ใช้เวลาไม่นานทั้งสองก็ได้เครื่องดื่มและอาหารที่ต้องการ วันนี้ร้านเจ๊โอลูกค้าไม่เยอะเหมือนทุกวัน ทำให้ได้ของเร็วกว่าปกติ
“พี่ซื้อไส้กรอกที่เราชอบมาให้” ขึ้นรถมาได้เขาก็หยิบไส้กรอกยี่ห้อโปรดยื่นให้เธอ
“ขอบคุณค่ะ” มุกดายิ้มน้อย ๆ พอเป็นมารยาท รับสินน้ำใจจากเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
จากนั้นบรรยกาศก็ตึงเครียดเหมือนเช่นขามา ทั้งเขาและเธอต่างไม่พูดอะไร มีเพียงเสียงลมหายใจที่ดังเป็นจังหวะช้าสลับเร็ว มุกดานั่งเกร็งตลอดเส้นทาง ภาวนาให้ถึงบ้านไว ๆ เพื่อจะได้ไปให้พ้นจากสถานการณ์น่าอึดอัด แต่ยิ่งคิดความเป็นจริงกลับยิ่งห่างไกล เมื่อรถคันหรูของพี่ชายถูกวายุหักพวงมาลัยรถจอดเทียบริมฟุตบาทข้างทางกะทันหัน
“แม่งเอ๊ย!” เขาสบถออกมาอย่างหัวเสีย ทุบกำปั้นกระแทกพวงมาลัยรถระบายอารมณ์ ก่อนที่เขาจะเงยหน้ามองเพื่อนร่วมทางที่เอาแต่นิ่งเงียบตัวเกร็ง มุกดาถึงกับหน้าถอดสีเมื่อต้องสบนัยน์ตาร้อนแรงของวายุ มือทั้งสองข้างกำชายเสื้อไว้แน่น
“เกลียดพี่มากใช่ไหม”
วายุไม่รีรอที่จะเปิดฉากความตึงเครียด เขาอดทนมามากพอแล้ว พยายามเข้าใจความรู้สึกของเธอทุกอย่าง มุกดาเสียอีกที่ไม่เคยเข้าใจอะไรเลย
“พี่ถามว่าเกลียดพี่มากใช่ไหม!”
น้ำเสียงห้วนจัดตะคอกลั่นรถ
“มุกไม่ได้เกลียดพี่”
เป็นความจริงที่ว่าเธอไม่ได้เกลียดเขา เพียงแต่เธอสับสนและอึดอัดเวลาต้องอยู่ใกล้กัน เธอยังจดจำถ้อยคำดูถูกและสายตาหยามเหยียดของเขาในวันนั้นได้ไม่เคยลืม
“เชื่อตายล่ะ”
เขาประชด ปลดสายนิรภัยเหวี่ยงออกแรง ๆ แล้วโน้มตัวเข้าหาหญิงสาว มุกดายกมือดันแผงอกเขาเอาไว้ ไม่ยอมให้เรือนร่างกำยำเบียดชิดผิวเนื้อ
“จะทำอะไร” ดวงตาหวาดหวั่นสื่อถึงความกลัว วายุแสยะยิ้มร้ายกาจ รู้สึกสะใจที่ทำให้คนปากแข็งกลัวได้
“ตอบพี่มา ถ้าไม่ได้เกลียดแล้วทำไมต้องเมินพี่”
“มุกเมินพี่ตรงไหน มุกก็คุยกับพี่เหมือนเดิม”
เหมือนเดิมของเขากับเธอนั้นแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว คำแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ ยิ่งทำให้วายุรู้สึกเดือด
“คุยเหมือนเดิมเหรอ แน่ใจเหรอที่พูดออกมา”
ไม่แน่ใจเลยสักนิด มุกดารู้ตัวเองดีว่าตอนนี้เธอไม่พร้อมเจอหรืออยู่ใกล้เขา
“มุกไม่อยากเจอพี่” วาจากรีดหัวใจไม่ต่างอะไรกับถูกหินก้อนใหญ่ทุบเข้าที่ศีรษะอย่างจัง
“มุกเกลียดสิ่งแย่ ๆ ที่พี่เคยทำกับมุก มุกไม่ชอบ มุกไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนนิสัยเสียแบบพี่ มุกกะ อื้อ!”
คำว่า ‘เกลียด’ ถูกกลืนหายลงลำคอเมื่อริมฝีปากร้อนฉกวูบลงบนกลีบปากนุ่ม เขาตะโบมจูบอย่างหื่นกระหาย ไม่สนท่าทีขัดขืนดิ้นรนของมุกดาที่พยายามใช้สองมือดันใบหน้าคมคายออกห่าง แรงน้อยนิดไม่สามารถหยุดยั้งความบ้าระห่ำของวายุได้ และเมื่อเขาเกิดความรำคาญ เขาจึงใช้สองมือหยาบกร้านจับใบหน้าคนแสนพยศตรึงรับจูบป่าเถื่อน มุกดาทำได้เพียงส่งเสียงร้องอู้อี้ในลำคอ ใช้ความยาวของเล็บจิกข่วนลำคอแกร่งที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดแห่งความเกรี้ยวกราดของเขา แต่มีหรือที่เสือร้ายอย่างวายุจะยอมปล่อย ในเมื่อรสจูบหอมหวานที่เขาลิ้มลองอยู่ตอนนี้ช่างละมุนลิ้นเหลือเกิน วายุติดอยู่ในห้วงเสน่หาที่ไม่อาจหลุดพ้น เคล้าคลึงริมฝีปากนุ่มเรียกร้องให้คนที่อ่อนแอกว่ายินยอมพร้อมใจไปกับตน แต่มุกดามีสติยับยั้งอารมณ์เบื้องลึก เธอแสร้งทำตัวเคลิบเคลิ้มแล้วอาศัยจังหวะที่เขาเผลอกัดปากของเขาสุดแรง
“ชิบ!” วายุผละตัวออกห่างทันที นิ้วเรียวยาวแตะริมฝีปากล่างที่ถูกกัดเข้าอย่างจัง รสชาติของเลือดคลุ้งปร่าอยู่ในปาก
วายุมองเลือดที่ซึมติดอยู่บนปลายนิ้วมือ หัวใจของเขาเจ็บปวด ความรักที่เขามีต่อเธอ เธอไม่เคยเห็นค่าเลยสักนิด
“รัดเข็มขัดซะ”
บอกเสียงเข้มก่อนทะยานรถขับไปตามเส้นทางที่มีแสงไฟสาดส่องสลัว มุกดาพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล นั่งตัวสั่นเทิ้มภาวนาให้ถึงบ้านไว ๆ เธอกลัวเขาบ้าเลือดแล้วรังแกกันอีก และทันทีที่วายุดับเครื่องยนต์ มุกดาก็ไม่รอช้ารีบเปิดประตูลงจากรถวิ่งเข้าบ้านทันที
“แล้วไอ้ลมล่ะ อ้าว มุก” เมฆาถึงกับงงที่น้องสาวรีบวิ่งขึ้นห้องไม่สนเสียงเรียกของเขา สักพักวายุก็เดินตามเข้ามา
“น้องกูเป็นไรวะ”
“ทะเลาะกับกูนิดหน่อย”
“ทะเลาะ” เมฆาถึงกับขมวดคิ้ว เวลานี้ไม่สนใจฟุตบอลแมตช์สำคัญแล้ว “ทะเลาะกัน เรื่องอะไรวะ”
ปกติก็เห็นคุยเล่นสนุกสนาน เดี๋ยวนี้ทำตัวห่างเหินราวกับเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน
“ไม่มีไรหรอก มุกแค่โมโหที่กูมัวแต่จีบพนักงานเซเว่นแล้วปล่อยให้รอนาน” วายุเอ่ยนิ่ง ๆ สีหน้าเรียบเฉย
มันใช่เหรอวะ
“มึงเนี่ยนะจีบพนักงานเซเว่น” เมฆาไม่อยากเชื่อ ปกติเจ้าเพื่อนจอมหยิ่งของเขาไม่เคยแยแสใคร สวยแค่ไหนถ้าไม่ชอบก็ไล่ตะเพิดจนบรรดาสาว ๆ เหล่านั้นหน้าแหกไปตาม ๆ กัน
“กูกลับก่อนนะ นี่ก็ของที่มึงให้ซื้อ” เขาวางถุงเครื่องดื่มและยำแหนมร้านดังลงบนโต๊ะ
“อ้าว… แล้วมึงไม่อยู่เชียร์บอลกับกูเหรอ ไอ้ลม” เมฆาตะโกนเรียกสุดเสียงแต่เพื่อนไม่สนใจ
“เชี่ย” นึกขึ้นได้ว่ารถที่วายุขับออกไปเป็นรถของตัวเอง เมฆารีบวิ่งออกมาหน้าบ้านแต่ไม่ทันเสียแล้ว ยืนมองป้ายทะเบียนรถไกล ๆ ก็ได้แต่ก่นด่าเพื่อนรักด้วยความหงุดหงิด
“ไอ้เวรเอ๊ย รถกู!!!”