บทที่ 1 - คนในอดีต (ลืมเธอไม่ลง) (จบตอน)
“อีกแก้ว!” น้ำเสียงหนักแน่นเอ่ยบอกหญิงสาวหน้าตาสะสวย ทรวดทรงองค์เอวเซ็กซี่เกินคำบรรยาย เต็มไปด้วยเสน่ห์ชวนน่าหลงใหล
มันควรจะเป็นเช่นนั้น หากคนที่นั่งอยู่ตรงนี้เป็นผู้ชายคนอื่นที่พร้อมขย้ำเสือสาวให้ตายคามือ
“พอเถอะลม คุณดื่มไปเยอะแล้วนะคะ” พริตตี้สาวชื่อดังรีบดึงแก้วเหล้าออกจากมือชายหนุ่ม หล่อนกลัวเขาจะเมามายจนไม่มีแรงทำรัก
“อย่ามายุ่ง!”
วายุ สะบัดร่างเพรียวระหงกระเด็นติดพนักโซฟา เขาหยัดกายลุกขึ้นยืนแม้จะโงนเงนบ้างเล็กน้อยตามประสาคนดื่มไม่ต่ำกว่ายี่สิบแก้ว แต่ชายหนุ่มก็ยังดูน่าเกรงขามและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งบุรุษเพศ
เขาย่ำเท้าเดินเข้าห้องนอน แพรวาถึงกับยิ้มมุมปากรีบพรมน้ำหอมแล้วเดินตามเข้าไป
“ออกไป!” น้ำเสียงห้าวตะโกนไล่ไม่ใยดี เล่นเอาพริตตี้ตัวแม่ถึงกับหน้าชา เสียอาการไปชั่วขณะ
“ลมขา แพรแค่อยากดูแลคุณ”
ไม่พูดเปล่า มือเรียวพยายามลูบไล้แผงอกกำยำที่โผล่พ้นกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาว วายุจับข้อมือน่ารำคาญสะบัดทิ้ง
“ออกไป”
“แต่ลมคะ…”
“ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน!”
ดวงตาเหี้ยมดุเตือนให้รู้ว่าอย่าริลองดี แพรวากลืนน้ำลายลงคอ คำว่า หมดความอดทน เธอรู้ดีว่ามันน่ากลัวเพียงใด
“ก็ได้ค่ะ ไว้คุณสร่างเมาแพรจะแวะมาหาใหม่นะคะ”
ถึงจะพูดเช่นนั้นแต่เธอรู้ดีแก่ใจดีว่าวายุคงไม่เรียกหา นอกจากเธอจะทำใจกล้าหน้าด้านเดินมาหาเขาเองเหมือนกับวันนี้
“โธ่เว้ย! ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะ” เสียงคำรามลั่นห้องหลังจากที่ตัวน่ารำคาญอย่างแพรวาออกไปแล้ว คนเมาต่อยกำแพงห้องอย่างเหลืออด น้ำตาลูกผู้ชายไหลอาบแก้ม
“ทำไม ทำไม ทำไม!!!”
เขาเฝ้าถามตัวเองซ้ำ ๆ ว่าทำไม
ทำไมผู้หญิงที่เขารักถึงไม่เคยเห็นค่าของเขาเลย ทำไมผู้หญิงที่เขาเฝ้าทะนุถนอมมาตลอดสิบกว่าปีถึงมองข้ามความรักของเขา ทำไมเธอคนนั้นเหยียบย่ำหัวใจของเขาให้ตายทั้งเป็น
ทำไม…
“เธอไม่เคยรักพี่เลยใช่ไหม”
เป็นคำถามที่รู้คำตอบอยู่เต็มอก ที่ผ่านมาเขาพยายามทำตัวเป็นพี่ชายที่แสนดี เก็บซ่อนความรู้สึกไม่เคยแสดงตัวตนร้ายกาจออกมาเลยสักครั้ง
วายุคิดเสมอว่าผู้หญิงชอบผู้ชายที่ดี ผู้หญิงทุกคนอยากเป็นแฟนกับคนที่ดีพร้อม เขาปฏิบัติตามสูตรสำเร็จของผู้ชายที่เพรียบพร้อมมาตลอดสิบปีเต็ม มือเรียวแสนนุ่มก็ไม่เคยได้แตะ ยกเธอให้อยู่เหนือผู้หญิงทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
แต่ความดีของเขาไม่เคยแทรกซึมเข้าไปในหัวใจดวงนั้น เธอเก็บความรักที่ควรเป็นของเขาไว้ให้ผู้ชายคนอื่น!
“ได้ ได้” ดวงตาคมกริบแข็งกร้าว มองหยดเลือดที่ไหลซึมผ่านซอกนิ้วเรียวยาวด้วยความเย็นชา
“ในเมื่อเธอเลือกที่จะทรยศพี่ งั้นต่อไปนี้ก็เตรียมตัวรับความร้ายกาจอย่างเต็มรูปแบบได้เลย!”
ในเมื่อเป็นคนดีแล้วเธอไม่เห็นค่า เขาก็จะขอเลวให้มันสุด!
ร่างท้วมที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดโต๊ะอาหารอย่างขะมักเขม้นตกเป็นเป้าสายตาของหญิงสาวที่กำลังเดินเข้ามาภายในบ้าน เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มอมยิ้มขณะค่อย ๆ ย่องเบาวางกระเป๋าสะพายลงบนโซฟา ชูนิ้วชี้ทั้งสองข้างเตรียมพร้อมแล้วโจมตีเข้าที่เอวของมารดาทันที
“ว้าย! ตาเถร” เสียงอุทานดังลั่นไปทั่วบ้านพร้อม ๆ กับเสียงหัวเราะมีความสุขของบุตรสาวคนเล็ก
“ยัยมุก เล่นอะไรแม่ตกใจหมดเลย” ปราณี หรือ แม่ณี ของลูกไม่ว่าเปล่า ยกมือตีแขนเจ้าตัวดีไปหนึ่งที
“ดีนะที่แม่วางแกงลงกับโต๊ะแล้ว ไม่อย่างนั้นล่ะก็…” ปราณีมองแกงส้มชะอมกุ้งแล้วหันมาถอนหายใจใส่ลูกรัก
“ขอโทษค่า” ช่างเป็นคำขอโทษที่ไร้ท่าทีสลด ลูกสาวแสนซนยังคงยิ้มละไมสนุกสนาน ปราณีเห็นเช่นนั้นก็ดุไม่ลง อดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม
“ยิ้มแล้ว ๆ เห็นไหม”
“เห็นอะไร”
“ก็เห็นว่าแม่รักหนู แม่ไม่โกรธหนูหรอก” มุกดา กอดรัดร่างของมารดาแนบแน่น พูดจาออดอ้อนออเซาะ
“ไม่ต้องเลยเรา พอทำผิดก็ชอบมาอ้อนแม่อยู่เรื่อย” ถึงปากว่าแต่สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความอบอุ่น
“แม่ก็ชอบให้หนูอ้อนใช่ไหมล่ะ” มุกดาที่มั่นใจในลูกอ้อนของตัวเองยิ้มไม่หยุด
“พอเลย ๆ หยุดประจบประแจงแล้วขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อย เดี๋ยวพี่ชายเรากลับมาจะได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา” ปราณีหยิบจานชามออกมาวางเรียงบนโต๊ะอาหาร หันมาอีกทีก็เห็นแม่ลูกสาวตัวดีแอบหยิบทอดมันชิ้นใหญ่เข้าปาก พอรู้ตัวว่าต้องถูกดุแน่ ๆ จึงรีบวิ่งหนีขึ้นห้องอย่างไว
“ยัยมุก! แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าให้ล้างมือก่อนหยิบของกิน ลูกคนนี้นี่” คนเป็นแม่ได้แต่ถอนหายใจ มุกดาเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยก็จริง แต่พฤติกรรมต้องเรียกว่าตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เธอมีความซุกซนเหมือนเด็กผู้ชาย เก่งกล้าไม่กลัวคน ซึ่งขัดกับบุคลิกอ่อนหวานน่ารักที่ใครต่อใครต่างมองว่าบอบบางราวกับตุ๊กตาเจ้าหญิงตัวน้อย ๆ
ปราณีเคยนึกสงสัยว่าเหตุใดมุกดาจึงแทบไม่มีความเป็นผู้หญิงเอาซะเลย จนกระทั่งได้ข้อสรุปที่คิดว่าน่าจะอ้างอิงจากความเป็นจริงมากที่สุดก็คือ มุกดาได้นิสัยห้าวหาญมาจากพี่ชายที่เลี้ยงดูเธอมาแต่เล็กแต่น้อย
เมื่อก่อนปราณีเป็นเพียงแม่บ้านที่ห้างสรรพสินค้า เวลาทำงานค่อนข้างหนักและหามรุ่งหามค่ำพอสมควร ไม่ค่อยมีเวลาอยู่ดูแลลูกสาว ดังนั้นหน้าที่เลี้ยงน้องจึงตกเป็นของบุตรชายคนโตที่มีอายุห่างจากน้องถึงเก้าปี จึงไม่แปลกที่มุกดาจะชอบเล่นมวยปล้ำมากกว่านั่งแต่งตัวให้ตุ๊กตาบาร์บี้เหมือนเด็กผู้หญิงทั่ว ๆ ไป
หลังจากอาบน้ำชำระล้างร่างกายเสร็จสิ้น มุกดาก็เลือกสวมเสื้อยืดสีขาวคู่กับกางเกงยีนขาสั้นตัวโปรด ดวงตากลมโตสำรวจรูปร่างเพรียวระหงของตัวเองด้วยความพึงพอใจ ระบายรอยยิ้มประดับมุมปากเล็กน้อย จับเส้นผมรวบมัดเป็นมวยสวยกลางศีรษะทุย อวดท้ายทอยงดงามที่เหล่าสุภาพสตรีทั้งหลายต้องการเป็นเจ้าของ
“พี่เมฆยังไม่มาอีกเหรอคะ นี่มันจะสองทุ่มแล้วนะ”
มุกดาถามหาพี่ชาย ปราณีวางมือจากการเตรียมของหวานชะโงกหน้ามองไปที่ประตูรั้วหน้าบ้าน
“นั่นน่ะสิ ไหนบอกว่าวันนี้จะกลับเร็ว”
“หรือว่าติดประชุมอีก”
มุกดาตั้งข้อสงสัย เธอนั่งลงประจำที่ที่คุ้นเคย ทอดมองอาหารหลากหลายชนิด กลิ่นหอมยั่วยวนกะเพาะอันหิวโหย
“แม่จ๋า หนูกินเลยได้ไหมอะ ขี้เกียจรอแล้ว” คนพูดทำหน้าเว้าวอนพลางหยิบช้อนเตรียมพร้อมรับประทาน
“ไม่ได้ จะกินก็ต้องกินพร้อมกัน เดี๋ยวพี่ก็คงใกล้ถึงแล้วล่ะ”
ปราณีปรามเสียงเข้ม คนเป็นแม่อยากทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาลูก ๆ นานทีลูกชายจะว่างมาทานข้าวเย็นที่บ้าน เนื่องจากแยกตัวไปอยู่คอนโดฯ ใกล้กับที่ทำงาน เวลาเลิกงานมืดค่ำจะได้ไม่ต้องขับรถกลับบ้าน ซึ่งระยะทางมันไกลมาก ปราณีไม่เห็นด้วยหากบุตรชายจะขับรถกลับบ้านมืดค่ำทุกวัน
“ก็คนมันหิวนี่น่า” มุกดาทำตาละห้อย
“จะหิวอะไรนักหนาเราน่ะ อยู่ออฟฟิศแม่เห็นลงรูปของกินในเฟซบุ๊คทั้งวัน”
“นี่แม่เป็นเพื่อนหนูในเฟซเหรอ” มุกดาเบิกตากว้าง ยกมือป้องปากตกใจ “ไม่ได้การละ หนูต้องรีบบล็อคแม่โดยด่วน เกิดวันหนึ่งหนูเผลอแชร์รูปผู้ชายใส่วันพีชแม่จะตกใจเอาได้”
“หยุดเลยนะ ห้ามบล็อคแม่เด็ดขาด แล้วอะไรกัน ผู้ชายใส่วันพีชมันคืออะไร” ปราณีขมวดคิ้วถาม
“ก็รูปผู้ชายใส่กางเกงในตัวเดียวไงแม่” มุกดาพูดแล้วทำสายตากรุ้มกริ่มมีเลศนัย หัวเราะคิกคักมีความสุข
“ตายแล้วยัยมุก! นี่เราดูรูปโป๊กับเขาด้วยหรือไง”
มารดาผู้อ่อนต่อโลกโซเชียลลมแทบจับ
“ไม่ใช่รูปโป๊นะแม่ ก็แค่รูปผู้ชายอวดมัดกล้าม อวดความอลังการนิดหน่อย” มุกดาทำไม้ทำมือขยายคำว่า อลังการ จนคนเป็นแม่ถึงกับนวดนิ้วคลึงขมับ
“ตาย ๆ ลูกสาวฉัน”
“หนูล้อเล่นค่า หนูไม่แชร์อะไรพวกนั้นหรอก” แต่เรื่องดูมันห้ามกันไม่ได้จริง ๆ นี่นา ของดีมีใครบ้างจะอยากพลาด
“เรานี่น้า… นั่นไง พี่ชายเรามาแล้ว” ปราณีกำลังตั้งท่าจะเทศนาชุดใหญ่ พลันแสงสว่างวาบที่สาดกระทบหน้าต่างดึงความสนใจไปที่หน้าประตูรั้วทันที
“เดี๋ยวหนูออกไปรับเองค่ะ”
คนที่ไปสัมมนาที่ต่างจังหวัดหลายวันรีบอาสา มุกดาอยากเจอพี่ชาย คิดถึงคนตัวโตที่ชอบยีหัวเธอด้วยความเอ็นดู
“พี่เมฆขา คิดถึงจังเลย”
มุกดาหลับหูหลับตาวิ่งเข้าไปกอดเพราะคิดว่าผู้ชายที่ก้าวเท้าลงจากรถคือ เมฆา พี่ชายสุดที่รัก หารู้ไม่ว่าคนที่ตัวเองโอบกอดอยู่นั้นเป็นบุคคลที่เธออยากหลีกหนีมากที่สุด
“ไม่ใช่พี่เมฆครับ” เสียงเข้มกระซิบข้างหู เพียงได้ฟังก็รู้ทันทีว่าเขาคือใคร เธอจึงรีบผละตัวออกห่างอย่างไว
วายุกัดกรามแน่น ท่าทีไม่อยากอยู่ใกล้กันของเธอกำลังฆ่าเขาให้ตายทั้งเป็น!
“พี่ลม” มุกดาถึงกับหน้าถอดสี ดวงตาเลิ่กลั่ก รีบมองหาพี่ชายแล้ววิ่งไปกอดเขาแก้เก้อ
“พี่เมฆ” กลิ่นกายที่คุ้นเคยช่วยให้บรรยกาศมาคุบรรเทาลงได้บ้าง “คิดถึงจังเลย”
“พี่ก็คิดถึง ไหนขอดูหน้าให้ชัด ๆ สิ” เมฆาดันร่างน้องสาวออกห่างเล็กน้อย สำรวจใบหน้างดงามด้วยรอยยิ้ม
“ดำขึ้นหรือเปล่าเราน่ะ ไปสัมมนาที่หัวหินตั้งห้าวัน นอนตากแดดมาใช่ไหมเนี่ย”
“เปล่าซะหน่อย หนูอยู่แต่ในห้องแอร์ กินแต่ของอร่อย ๆ ทั้งวันทั้งคืนเลยต่างหาก” มุกดาอวดอ้างราวกับเด็กน้อย
“แล้วมีของฝากให้พี่หรือเปล่าหืม” เมฆาแบมือทวงถาม น้องสาวจอมทะเล้นจึงตีมือเขากลับ
“ไม่มี”
“อ้าว ได้ไงอะ ทีพี่ไปต่างประเทศพี่ยังซื้อของมาฝากเราทุกครั้งเลย” เมฆาแสร้งทำหน้าเศร้า สองพี่น้องรู้ดีว่าต่างฝ่ายต่างพูดเล่น ไม่ได้น้อยอกน้อยใจจริงจัง
“ถ้าอยากได้ของฝากทำไมไม่ให้เงินหนูไปซื้อล่ะ หนูมันก็แค่ครีเอทีฟจน ๆ คนหนึ่ง ไม่มีปัญญาซื้อของมาฝากผู้จัดการใหญ่แห่งบริษัทฯ พีกรุ๊ป อย่างพี่ได้หรอก”
เมฆาหัวเราะชอบใจยกใหญ่
“ยัยตัวดี เรานี่น้า” หนีไม่พ้นวางมือบนศีรษะทุยแล้วยีเส้นผมไปมาอย่างมันเขี้ยว
“พี่อ่า… ผมเสียทรงหมด ไป ๆ แม่รอกินข้าว”
มุกดาจับหน้าม้าที่แตกออกให้เข้าที่ดังเดิม ช่างเป็นภาพที่น่ารักน่ามองสำหรับใครบางคน
“ไปลม ไปกินข้าวกัน” เมฆาหันไปชวนเพื่อนสนิท วายุพยักหน้าก่อนเดินตามเข้าไป