบรนด์เนมของเธอ ทั้งยังเครื่องประดับราคาแพงไม่ว่าจะเป็นสีเงิน สีทองออกมา กานดามีรอยยิ้มแข็งค้างทันที “มาจับโจรน่ะ” เหมยลี่รู้ว่ากานดาก็มีส่วนในการขโมยของ แต่เธอไม่ต้องการให้กานดาโดนจับ การที่คนเป็นแม่เห็นลูกโดนดำเนินคดีน่าจะเจ็บปวดมากกว่านัก เธอจึงได้วางกับดักล่อเหยื่อ กล้องวงจรปิดของเธอใช้ไม่ได้ อินเทอร์เน็ตถูกตัดจริง แต่เธอไม่ได้มีกล้องวงจรปิดชุดเดียว และอินเทอร์เน็ตก็ไม่ได้มีแค่เครือข่ายเดียวเช่นกัน เหมยลี่วางแผนมานานเป็นปี เธอย่อมมีความสามารถในการจัดการทุกอย่างได้อย่างเบ็ดเสร็จ เรียบร้อยจนเหยื่อยังไม่ทันรู้ตัวเสียอีก ต้องขอบคุณที่ที่ผ่านมาเธอโง่บัดซบขนาดไหน “มะ หมายความว่ายังไงหรอคะ คุณผู้หญิง” “ก็หมายความว่าฉันให้คุณตำรวจมาจับวนาลีลูกสาวเธอยังไงล่ะ เอาจริงของฉันหายหลายครั้งแล้ว ตอนแรกก็นึกว่ามันหายไปเอง หรือฉันจำผิด ที่ไหนได้ขโมยอยู่ใกล้ตัวนี่เอง” เหมยลี่พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูจะเศร้าอกเศร้าใจไม่น้อย วนาลีที่เดินออกจากครัวมาด้วยความงุนงงก็ถูกตำรวจเชิญไปโรงพักทันที “นี่มันอะไรกันคะคุณตำรวจ” วนาลีถามด้วยความงุนงง ก่อนจะมองเห็นข้าวของที่เธอโพสต์ขายในกลุ่มของแบรนด์เนมไปไม่นานนัก ทั้งยังเห็นคุณเหมยลี่ยืนมองเธออยู่ข้างแม่ของเธอ “มะ แม่ช่วยหนูด้วย แม่คะ แม่คะ” “เชิญที่โรงพักก่อนครับคุณวนาลี” “คะ คุณผู้หญิง เรื่องนี้เราคุยกันได้นะคะ เดี๋ยว เดี๋ยว กานดารับผิดชอบให้ค่ะ” “รับผิดชอบยังไงหรอกานดา ไปขอเงินสามีเธอมาจ่ายให้ฉันหรอ ความจริงเธอน่าจะมีเงินไม่น้อยอยู่แล้วนะ ทำไมลูกสาวเธอถึงมาขโมยของฉันล่ะ” “สะ สามี” “เธอฟังฉันทันซะด้วย เอาเถอะกานดา เก็บข้าวของของเธอออกไปจากที่นี่ซะ ฉันรู้เรื่องของเธอหมดแล้ว อีกอย่างเธอเตรียมไปขอเงินสามีเธอมาเตรียมประกันตัวลูกสาวของเขาเถอะ” เหมยลี่กล่าวกับกานดาก่อนจะเดินกลับไปขึ้นรถคันงามที่รออยู่หน้าบ้าน คนขับรถคนนี้เป็นคนจากบ้านใหญ่ คุณนายกิมส่งคนรับใช้หลายคนมาที่คฤหาสน์ชานเมืองของเหมยลี่เพื่อจัดการไล่กานดาออก พร้อมกับปกป้องข้าวของทรัพย์สินอย่างแข็งขัน ทั้งเฮียชุนยังให้เหมยลี่เข้ามาพักที่บ้านใหญ่ เพื่อความปลอดภัย *food waste เป็นขยะจากอาหารที่เหลือจากการกินทิ้งขว้าง หรือเหลือจากร้านอาหาร และการจัดเก็บวัตถุดิบไม่ดีทำให้กลายเป็นขยะ ซึ่งเป็นปัญหาอย่างหนึ่งที่คนทั่วโลกเริ่มให้ความสำคัญ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD